ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » สานต่อความโหดจากแดงเดือด! 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล รับมือ ไบรท์ตัน

สานต่อความโหดจากแดงเดือด! 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล รับมือ ไบรท์ตัน

Posted 30/10/2021 by siamsport

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล พร้อมที่จะนำทีมรับมือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ที่สนามแอนฟิลด์ ในเกมพรีเมียร์ลีก วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคมนี้ เพื่อสานต่อฟอร์มที่ยอดเยี่ยมหลังบุกถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
     ฟอร์มของ "หงส์แดง" ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องโดย 2 เกมลีกที่ผ่านมาพวกเขาไล่ต้อน วัตฟอร์ด 0-5 และทำศึก "แดงเดือด" สอนบอล แมนฯ ยูฯ สกอร์เดียวกัน ขณะที่แมตช์ต่อไปต้องพบกับ ไบรท์ตัน ซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆ เพราะทัพ "นกนางนวล" ผลงานดีเกินขาดในซีซั่นนี้

     สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" ก็คือแดนกลางของทีมที่ยังมีปัญหาโดยในรายของ ฟาบินโญ่ ต้องลุ้นเรื่องความฟิต ส่วน ติอาโก้ อัลกันทาร่า แม้จะกลับมาซ้อมกับทีมได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ฟิตพอที่จะลงสนามดวล ไบรท์ตัน

     ขณะเดียวกันผู้มาเยือนก็อาจจะอยู่ในช่วงผลงานสะดุดเพราะเพิ่งแพ้ยับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมลีก และโดน เลสเตอร์ ซิตี้ เขี่ยตกรอบศึกคาราบาว คัพ ทำให้ 5 แมตช์หลังสุดในทุกรายการพวกเขาสะกดคำว่าชนะไม่เป็น (แพ้ 2 เสมอ 3) ฉะนั้นการบุกมาที่แอนฟิลด์ ถือเป็นงานที่ยากลำบากเลยทีเดียว

1. แนวรุกคึกสุดขีด
     สำหรับตอนนี้ต้องยอมรับว่าแนวรุกของ ลิเวอร์พูล ดุดันและเต็มไปด้วยความมั่นใจสุดขีด หลังจากพวกเขาโชว์ฟอร์มอย่างโหดโดยเฉพาะ 2 เกมลีกล่าสุดที่ซัดรวมกันไปถึง 10 ประตูเลยทีเดียว แถมยังการยิงประตูนอกบ้านซะด้วย

     คล็อปป์ มีทางเลือกในเกมบุกที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ดีโอโก้ โชต้า ซึ่งไม่ว่าจะส่งใครลงสนาม พวกเขาสามารถกระซวกตาข่ายคู่แข่งได้ตลอดเวลา

     โดยเฉพาะ "บังโม" ตอนนี้ฟอร์มโหดเหลือเกินซัดในลีกไปแล้ว 10 ประตูจาก 9 แมตช์ และตะบันรวม 15 ประตูจาก 12 เกมในทุกรายการ แถมยังคอยช่วยสร้างเกม และแอสซิสต์ให้เพื่อนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในเวลานี้ ซาลาห์ อยู่ในช่วงมั่นใจเกินร้อยจริงๆ ที่สำคัญในเกมลีกพบ ไบรท์ตัน, ดาวเตะชาวอียิปต์ยังมีส่วนช่วยให้ทีมได้ 9 ประตู (5 ประตู, 4 แอสซิสต์)

     ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เกรแฮม พอตเตอร์ กุนซือนกนางนวล ถึงขนาดซูฮก ซาลาห์ ว่าเป็นสุดยอดนักเตะที่ไม่ใช่แค่ในระดับโลกเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลายเป็นนักเตะระดับนอกโลกไปเรียบร้อยแล้ว  

2. ฟาน ไดค์ ยังไม่แพ้ในแอนฟิลด์
     นอกจากความยอดเยี่ยมของ ซาลาห์ และแนวรุกที่สุดยอดของ "หงส์แดง" พวกเขายังมีเกมรับที่สุดแข็งแกร่งโดยเฉพาะการมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ คุมแผงหลังยิ่งทำให้เจ้าบ้านเสียประตูยากมากขึ้นเป็นทวีคูณ

     ลองคิดดูสถิติของ ปราการหลังทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในการเล่นที่แอนฟิลด์ มันช่างสุดยอดจนน่าเหลือเชื่อ เพราะเขายังไม่เคยแพ้ในการเล่นเกมลีกที่รังเหย้าของสโมสรตลอดระยะเวลาที่ลงสนาม 51 แมตช์ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวอยู่ค้าแข้งกับ "หงส์แดง" มาแล้วเกือบ 4 ปี

     ยิ่งไปกว่านั้นผลงานของ ฟาน ไดค์ ในการช่วย ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์ สามารถนำทีมเก็บชัยชนะได้ถึง 44 แมตช์ โดยเสมอ 7 เกมเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่านี่คือสถิติที่ยอดเยี่ยมที่ทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" รู้สึกอุ่นใจเวลาที่เห็น แนวรับชาวดัตช์ ยืนคุมด้านหลัง

     หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่า อ้าวเฮ้ย ! เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ช่วงที่ "เดอะ เร้ดส์" เกิดวิกฤติใหญ่โดยเฉพาะการแพ้ในบ้าน 6 แมตช์ แต่ขอบอกว่าเกมเหล่านั้นไม่มี ฟาน ไดค์ ลงสนามเนื่องจากนักเตะได้รับบาดเจ็บจนต้องพักยาวทั้งซีซั่น  

