ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ต้องเปิดศึกกับ เรอัล มาดริด อีกรอบจนได้หลังทั้งสองทีมถูกจับสลากให้ต่อกรกันในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

เท่ากับว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องห้ำหั่นกับ คาร์โล อันเชล็อตติ ซ้ำอีกแม้ทั้งคู่เพิ่งเผชิญหน้ากันมาเมื่อไม่นานในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศซีซั่นที่ผ่านมาซึ่งชัยชนะตกเป็นของทีมจาก ลา ลีกา อีกหน

ต่อผลการจับสลากดังกล่าว ส่งผลให้ หงส์แดง ถูกพิพากษาว่าไม่แคล้วถูกย้ำแค้นอีกแน่เนื่องจากสถิติที่ผ่านมาฟ้องอยู่ว่าพวกเขากินน้ำใต้ศอก ราชันชุดขาว เป็นประจำ

กระนั้นก็ดี วันพระไม่ได้มีหนเดียว แม้หลายต่อหลายครั้ง ลิเวอร์พูล จะทำงานไม่สำเร็จ แต่ในเมื่อโอกาสเปิดกว้างให้อีกครั้ง พวกเขาก็ย่อมหวังว่าสักวันจะต้องถอนแค้นคู่ปรับรายนี้ได้แน่

ในฐานะแชมป์เก่าซึ่งจบอันดับหนึ่งในรอบแบ่งกลุ่ม เรอัล มาดริด จึงได้สิทธิ์ลงเล่นเกมที่สองในรังตัวเอง ขณะที่ ลิเวอร์พูล ทีมอันดับสองของรอบแบ่งกลุ่มจำเป็นต้องใช้ความได้เปรียบในการเป็นเจ้าถิ่นนัดแรกตุนสกอร์เอาไว้ให้ดีที่สุด

แต่ก็นั่นแหละ แม้เกมคู่นี้มีบัญชีต้องสะสางกันบ่อยครั้ง แต่ลงเอยแล้ว หงส์แดง มักเป็นฝ่ายปีกหักทุกทีไป

อย่างไรเสีย กว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะเปิดศึกกันในเดือนก.พ.สถานการณ์ต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันไม่มากก็น้อย

มองในมุมของ ลิเวอร์พูล เมื่อวันนั้นมาถึง พวกเขาก็น่าจะมีสองตัวรุกอย่าง หลุยส์ ดิอาซ และ ดีโอโก้ โชต้า หายเจ็บกลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง

ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าทีมไหนจะเป็นฝ่ายมีชัยก็เชื่อได้เลยว่ามันจะเป็นเกมที่แฟนบอลตั้งหน้าตั้งตารอคอยจากเงื่อนไขสี่ข้อสำคัญดังนี้

1.ที่นี่ แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูล อาจเสียเปรียบเล็กน้อยในฐานะทีมอันดับสองของกลุ่มซึ่งต้องจับสลากเจอกับทีมวางในรอบ 16 ทีม และต้องเล่นนัดแรกในบ้านก่อนบุกไปเยือนคู่แข่งนัดสองซึ่งมีความหมายต่อการชี้ผลแพ้ชนะอย่างยิ่งตามที่กฏกติกากำหนดเอาไว้

และจากที่เห็นกันจนเป็นภาพชินตา หลายต่อหลายครั้งที่ เร้ด แมชีน อาศัยข้อได้เปรียบนี้เอาชนะผู้มาเยือนได้อย่างยอดเยี่ยมเนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าบรรยากาศใน แอนฟิลด์ กดดันอาคันตุกะได้มากแค่ไหน

พร้อมกันนี้ สาวก เดอะ ค็อป ก็ขึ้นชื่อในด้านการเปล่งเสียงเชียร์กระตุ้นทีมแบบสุดลิ่มทิ่มประตูด้วยอันทำให้ขุนพล หงส์แดง สามารถระเบิดฟอร์มฉกาจฉกรรจ์ในรังตัวเองได้เป็นประจำโดยเฉพาะในยามที่พวกเขาต้องเล่นเกมบิ๊กแมตช์

