ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » กระทิงหมดกระสุน,อินทรีเหล็กดายฮาร์ด! 5 ข้อ สเปน เจ๊า เยอรมัน ต้องลุ้นนัดฎีกา

กระทิงหมดกระสุน,อินทรีเหล็กดายฮาร์ด! 5 ข้อ สเปน เจ๊า เยอรมัน ต้องลุ้นนัดฎีกา

Posted 28/11/2022 by siamsport

หลังเปิดตัวอย่างโหดด้วยการถล่ม คอสตาริกา ม่อยกระรอก 7-0 สเปน ก็ไม่อาจตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมของศึก ฟุตบอลโลก 2022 ได้ตั้งแต่เนิ่นๆเมื่อพลาดท่าโดน เยอรมัน ตามตีเสมอ 1-1 ในการฟาดแข้งนัดสองของกลุ่ม อี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 พ.ย.

จากสกอร์ที่ปรากฏ หมายความว่า อินทรีเหล็ก ซึ่งเสียชื่อในเกมแรกยังมีโอกาสลุ้นเข้ารอบได้หากพวกเขาปลิดชีพ คอสตาริกา ได้สำเร็จในเกมสุดท้ายโดยมีข้อแม้ว่า ญี่ปุ่น ต้องไม่ทำอุตริพลิกล็อคสยบ สเปน ด้วยเช่นกัน

1.กระทิงดุ ชุดเดิมยกเว้นแบ็คขวา

ป็นไปตามที่ หลุยส์ เอ็นรีเก้ กุนซือทีมชาติ สเปน เปิดปากกับสื่อว่าเขาจำไม่ได้จริงๆว่าเคยส่งทีมชุดเดิมลงสนามหรือเปล่าเนื่องจากทัพ กระทิงดุ มีนักเตะฝีเท้าดีมากมายซึ่งสมควรได้ลงบู๊ด้วยกันทั้งนั้น

อย่างไรก็ดี แม้ เยอรมัน จะออกสตาร์ตได้แย่โดยแพ้ ญี่ปุ่น ในเกมแรก 2-1 แต่ เอ็นรีเก้ ไม่ประมาท และปรับทีมจากเกมขยี้ คอสตาริกา แค่จุดเดียวภายใต้ระบบ 4-3-3 ในตำแหน่งแบ็คขวาซึ่ง ดานี่ การ์บาฆาล ได้ลงเล่นแทน เซซาร์ อันซิปิกวยต้า

รวมเบ็ดเสร็จ 11 นักเตะในเกมนี้ ทีมชาติ สเปน เหลือสมาชิกสี่รายจากเกมสุดท้ายที่พวกเขาดวลกับ เยอรมัน และเอาชนะไปได้แบบท่วมท้น 6-0 ในรายการ เนชั่นส์ลีก โดยหนึ่งในสี่ขุนพลที่ว่าได้แก่ เฟร์รัน ตอร์เรส ซึ่งยิงแฮททริคในเกมดังกล่าว นอกนั้นอีกสามชีวิตประกอบไปด้วยนายทวาร อูไน ซิม่อน , ดานี่ โอลโม่ และ โรดรี้

2.อินทรีเหล็ก เปลี่ยนสองตำแหน่งหวังกู้ชื่อ

ด้าน เยอรมัน ของกุนซือ ฮันซี่ ฟลิค เปลี่ยนทีมไม่มากเช่นกันแค่สองตำแหน่งเท่านั้นในระบบ 4-2-3-1 ซึ่งมีเรื่องให้พวกเขาใจชื้นก่อนลงสนามเพราะต่อให้พ่าย สเปน พวกเขาก็ยังพอจะมีลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้ายหลังได้รับข่าวดีโดยที่ คอสตาริก้า สามารถเอาชนะ ญี่ปุ่น ได้ 1-0

แม้เกมแพ้ทีมเมืองปลาดิบ ฟลิค จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อตำหนิ นิคลาส ซือเล่ ว่าก่อความผิดพลาดจนทีมเสียประตู แต่ปราการหลังทีม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยังได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นเดิมโดยมี ธีโล เคห์เรอร์ ขุนพลทีม เวสต์แฮม  ได้เสียบแทน นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค พ่อค้าแข้งทีม เสือเหลือง อีกราย

ส่วนอีกตำแหน่งในแดนกลาง ไค ฮาแวร์ตซ์ พ่อค้าแข้งทีม เชลซี มีอันต้องหลีกทางให้กับ เลออน โกเร็ตซ์ก้า มิดฟิลด์ทีม บาเยิร์น มิวนิค

และที่สำคัญ ฟลิค เตรียมความพร้อมให้กับทีมในเกมนี้อย่างเต็มที่โดยในการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ เขาเดินทางมาคนเดียวชนิดที่ไม่มีนักเตะติดสอยห้อยตามมาให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยเนื่องจากกุนซือทีมเมืองไส้กรอกระบุว่าต้องการให้นักเตะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเดินทางไกลร่วมสามชั่วโมงเป็นระยะทางราว 100 กม.มาพูดคุยกับสื่อเพียงช่วงสั้นๆซึ่งยังไม่แน่ว่าทีมชาติ เยอรมัน จะโดน ฟีฟ่า ลงโทษหรือเปล่า

3.นอยเออร์ สร้างสถิติ

ขณะเดียวกัน ในวัย 36 ปี มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติ เยอรมัน ลงเล่นให้แผ่นดินเกิดเป็นเกมที่ 116 นัดแล้ว

