นักฟุตบอลหลายคนที่ผ่านการทำงานร่วมกับ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากที่แขวนสตั๊ดแล้วส่วนใหญ่ก็หันไปเอาดีในการทำงานเป็นกุนซือหรือสตาฟฟ์โค้ช ซึ่งบางคนก็ไปได้ดิบได้ดี แต่บางคนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
อย่างรายล่าสุด กาเบรียล ไฮน์เซ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในขุนพล "ปีศาจแดง" ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2006/2007  ก็เพิ่งการเป็นคนว่างงานหลังโดน แอตแลนต้า ยูไนเต็ด สโมสรในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐฯ สั่งปลดเรียบร้อย

 ไฮน์เซ่ มีโอกาสทำงานให้กับทีมดังลีกเมืองมะกันเมื่อเดือนธันวาคม โดยคุมทัพแค่แค่ 13 เกมเท่านั้น แต่ด้วยผลงานที่สุดแสนน่าผิดหวังเมื่อสโมสรรั้งอยู่ในอันดับ 10 ของอีสต์เทิร์น คอนเฟนเรนซ์ ทำให้ต้นสังกัดตัดสินใจอัปเปหิเขาออกจากตำแหน่งทันที

 จะว่าไปแล้วนอกจาก ไฮน์เซ่ ที่มีชะตากรรมในการทำงานกุนซืนที่ไม่โสภาสถาพรแล้ว ยังมีลูกศิษย์ "เซอร์เฟอร์กี้" คนไหนอีกที่สามารถเดินตามรอย  "ป๋า" แล้วดูเหมือนจะมีแววว่าจะเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตบ้าง !!!

โลร็องต์ บล็องก์

 ย้อนกลับไปเมื่อช่วงยุค 2000 โลร็องต์ บล็องก์ ใช้เวลาช่วง 2 ปีสุดท้ายในอาชีพพ่อค้าแข้งมาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผลงานของเขาก็ทำให้สาวก "ปีศาจแดง" ประทับใจเลยทีเดียว

 หลังจากที่ตัดสินใจแขวนเกือก ตำนานแนวรับทีมชาติฝรั่งเศส ถือว่าประสบความสำเร็จในอาชีพกุนซือ หลังนำทัพ บอร์กโดซ์ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในซีซั่น 2008/2009 เขามีโอกาสได้นั่งเก้าอี้นายใหญ่ทัพ "ตราไก่" ด้วยนำทีมทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูโร 2012 

 ยิ่งไปกว่านั้น บล็องก์ ยังประสบความสำเร็จสูงสุดในอาชีพโค้ชเมื่อเขานำ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ผงาดคว้าแชมป์ 8 รายการในช่วงระหว่างที่กุมบังเหียนปี 2013-2016 โดยหลังจากวางมือไปนานตอนนี้เจ้าตัวรับงานคุม อัล-เรย์ยาน ทีมในลีกกาตาร์ เมื่อปีที่ผ่านมา
 
แกรี่ เนวิลล์

 สำหรับ แกรี่ เนวิลล์ ถือเป็นบุคคลที่แฟนบอลที่ไม่ใช่สาวก "เร้ด อาร์มี่" อยากพูดถึงอย่างมากเกี่ยวกับอาชีพการเป็นเทรนเนอร์ของเขา หลังจากที่มักจะเห็นเจ้าตัวจ่อเก่งเวลาวิเคราะห์เกมลูกหนังให้กับ "สกาย สปอร์ตส์" สื่อดังในอังกฤษ

 เนวิลล์ผู้พี่ เคยมีประสบการณ์ในการเป็นกุนซือเพียงครั้งเดียว (และอาจเป็นครั้งสุดท้าย) นับตั้งแต่ที่เขาโบกมือลาการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยต้องบอกเลยว่าเขามีช่วงเวลาที่แสนเลวร้ายในการคุม บาเลนเซีย ระหว่างซีซั่น 2015/2016 ชนิดที่เจ้าตัวไม่อยากจดจำเลยทีเดียว

 อดีตฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษ มีสถิติสวยหรูชนิดที่แฟนบอล "ไอ้ค้างคาว" ทนดูไม่ได้นั่นก็คือการชนะ 10 และแพ้ 11 เกมถือเป็นผลงานที่สุดย่ำแย่ของสโมสร และฟางเส้นสุดท้ายต้องขาดสะบั้นหลังจากที่เขานำทีมแพ้ บาร์เซโลน่า ยับเยิน 0-7

 ปัจจุบันเจ้าตัวหันกลับมาทำงานที่ถนัดนั่นก็คือนั่งจ่อและวิเคราะห์เกมร่วมกับคู่หูคู่ฮา เจมี่ คาร์ราเกอร์ ให้กับช่อง "สกาย สปอร์ตส์" เหมือนเดิม แถมเจ้าตัวยังประกาศก้องจะไม่รับงานผู้จัดการทีมอีกต่อไป
 
เวย์น รูนี่ย์

 สำหรับ เวย์น รูนี่ย์ มีโอกาสได้กลับมาทำหน้าที่ผู้เล่น/โค้ชให้กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ เมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากที่เก็บเสื้อผ้าจาก ดีซี ยูไนเต็ด ในสหรัฐอเมริกา กลับมาที่บ้านเกิดเมืองนอนช่วงบั้นปลายอาชีพพ่อค้าแข้ง

 ในเวลานั้นมีข่าวลือออกมาเป็นระลอกว่า รูนี่ย์ มีโอกาสที่จะทำหน้าที่แทน ฟิลิปป์ โคคู กุนซือชาวดัตช์ซึ่งทำผลงานกับ "แกะเขาเหล็ก" ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และสุดท้ายเรื่องทุกอย่างก็เป็นจริงเมื่อ "รูน" ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา

 การทำงานกุมบังเหียนช่วงแรกค่อนข้างจะหรูหราพอสมควรเมื่อนำ ดาร์บี้ แพ้แค่ 2 เกมจาก 8 แมตช์ และเหมือนสวรรค์จะเกื้อกูลเพราะในวันสุดท้ายศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ สโมสรทำได้แค่เสมอ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 3-3 หลังจากที่แพ้รวด 6 เกมติดต่อกัน ทำให้พวกเขารอดตกชั้นหวุดหวิด

 ส่วนอนาคตของ รูนี่ย์ จะเป็นยังไงต่อไปคงต้องมาลุ้นกัน โดยล่าสุดเพิ่งนำทีมอุ่นเครื่องแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ฟอร์มโดนรวมก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรมากนัก

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

 ต้องบอกว่านี่คือลูกรักของป๋าเลยก็ว่าได้ เพราะ โอเล่ กุนนาร์ โซลขา มีโอกาสได้เข้ามากุมบังเหียน แมนฯ ยูไนเต็ด แบบขัดตาทัพแทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่โดนปลด และเขาก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยมก่อนที่จะได้รับสัญญาให้คุมทัพถาวร

 พัฒนาการของ "ปีศาจแดง" ค่อนข้างโดดเด่นนับตั้งแต่ที่ "น้าลูกอม" เข้ามาคุมทีม โดยเฉพาะการเดินตามรอยเท้า "เซอร์เฟอร์กี้" ที่เน้นปรัชญาการสร้างทีมที่เล่นเอนเตอร์เทนแฟนบอล และให้ความสำคัญกับการให้โอกาสดาวรุ่งได้ขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีม

 นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ สามารถนำ แมนฯ ยูไนเต็ด ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยได้ถึง 7 ครั้งติดต่อกัน และล่าสุดก็ได้เข้าชิง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่น่าเสียดายที่แพ้จุดโทษ บียาร์เรอัล เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