3. แดนกลางต้องลุ้น ฟาบินโญ่ ส่วน เกอิต้า พร้อมแล้ว
     ก่อนหน้านี้แฟนบอล "หงส์แดง" ต่างก็ลุ้นหนักว่าทีมรักต้องประสบกับปัญหาในแผงมิดฟิลด์ เนื่องจากมีผู้เล่นบาดเจ็บหลายครั้งทั้ง นาบี เกอิต้า, ติอาโก้ อัลกันทาร่า, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์ รวมไปถึง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์


     อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้องบอกว่าบรรดา "เดอะ ค็อป" ได้รับข่าวดีเมื่อ เกอิต้า และ ติอาโก้ สามารถกลับมาลงฝึกซ้อมร่วมกับทีมได้แล้ว แต่น่าเสียดายตรงที่ ดาวเตะชาวสแปนิช อาจจะยังไม่ฟิตมากพอที่จะลงสนามในแมตช์นี้ 

     กระนั้นในรายของ ฟาบินโญ่ ซึ่งดวงแตกได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่ายังต้องลุ้นว่าจะสามารถฟิตทันกลับมาช่วยทีมในแมตช์รับมือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่าการขาด ดาวเตะชาวบราซิเลียน ถือว่าเสียหายพอสมควร

     สำหรับแมตช์นี้ ไบรท์ตัน คงจะมาเล่นในสไตล์เน้นเกมรับ และหาจังหวะสวนกลับ ฉะนั้นเกมแดนกลางถือเป็นหัวใจสำคัญเพราะหาก ลิเวอร์พูล สามารถครองเกมตรงจุดนี้ได้ โอกาสที่พวกเขาจะกดดันผู้มาเยือนย่อมมีมากขึ้น

     ฉะนั้นหากทีมไม่มี ฟาบินโญ่ ที่คอยทำหน้าที่คุมจังหวะ และตัดเกมคู่แข่ง งานหนักคงต้องตกไปอยู่ที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ เกอิต้า ส่วนอีกรายน่าจะเป็น เคอร์ติส โจนส์ ที่จะได้โอกาสโชว์ฝีเท้าอีกครั้ง

4. ไบรท์ตันชื่อนี้เคยทำแสบเอาไว้ในแอนฟิลด์
     ไบรท์ตัน บอกเลยว่าพวกเขามีผลงานที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ในฤดูกาลนี้ เพราะฟอร์มในลีกถือว่าเหนือความคาดหมายเนื่องจากตอนนี้ "เดอะ ซีกัลส์" รั้งอยู่ในอันดับ 5 ของตารางลีก เหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งลงทุนมหาศาลในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

     สำหรับผลงานยอดเยี่ยมขนาดนี้มาจากการวางแท็กติกของ พอตเตอร์ และบรรดาผู้เล่นคีย์แมนของทีม อย่างเช่น อดัม ลัลลาน่า ซึ่งเคยเป็นอดีตนักเตะ "หงส์แดง" ชุดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก

     ขณะที่นักเตะคนสำคัญอีกรายของทีมอย่าง อีฟส์ บิสซูม่า กองกลางตัวเก่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ "หงส์แดง" สนใจอยากได้ตัวมาเสริมทัพ ก็อาจจะได้ลงทำหน้าที่บัญชาเกมในแดนกลางให้กับทัพ "นกนางนวล" หลังนักเตะหายเจ็บและเพิ่งลงสนามในเกมแพ้จุดโทษ เลสเตอร์ ซิตี้ ศึกคาราบาว คัพ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์

     อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องบอกเลยว่าน่าเสียดายสำหรับผู้มาเยือนก็คือพวกเขาจะไม่มี แดน เบิร์น ปราการหลังร่างยักษ์ ที่มีปัญหาบาดเจ็บ ซึ่งแน่นอนว่าการขาดตัวหลักในแผงหลังคงทำให้ ไบรท์ตัน เสียศูนย์ไปพอสมควร

     กระนั้นอย่าลืมว่า ไบรท์ตัน เคยสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับสาวก "เดอะ ค็อป" เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยพวกเขาบุกมายัดเยียดความปราชัยถือถิ่นแอนฟิลด์ และนั่นคือหนึ่งใน 6 เกมที่สุดย่ำแย่ของพวกเขาที่พ่ายคาบ้าน 

5. เดินหน้าสร้างสถิติไร้พ่ายต่อไป
     ฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้มีอะไรที่คล้ายคลึงกับฟอร์มทัพ "หงส์แดง" ในซีซั่น 2019/2020 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ เพราะทีมเดินหน้าเก็บชัยชนะเป็นว่าเล่นในช่วงต้นฤดูกาล

     สำหรับตอนนี้ทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นถึง 19 แมตช์ติดต่อกันในลีก (รวมซีซั่นที่ผ่านมาด้วย) และมีโอกาสที่จะเพิ่มสถิติเป็น 20 แมตช์หากพวกเขาสามารถชนะหรือเสมอ ไบรท์ตัน ที่แอนฟิลด์

     สถิติไร้พ่ายในเวลานี้ต้องบอกเลยว่ามาจากการเล่นร่วมกันเป็นทีมโดยเวลาที่ลงสนามทุกๆ คนจะช่วยกันเล่นเกมบุกแบบบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันเมื่อต้องตั้งรับพวกเขาก็รีบลงมาช่วยกันอย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสปิริตภายในทีมที่แข็งแกร่งมากๆ

     อย่างไรก็ตามสถิติต่างๆ คงไม่ได้อยู่ในหัวของนักเตะลิเวอร์พูล มากนัก เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ 3 คะแนน เพื่อจะได้ไล่บี้กับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการลุ้นแชมป์ลีกมากกว่าการได้สถิติที่มีผลแค่สุขทางใจแต่ไม่ใช่ความสำเร็จที่จับต้องได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »