เชลซี พลาดโอกาสที่จะคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ หลังพ่ายการดวลจุดโทษ ลิเวอร์พูล 10-11 หลังเสมอในเวลา 120 นาที 0-0 ในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แมตช์นี้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ทำผลงานได้โดดเด่นเหนือ "หงส์แดง" แต่ไม่สามารถเจาะตาข่ายได้ สุดท้ายต้องดวลกันถึงฏีกา และจุดปลี่ยนสำคัญก็คือการส่ง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ลงมาเฝ้าเสาแทน เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ฟอร์มเหนียวหนึบทั้งเกม โดย นายด่านชาวสแปนิช ได้ชื่อว่าเป็นจอมเซฟจุดโทษ แต่กลับตาลปัตรเพราะเจ้าตัวเซฟไม่ได้เลย และยังเป็นคนสุดท้ายที่ยิงข้ามคาน ส่งให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 9 ในรอบ 10 ปี

11 ตัวจริง

เอดูอาร์ เมนดี้ : 9
ทำผลงานได้สุดเหนียวหนึบ มีจังหวะโชว์ดับเบิ้ลซูเปอร์เซฟช่วยทีมจากจังหวะยิงของ เกอิต้า และ มาเน่ ตามซ้ำ ครึ่งหลังยังโชว์เซฟจังหวะยิงของ ดิอาซ และลูกโหม่งของ ฟาน ไดค์ นอกจากนี้ยังออกมากดดันเร็วทำให้ ซาลาห์ ต้องรีบยิงหนีตัวแต่บอลเบาจนโดนสกัดออกไปได้ ลองนึกภาพหากได้อยู่ทำหน้าที่ในการดวลจุดโทษ ผลการแข่งขันอาจไม่ใช่แบบนี้ !!

เทรโวห์ ชาโลบาห์ : 7
โดน ดิอาซ ทดสอบอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกๆ อาจมีเป๋ไปบ้าง แต่ค่อยพัฒนาฟอร์มการเล่น และสามารถป้องกัน ดาวเตะชาวโคลอมเบีย ได้ดี

ติอาโก้ ซิลวา : 7
มีสมาธิกับเกม มีส่วนช่วยให้ทีมในจังหวะสำคัญถึง 2 ครั้งก่อนพักเบรก ครึ่งเกมรับเหนียวแน่น ทำให้แนวรุกลิเวอร์พูลไม่สามารถกดดันได้มากนัก

อันโตนิโอ รือดิเกอร์ : 8
เล่นด้วยความดุดัน จัดการ ซาลาห์ อยู่หมัด เก็บกินลูกโด่งของ "หงส์แดง" ได้ดีเยี่ยม ประสานงานกับ ซิลวา ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า : 6
เหนียวแน่นในเกมรับ และคอยวิ่งเติมเกมบูกอย่างต่อเนื่อง เกือบช่วยทีมยิงประตูได้ แต่เสียดายได้โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานในช่วงต้นครึ่งหลัก

มาเตโอ โควาซิช : 7
ทำหน้าที่ขับเคลื่อนแดนกลางได้ดีเยี่ยม เล่นด้วยพละกำลังเต็มเปี่ยม ฉลาดในการตัดสินใจตัดเกม มีความนิ่งแม้อยู่ในภาวะกดดัน

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ : 7
รักษามาตรฐานการเล่นได้ดีเหมือนเดิม คอยเบรกเกมแดนกลางของ ลิเวอร์พูล และตัดโอกาสไม่ให้พวกเขาได้เล่นเกมบุกได้สะดวก

มาร์กอส อลอนโซ่ : 7
เป็นอีกรายที่ประสานงานกับ รือดิเกอร์ ในการรับมือ ซาลาห์ ได้อย่างดีเยี่ยม เกือบได้แอสซิสต์จากจังหวะส่งบอลให้ ลูกากู ยิงในช่วงนาทีที่ 90+5 แต่น่า
เสียดายที่โดน เคลเลเฮอร์ เซฟได้หวุดหวิด

เมสัน เม้าน์ท : 6
ท้ายครึ่งแรกได้โอกาสโล่งซัดประตูแต่ดันยิงออกหน้าตาเฉย ต้นครึ่งหลังได้หลุดเดี่ยวแต่ดันยิงไปชนเสา การวิ่งหาช่องถือว่าอันตราย แต่น่าเสียดายที่ขาด
ความเฉียบคม

คริสเตียน พูลิซิช : 5
เป็นอีกรายที่น่าจะยิงประตูเมื่อได้โอกาสซัดระยะ 6 หลาแต่ติดเซฟ เคลเลเฮอร์ การลากเลื้อยสร้างปัญหาในเกมรับลิเวอร์พูล แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก
ก่อนจะโดนเปลี่ยนตัว

ไค ฮาแวร์ตซ์ : 7
การเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่าง และการผ่านบอลทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเจอกับงานหนักในการรับมือ ได้โอกาสส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายแต่ดันเป็นจังหวะล้ำหน้า

ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
ริซ เจมส์ (แทน เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า น. 57) : 6
เพิ่งหายเจ็บ ฟอร์มยังไม่หวือหวา แต่ช่วยทีมได้ในระดับหนึ่ง การเติมเกมรุกยังไม่อันตราย ส่วนเกมรับถือว่าใช้ได้

ติโม แวร์เนอร์ (แทน คริสเตียน พูลิซิช น. 74) : 6
ลงมาสร้างความแตกต่างในเกมรุกได้ดี สร้างปัญหาให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตลอด

โรเมลู ลูกากู (แทน เมสัน เม้าน์ท น. 74) : 6
เกือบเป็นฮีโร่จากจังหวะยิงหน้าประตูแต่โดน เคลเลเฮอร์ เซฟได้อย่างหวุดหวิด เกมรับ ลิเวอร์พูล เจองานหนักในการรับมือความใหญ่และคล่องแคล่วของ
เขา

จอร์จินโญ่ (แทน มาเตโอ โควาซิช น. 105) : 5
ลงมาเพื่อทำหน้าที่ยิงจุดโทษ ส่วนผลงานก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก

เกปา อาร์ริซาบาลาก้า (แทน เอดูอาร์ เมนดี้ น. 120) : ไม่มีคะแนน
ถูกคาดหวังว่าจะเป็นฮีโร่ในจังหวะดวลจุดโทษ แต่เซฟไม่ได้เลย แถมยังยิงไม่เข้า ทำให้ทีมแพ้