ด้วยเหตุนี้ คล็อปป์ จึงต้องเน้นหนักเกมแรกให้มากเป็นพิเศษซึ่งหากว่า ลิเวอร์พูล คว้าผลลัพธ์ที่ดีตุนเอาไว้ได้ก่อน มันก็จะช่วยเพิ่มพูนความฮึกเหิมและความมั่นใจก่อนที่พวกเขาจะต้องบุกไปเยือนสังเวียนแข้ง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในเกมชี้ชะตา

2.แรงอาฆาตของ ซาลาห์

บอกได้เลยว่าเกมหูใหญ่รอบ 16 ทีมคราวนี้ แม้การปะทะกันระหว่าง บาเยิร์น กับ เปแอสเช จะจัดเป็นเกมคู่เอกระดับห้าดาว แต่เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เรอัล มาดริด มีความดึงดูดไม่แพ้กันเท่าไหร่ต่อให้คู่นี้จะดวลกันมาแล้วบ่อยครั้งก็เถอะ

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะทั้งสองทีมมีคดีให้ต้องชำระสะสางกันโดยเฉพาะฝั่ง หงส์แดง ซึ่งเก็บความแค้นสุมอกมานานแล้ว แถมยังโดนเพิ่มไฟแค้นมากขึ้นไปอีก

คงไม่มีใครลืมว่า โม ซาลาห์ ดาวยิง หงส์แดง ฉุนขาดแค่ไหนที่โดน เซร์คิโอ รามอส เข้าปะทะจนไหล่หลุดในเกมชิงดำซีซั่น 2017/18 และต้องเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 31

จนในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็พ่ายไปแบบขาดลอย 3-1 ซึ่งแต่นั้นมากองหน้าทีมชาติ อียิปต์ จำฝังใจมาตลอดว่าเขาจะต้องเอาคืน ราชันชุดขาว อย่างสาสม

และแล้ว โอกาสของ บังโม ก็บังเกิดในเกมชิงดำซีซั่นที่ผ่านมา แถมทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์กำลังคึกสุดขีดด้วยเนื่องจากเกือบลุ้นคว้าแชมป์สี่รายการได้อยู่รอมร่อ

และต่อให้โจทก์เก่าของ ซาลาห์ อย่าง รามอส จะย้ายไปร่วมทีม เปแอสเช แล้วก็ไม่วายที่พ่อค้าแข้งไอยคุปต์จะมี ติโบ กูร์กตัวส์ เป็นอริรายใหม่

ต้นสายปลายเหตุเกิดจากหลังรู้ว่าจะได้ เรอัล มาดริด เป็นคู่ต่อกรในเกมชิงชนะเลิศ ซาลาห์ ก็โพสต์ข้อความทันทีว่ามีเรื่องต้องสะสางกัน

เท่านั้นแหละ ดาวเตะแอฟริกันก็โดนหลายฝ่ายโจมตีว่าไม่ควรนำเอาความแค้นส่วนตัวมาโพสต์เนื่องจากมันเป็นเรื่องของเกมกีฬา แถมดีไม่ดีอาจเข้าตัวด้วยซ้ำเพราะหากเกิดพลาดท่าปราชัยขึ้นมา ตัวของ ซาลาห์ เองก็จะมีแต่เสียกับเสีย

จนในที่สุด กูร์กตัวส์ ก็กลายมาเป็นคนที่ทำให้ ซาลาห์ อกหักเป็นซ้ำสองโทษฐานโชว์ความเหนียวหนึบเซฟลูกยากเป็นพัลวันช่วยให้ เรอัล มาดริด เฉือนชัยไปได้ 1-0

ถึงตรงนี้ จึงต้องรอดูกันว่า คิง ออฟ อียิปต์ จะต้องชอกช้ำระกำทรวงเป็นแฮททริคหรือเปล่าในเมื่อ ลิเวอร์พูล มีอันต้องโคจรมาปะทะกับ ราชันชุดขาว เข้าให้อีกจนได้