 อย่างไรก็ตามผลงานในลีกของแมนฯ ยูฯ ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมมากๆ เพราะเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาพวกเขาดูเหมือนจะล้มเหลวไม่เป็นท่าแต่สุดท้ายทีมก็โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด โดยมีบางช่วงขึ้นไปรั้งจ่าฝูง แต่สุดท้ายก็จบด้วยอันดับรองแชมป์ลีก ซึ่งก็คือว่าเหนือความคาดหมายจริงๆ

 สำหรับในฤดูกาล 2021/2022 โซลชา อาจจะต้องเจอแรงกดดันเรื่องการคว้าแชมป์ เพราะแฟนบอลเริ่มคาดหวังในความสำเร็จมากกว่าแค่ลุ้นท็อปโฟร์ และยิ่งทีมมีการเสริมทัพด้วยการทุ่มเงินซื้อ เจดอน ซานโช่ และน่าจะมีแข้งชั้นนำอีกหลายคนเข้ามาเสริมอีก หากไม่มีโทรฟี่แชมป์ งานนี้ "น้าลูกอม" อาจจะชะตาขาดก็ได้

 รอย คีน

ต้องบอกเลยว่าชื่อนี้หากใครได้ยินมีขาสั่นเมื่อเวลาที่ลงสนาม แต่สำหรับการทำงานอยู่ที่ข้างสนาม บอกเลยว่าไม่มีใครหวาดหวั่นเขาเพราะเจ้าตัวแทบจะไม่ได้สืบทอดความเก่งกาจมาจาก "เซอร์เฟอร์กี้" แต่อาจจะเก่งกว่า แกรี่ เนวิลล์!!!

 "คีโน่" ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเหมือนสมัยที่เป็นนักเตะซึ่งสามารถนำ "ผีแดง" ประสบความสำเร็จมากมาย โดยผลงานโดดเด่นที่สุดในอาชีพผู้จัดการทีมก็คือการนำ ซันเดอร์แลนด์ เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2007

 หลังจากแยกทางกับ "แมวดำ" เขาต้องเจอกับวิบากกรรมในการกุมบังเหียน อิปสวิช ทาวน์ ต่อมาได้รับโอกาสทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชให้ทีมชาติไอร์แลนด์, แอสตัน วิลล่า และ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์

 สุดท้ายแล้วดูเหมือนอาชีพที่เหมาะกับเขาที่สุดก็คือการทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับสกาย สปอร์ตส์ และ ไอทีวี อังกฤษ เพราะงานนี้เจ้าตัวได้รับคำชื่นชมจากคอลูกหนังเยอะมาก จากการวิเคราะห์เกมแบบขวานผ่าซาก ตรงไปตรงมา เข้าประเด็น !!
 
ฟิล เนวิลล์

 หนึ่งในนักเตะยุคทอง "คลาส ออฟ 92" อันลือลั่นของแมเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยปัจจุบัน ฟิล เนวิลล์ มีโอกาสได้ทำงานผู้จัดการทีมเป็นครั้งที่สองด้วยการรับบทบาทกุมบังเหียน อินเตอร์ ไมอามี่ หลังแยกทางกับทีมชาติอังกฤษหญิง

 ผลงานของ เนวิลล์คนน้อง ถือว่าโดดเด่นไม่ธรรมดากับการกุมบังเหียนทัพ "แม่เนื้ออ่อนสิงโตคำราม" โดยเขาเคยนำทีมคว้าอันดับ 4 ในการแข่งขันศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 มาแล้ว 

 สำหรับการทำงานในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ส ต้องบอกว่าในช่วงแรกไม่ค่อยดีนัก เมื่อ อดีตกัปตันทีมเอฟเวอร์ตัน นำต้นสังกัดซึ่งมีเดวิด เบ็คแฮม เพื่อนซี้เป็นเจ้าของร่วม แพ้ไปถึง 7 เกมจาก 11 แมตช์ และรั้งอันดับบ๊วยของกลุ่มอีสต์เทิร์น คอนเฟดเรนซ์ โดยมีแค่ 8 คะแนนเท่านั้น