เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ คืนวันอาทิตย์นี้ นับว่าน่าสนใจมาก เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องการแต้มเพื่อเป้าหมายของตัวเอง โดยฝั่ง ซิตี้ จำเป็นต้องคว้าชัยเพื่อฉีกคะแนนหนี ลิเวอร์พูล ส่วน ยูไนเต็ด ก็หวังรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์ให้ได้ต่อไป
    ก่อนที่ความมันส์จะอุบัติขึ้นตอนเวลา 5 ทุ่มครึ่ง มีเรื่องราวอะไรน่าสนใจบ้าง เราไปไล่เรียงดูกันได้เลย

    1. สตาร์สองทีมหายทั้งคู่
    รูเบน ดิอาส ปราการหลังจอมแกร่งทีมชาติโปรตุเกส ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บจนไม่สามารถลงปักหลังแนวรับให้ "เรือใบสีฟ้า" เกมนี้ได้แน่นอน โดยเจ้าตัวอาจจะต้องพักยาวอย่างน้อย 1 เดือน

    ขณะที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขาดแข้งคนสำคัญนั้น ช่วงกลางดึกคืนก่อนเกม แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นได้รายงานข่าวน่ากังวลให้แก่ "แฟนผี" นั้นก็คือการที่ไร้เงา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้าพักในโรงแรมกับเพื่อนร่วมทีม

    เท่านั้นไม่พอ สื่อเจ้าเดิมระบุเพิ่มเติมอีกว่ายังมีแข้งอสูรแดงที่หายไปจากการเก็บตัวครั้งนี้ได้แก่ ราฟาแอล วาราน, ลุค ชอว์ และ เอดินสัน คาวานี่ ซึ่งทำให้ ยูไนเต็ด เหลือแข้งทั้งหมด 21 ราย  ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าพื้นที่ตำแหน่งกองหน้าจะตกเป็นของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

    2. เป้าหมายต่างกัน แต่จุดประสงค์เหมือนกัน
    แมนฯ ซิตี้ ต้องการชัยชนะเพื่อไล่ล่าบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน โดยทีแรกดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าป้ายแบบง่าย ๆ เมื่อทำแต้มห่าง ลิเวอร์พูล ขึ้นเลขสองหลัก ทว่าด้วยฟอร์มการเล่นในช่วงหลังที่ 5 เกมล่าสุดเก็บได้ 10 คะแนน ขณะที่ "หงส์แดง" โกยได้มากกว่า 5 แต้มจึงทำให้ช่องว่างตอนนี้ร่นเหลือ 3 แต้มเท่านั้น

    อย่างไรก็ดี "เรือใบสีฟ้า" จะได้ลงแข่งนำหน้า ลิเวอร์พูล ก่อนในคืนนี้ โดยมีโอกาสที่จะทำคะแนนหนีไปอีกเป็น 4 หรือ 6 แต้ม ซึ่งแน่นอนว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องตั้งเป้าตัวเลขหลังมากกว่า เพื่อโยนความกดดันไปให้แก่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์

    ฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการชัยชนะจากเกมนี้เช่นกัน เพื่อยึดพื้นที่อันดับที่ 4 ที่ตอนนี้พวกเขารั้งอยู่ด้วยการมีแต้ม 47 คะแนน และยิ่งการที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พลาดท่าปราชัยต่อ ลิเวอร์พูล เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้พลพรรค "ปีศาจแดง" มีโอกาสทำแต้มฉีก "ขุนค้อน" มากขึ้นไปอีก

    อย่างไรก็ตาม ยูไนเต็ด จะมองแค่ เวสต์แฮม ที่ตามมาทีมเดียวไม่ได้ เมื่อ อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 6 ตอนนี้ มีคะแนนตามหลังพวกเขาแค่ 2 คะแนน และลงเตะน้อยกว่าถึง 3 นัด เพราะฉะนั้น การมีแต้มในเกมนี้จะมีความหมายมากเลยทีเดียว