3.เกมสองนัดเหย้า-เยือน

ฐานที่เสียท่าให้กับ เรอัล มาดริด หลายหน มันจึงเกิดประเด็นถกกันขึ้นมาว่า ลิเวอร์พูล อาจมีโอกาสเอาชนะ ราชันแห่งยุโรป รายนี้มากขึ้นเมื่อได้เล่นกันแบบสองเกม ไม่ใช่เกมเดียวเหมือนนัดชิงชนะเลิศซึ่งพวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้แก้ตัว

อย่างที่ได้เห็นกันว่า หงส์แดง เสียท่าให้กับ ราชันชุดขาว ในนัดชิงชนะเลิศสองหนหลังที่ทั้งสองทีมโม่แข้งกัน บรรดาสาวก เดอะ ค็อป จึงมองว่าการได้ดวลกับทีมจากลีกกระทิงดุสองเกมอาจทำให้ทีมรักของพวกเขามีสิทธิ์คิดการณ์ใหญ่ได้มากกว่านั่นเอง

จะอย่างไรก็ช่าง อย่างที่บอกว่า เร้ด แมชีน จำเป็นต้องเล่นเกมแรกในบ้านให้ดีที่สุด และต้องคว้าผลลัพธ์ให้ได้ด้วยก่อนบุกไปเหยียบแผ่นดินกระทิงดุตามคำกล่าวที่ว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

ขณะเดียวกัน หากทำงานได้สำเร็จ ก็อาจเป็นเรื่องสะใจไม่น้อยสำหรับฝั่ง หงส์แดง ที่สามารถเขี่ย เรอัล มาดริด ตกรอบได้ตั้งแต่รอบนี้ แทนที่จะต้องไปเจอกันอีกในรอบชิงชนะเลิศซึ่งประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้

4.กูร์กตัวส์ ไม่ต่างกับ ซาลาห์

พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากมีสี

ถึงตอนนี้ กูร์กตัวส์ ตกอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างอะไรกับ ซาลาห์ แล้ว และมีโอกาสถูกประชาทัณฑ์ทุกเมื่อเช่นกันจากคำพูดที่พ่นออกมา

สำหรับ ซาลาห์ เขาโดนเย้ยไปแล้วเนื่องจากถูก ราชันชุดขาว ย้ำแค้นซึ่งตรงกับที่ เธียร์รี่ อองรี อดีตกองหน้านามกระเดื่องคอมเมนต์เอาไว้ไม่มีผิดว่าสตาร์ทีม ลิเวอร์พูล ไม่ควรโพสต์ข้อความก่อนนัดชิงชนะเลิศในแนวทางนั้นเพราะมันไม่มีประโยชน์

ด้าน กูร์กตัวส์ เองหลังจากคว้าแชมป์ได้เมื่อซีซั่นก่อน เขาได้กล่าวจิกกัดทีมคู่แข่ง และสื่ออิงลิชเช่นกันซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากนายทวารทีมชาติ เบลเยี่ยม พลาดท่าเสียทีก็จะมีคนเหยียบเขาซ้ำให้จมดิน

"เมื่อวานในการแถลงข่าวผมบอกว่าเมื่อ มาดริด เล่นนัดชิงชนะเลิศ พวกเขาจะชนะ ผมจึงได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์" อดีตผู้รักษาประตูทีม เชลซี กล่าว

"ผมเห็นทวีตมากมายโจมตีผมว่าควรเจียมเนื้อเจียมตัวมากกว่านี้ แต่ผมทำงานหนักเพื่อหวังว่าจะได้รับความเคารพซึ่งผมไม่คิดว่าผมได้รับมากพอโดยเฉพาะในอังกฤษ ผมเห็นข้อความโจมตีผมมากมายทั้งๆที่ผมมีซีซั่นที่ดี" เจ้าของรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมเสริม

ลองเป็นอย่างนี้ ไม่ กูร์กตัวส์ ก็ต้อง ซาลาห์ ที่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ว่าอย่าตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เป็นอันขาดหากไม่อยากโดนโลกโซเชี่ยลที่แสนโหดร้ายรุมบูลลี่อย่างไร้ความปราณี