ฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้ายผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย อิตาลี, สเปน, อังกฤษ และ เดนมาร์ก เป็นฝ่ายที่ได้เดินหน้าต่อไปในทัวร์นาเมนต์ ขณะที่ เบลเยียม,สวิตเซอร์แลนด์, ยูเครน และ เช็ก เป็นอันต้องอกหักไป ในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้มีนักเตะหลายทำผลงานยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ เว็บไซต์รวบรวมสถิติชื่อดังอย่าง whoscored จึงได้ทำการจัดทีมยอดเยี่ยมในรอบนี้โดยวัดจากผลงานนักเตะส่วนตัวซึ่งมีแข้ง “สิงโตคำราม” โผล่มาถึง 4 รายด้วยกัน

ผู้รักษาประตู: ยานน์ ซอมเมอร์

สวิตเซอร์แลนด์ โชว์ผลงานยอดเยี่ยมในการต่อกรกับหนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง สเปน แม้ว่าพวกเขาจะตกรอบด้วยการพ่ายดวลจุดโทษ แต่สิ่งที่น่าประทับใจมากคือฟอร์มของนายด่านนาม ยานน์ ซอมเมอร์ ผู้ซึ่งคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้หลังโชว์การเซฟมาถึง 10 ครั้งรวมถึงอีก 1 จุดโทษในช่วงดวลเป้าด้วย ผลงานนี้น่าจะทำให้ค่าตัวของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

แบ็กขวา: วลาดิเมียร์ คูฟาล

เช็ก ตกรอบเป็นที่เรียบร้อยหลังจากพ่ายแพ้แก่ เดนมาร์ก 2-1 แต่ต้องบอกว่าพวกเขาเกือบตามตีเสมอได้ในครึ่งเวลาหลังเนื่องจากปรับปรุงฟอร์มจากครึ่งแรกมามากโดยเฉพาะในรายของ วลาดิเมียร์ คูฟสล แบ็กขวาจาก เวสต์แฮม ซึ่งจัดแอสซิสต์ให้ ปาทิค ชิค ทำประตูตีไข่แตก นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีสถิติสร้างโอกาสถึง 3 ครั้ง, ตัดบอลอีก 3 ครั้ง และแท็กเกิ้ลอีก 2 ครั้ง

เซนเตอร์แบ็ก: แฮร์รี่ แม็กไกวร์

หลังจากสลัดอาการบาดเจ็บและลงเล่นเกมสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็กลายเป็นคีย์แมนสำคัญในการเก็บคลีนชีททั้งกับเกมพบ เยอรมัน และเกมในรอบ 8 ทีมกับ ยูเครน เซนเตอร์แบ็ก “ปีศาจแดง” เป็นคนโหม่งพังประตูที่ 2 ทำให้แทบจะดับความหวังของ ยูเครน ในการกลับมาครึ่งหลัง เขายังเคลียร์บอลอีก 3 ครั้งช่วยให้นายทวาร จอร์แดน พิคฟอร์ด ไม่ต้องเจองานยากลำบากมากนัก และนอกจากนี้ยังจ่ายบอลแม่นยำถึง 96.8% อีกด้วย

เซนเตอร์แบ็ก: โธมัส แฟร์มาเล่น

เบลเยียม ไม่สามารถหยุดความร้อนแรงของ อิตาลี ได้สำเร็จแต่เกมวันนั้น โธมัส แฟร์มาเล่น อดีตปราการหลังอาร์เซน่อลและบาร์เซโลน่าถือเป็นหัวใจในเกมรับของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” โดยเซนเตอร์แบ็กวัย 35 ปีมีสถิติที่บ่งบอกว่าอ่านเกมได้อย่างยอดเยี่ยมหลังตัดบอลถึง 5 ครั้งมากกว่านักเตะทุกคนในรอบ 8 ทีมสุดท้าย มากไปกว่านั้นเขายังเคลียร์บอล 4 ครั้งและแท็กเกิ้ลอีก 4 ครั้งด้วย

แบ็กซ้าย: ลุค ชอว์

ลุค ชอว์ กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบ 8 ทีมหลังจากโชว์ฟอร์มสุดสะเด่าในเกมถล่ม ยูเครน โดยสตาร์แมนฯ ยูไนเต็ด เติมเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยมพร้อมกับทำ 2 แอสซิสต์จากการสร้างโอกาสทั้งหมด 3 ครั้ง

กองกลาง: โธมัส เดลานี่ย์

ลูกโขกของ โธมัส เดลานี่ย์ ในนาทีที่ 5 ของเกมช่วยให้ เดนมาร์ก เล่นง่ายขึ้นมากก่อนจะเอาชนะ เช็ก 2-1 กองกลางดอร์ทมุนด์รายนี้มีสถิติชนะการดวลลูกลางอากาศมากถึง 7 ครั้งซึ่งมากกว่านักเตะทุกคนในรอบ 8 ทีม นอกจากนี้เขายังตัดบอล 3 ครั้งและแท็กเกิ้ล 2 ครั้งกลายเป็นคีย์แมนสำคัญในแดนกลางของทัพ “โคนม”

กองกลาง: เซอร์ดาน ชากิรี่

เซอร์ดาน ชากิรี่ โชคร้ายที่ต้องหยุดเส้นทางไว้เพียงแค่รอบก่อนรองชนะเลิศหลังจากสวิสพ่ายให้กับ สเปน อย่างไรก็ตามสตาร์ลิเวอร์พูลถือเป็นตัวความหวังในแนวรุกและยังเป็นผู้ยิงประตูตีเสมอ สเปน จากโอกาสยิงทั้งหมดของเขา 2 ครั้ง สิ่งที่น่าเสียดายคือเขาสร้างโอกาสมากถึง 3 ครั้งแต่ไม่มีแอสซิสต์ติดไม้ติดมือ

ปีกขวา: เจดอน ซานโช่

นี่เป็นนักเตะอังกฤษคนที่ 3 และยังเป็นแข้งแมนฯ ยูไนเต็ด คนที่ 3 ที่ติดทีมยอดเยี่ยมในรอบนี้ ซานโช่ ได้โอกาสออกสตาร์ทตัวจริงเป็นครั้งแรกในฟุตบอลยูโรครั้งนี้หลังจากทุกฝ่ายเรียกร้องกันมานาน และเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลเมืองผู้ดีผิดหวัง

แม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมกับทั้ง 4 ประตูในเกมถล่ม ยูเครน แต่ ซานโช่ มีสถิติที่ดีเยี่ยมในการเลี้ยงผ่านคู่แข่งมากถึง 4 ครั้งซึ่งมีเพียงแค่ เฌเรมี่ โดกู ของเบลเยี่ยมที่เลี้ยงผ่านคู่แข่งมากกว่าในรอบนี้ (8 ครั้ง) เจ้าตัวยังมีสถิติการลงมาช่วยเกมรับหลังจัด 1 แท็กเกิ้ลและตัดบอล 1 ครั้ง

ปีกซ้าย: ลอเรนโซ่ อินซินเย่

ลูกยิงของ อินซินเย่ เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ในเกมเฉือนชนะ เบลเยียม โดยเจ้าตัวโชว์เทคนิคการยิงประตูด้วยการปั่นโค้งระยะไกลเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม ถือเป็นโอกาสยิง 1 ใน 3 ครั้งของเขา ยิ่งไปกว่านั้น อินซินเย่ ยังสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอีกถึง 3 ครั้งแต่น่าเสียดายที่ไม่มีแอสซิสต์

กองหน้า: แฮร์รี่ เคน

หลังจากกัปตันทีมชาติอังกฤษโขกประตูปลดล็อคในเกมกับ เยอรมัน เจ้าตัวก็มาระเบิดฟอร์มต่อเนื่องในเกมถล่ม ยูเครน ด้วยการเหมา 2 ประตูจากโอกาสยิงของเขาทั้งหมด 4 ครั้ง ทำให้ยิงเพิ่มเป็น 3 ประตูแล้วในทัวร์นาเมนต์นี้ เคน ยังมีสถิติชนะดวลลูกกลางอากาศ 3 ครั้ง

กองหน้า: แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก

ศูนย์หน้าจากนีซยิงประตูที่ 3 ในฟุตบอลยูโรครั้งนี้พร้อมกับช่วยให้ เดนมาร์ก ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เขายังมีสถิติลงไปช่วยเกมรับด้วยการเคลียร์บอล 2 ครั้ง นับเป็นทัวร์นาเม้นต์แจ้งเกิดของ ดอลเบิร์ก คาดว่าน่าจะทำให้หลายทีมใหญ่ในยุโรปจับตามองมากกว่าเดิม