    3. เรื่องไม่น่าเชื่อที่เกิดขึ้น 7 เกมหลัง
    จากฟอร์มการเล่น และผลงานในช่วงหลายปีหลัง ยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่ดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งเกมแรกที่เจอกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด บนชัยชนะของฝั่งทีมเยือน 2-0 ก็ตอกย้ำว่าเมืองแมนเชสเตอร์เป็นสีฟ้า

    ถึงกระนั้น การเล่นที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ตลอด 9 นัดหลังสุด เชื่อหรือไม่ว่าทีมที่มีผลงานดีกว่ากลับไม่ใช่ทีมเจ้าถิ่น 7 จาก 9 นัดดังกล่าว ชัยชนะตกเป็นของผู้มาเยือน ซึ่งเกม พรีเมียร์ลีก สองซีซั่นล่าสุด ทีมสีแดงกลายเป็นฝ่ายกำชัยทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น 3 เกมหลังทุกรายการที่เล่นที่นี่ ทีมที่เป็นฝ่ายได้เฮก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งสิ้น

    ขณะที่ชัยชนะในบ้านต่อ ยูไนเต็ด ของ ซิตี้ ต้องย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2018 ซึ่งในฤดูกาลดังกล่าว เป็นครั้งเดียวที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถพาทีมเอาชนะ "ปีศาจแดง" ในลีกได้แบบไป-กลับ

    4. ถ้าไม่มี CR7 แมนยู ต้องพึ่งใคร?
    การไร้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าคนสำคัญดูเหมือนจะเป็นเรื่องเสียหายต่อทีมขั้นรุนแรง ทว่าเมื่อดูจากฟอร์มการเล่น และสถิติส่วนตัวในช่วงหลัง มันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้ที่ไม่มีเขาอยู่ในสนาม

    พอล เมอร์สัน อดีตนักฟุตบอลคนดัง ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่เป็นกูรูลูกหนังให้ความเห็นว่าทีมของ ราล์ฟ รังนิก ควรจะดรอป โรนัลโด้ ในเกมนี้ เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาตกลงน่าใจหาย แม้จะพังตาข่ายได้ถึง 15 ลูกจากทุกรายการในซีซั่นนี้

    "ในความเห็นของผม ผมจะใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ แอนโธนี่ อีแลงก้า ลงเล่นในการนี้นะ" อดีตแข้งอาร์เซน่อล กล่าว

    "หากพวกเขามีโอกาสที่จะคว้าชัยชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเล่นเกมสวนกลับด้วยผู้เล่นที่มีความเร็ว, ทักษะ และพลังมากมาย ผมจะไม่ส่ง โรนัลโด้ ลงในเกมนี้"

    5. แมนยู ต้องทำไงหากจะโค่น ซิตี้
    แฟนบอลหลายคนอาจมองว่า ยูไนเต็ด ไม่สามารถ ซิตี้ ได้เลย และยิ่งมาเล่นที่ เอติอัด แล้ว ก็ยากต่อการจะรอดออกไปจากความพ่ายแพ้

    แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ ว่าสถิติการมาเยือนที่นี่ช่วงหลัง "เร้ด เดวิลส์" ทำได้ดีเกินคาด กอปรการได้ ราล์ฟ รังนิก เข้ามาคุมแบบขัดตาทัพ ก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นหนึ่งในทีมที่แพ้ยากทีมหนึ่งในลีก เมื่อผลงานของกุนซือเลือดด๊อยช์ท 13 เกมในลีก อังกฤษ เขาประสบความพ่ายแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้น

    ก่อนเกมที่จะเจอกัน ผู้จัดการทีมวัย 63 ปีให้เหตุผลที่เชื่อว่า ยูไนเต็ด มีสิทธิ์ที่จะบุกเอาชนะ ซิตี้ ได้นั้นคือลูกทีมของเขาต้องไม่ปล่อยให้ทีมเจ้าถิ่นครองเกมบุกเข้าใส่ และต้องสร้างจังหวะการเล่นกับโอกาสของตัวเองให้ได้