แต่หากจะว่ากันเฉพาะศึก ฟุตบอลโลก มือกาวทีม บาเยิร์น มิวนิค ทำสถิติเป็นนายด่านตาข่ายที่เฝ้าเสาในรายการนี้มากที่สุด 18 นัดเทียบเท่ากับที่ เคลาดิโอ ทัฟฟาเรล อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติ บราซิล และ เซ็ปป์ ไมเออร์ ตำนานทีม อินทรีเหล็ก สร้างสถิติเอาไว้

4.ครึ่งแรก เยอรมัน สอบผ่าน

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เยอรมัน จะครองบอลเป็นรอง สเปน หลังจบ 45 นาทีแรกจากตัวเลข 68:32% เนื่องจากยุคนี้ ทีม กระทิงดุ ถือเป็นเจ้าทางด้านนี้ตัวจริงเสียงจริง

อย่างไรก็ดี ฟุตบอลตัดสินกันที่การยิงประตู และทีมของ ฟลิค สามารถเอาตัวรอดไปได้ หนำซ้ำยังทำเอา สเปน ใจแป้วไปด้วยจากลูกฟรีคิกที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โขกตุงตาข่ายในนาทีที่ 40 แต่เป็นลูกล้ำหน้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้น

แต่ขณะเดียวกัน เปอร์เซนต์การครองบอลในครึ่งแรกของทีมด๊อยทช์  31.6% ถือเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่เกมบู๊กับ โมร็อคโก ในปี 1986 ซึ่งมีตัวเลข 39% ในเกมรอบ 16 ทีมซึ่งยุคนั้นยังใช้ชื่อว่า เยอรมันตะวันตก และพวกเขาเบียดชนะทีมจากแอฟริกาไปได้แบบหืดจับ 1-0 จากประตูของ โลธาร์ มุทเธอุส ในนาทีที่ 87 ก่อนทะลุเข้าชิงชนะเลิศ แต่พ่ายต่อ อาร์เจนติน่า 3-2

พร้อมกันนี้ อินทรีเหล็ก ยังส่งบอลเข้ากรอบได้แค่หนเดียวเท่านั้นจากโอกาสสับไกสามหนในครึ่งแรกที่เสมอกับ สเปน แบบไร้สกอร์ซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่นัดชิงชนะเลิศปี 2014 กับ อาร์เจนติน่า ซึ่งพวกเขากำชัยได้ 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

5.สองซูเปอร์ซับตัดสินผลลัพธ์

แม้เกมในครึ่งแรกจะไม่มีสกอร์ให้เห็น แต่บทสรุปหลังจบ 90 นาที ทั้งสองทีมแบ่งแต้มกันไปด้วยผลเสมอ 1-1 โดยเป็น สเปน ที่ได้ประตูนำไปก่อนจาก อัลบาโร่ โมราต้า ตัวสำรอง ขณะที่ เยอรมัน ก็ทวงคืนได้จาก นิคลาส ฟูลครุก ที่ถูกส่งลงสนามมาเป็นซูเปอร์ซับเช่นกัน

รวมผลงานตลอดทั้งเกม มันฟ้องให้เห็นว่าทีมของ ฟลิก พลิกสถานการณ์ได้อย่างน่าประทับใจโดยเฉพาะนับตั้งแต่ เลรอย ซาเน่ ลุกจากม้านั่งข้างสนามลงไปป่วนแนวรับของ กระทิงดุ ซึ่งส่งผลทำให้ อินทรีเหล็ก ได้ส่องยิงรวมกันทั้งสิ้นมากกว่า สเปน ด้วยซ้ำจากโอกาส 11-7 ครั้ง และเป็นการส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 4-3 ครั้ง แม้การครองบอลจะยังเป็นรองเช่นเดิม 64:36%

ในรายของ โมราต้า กองหน้าทีม แอตเลติโก มาดริด แม้จะไม่อาจเป็นฮีโร่ของ สเปน ได้อย่างเต็มตัว แต่ประตูที่บังเกิดทำให้เขาคลำเป้าให้กับทีมชาติเป็นเม็ดที่ 29 แล้วซึ่งเทียบได้กับ เฟร์นานโด เอียร์โร่ ซึ่งรั้งอันดับห้าในโผของประเทศ

ดาบิด บีย่า 59 ประตู

ราอูล กอนซาเลซ 44 ประตู

เฟร์นานโด ตอร์เรส 38 ประตู

ดาบิด ซิลบา 35 ประตู

เฟร์นานโด เอียร์โร่ , อัลบาโร่ โมราต้า 29 ประตู

ด้าน  ฟูลครุก หัวหอกทีม แวร์เดอร์ เบรเมน ที่แบ่งแต้มให้ทีมเมืองเบียร์ได้สำเร็จถือเป็นชื่อที่น่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยสำหรับแฟนบอล ด๊อยทช์ ที่ยังไม่คุ้นชื่อนี้กันสักเท่าไหร่

อย่างไรก็ดี ฟลิก ตัดสินใจเรียกเขามาร่วมบู๊ในศึก เวิลด์คัพ เนื่องจากกองหน้าวัย 29 ปีมีผลงานที่ดีกับสโมสรในซีซั่นนี้โดยเขากระซวกประตูไปแล้ว 10 ลูกจาก 14 นัดในลีกเมืองไส้กรอกแม้ว่าทีม นกนางนวล จะรั้งอันดับเก้าของตารางในปัจจุบันก็ตาม

แต่นอกเหนือจาก ฟูลครุก แล้ว อีกหนึ่งขุนพล อินทรีเหล็ก ที่สมควรได้รับการยกย่องผลงานในเกมนี้ได้แก่ไอ้หนูวัย 19 ปี จามาล มูเซียล่า มิดฟิลด์ทีม บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งโชว์ฟอร์มต่อกรกับกลุ่มดาวเตะ สแปนิช ได้อย่างไม่เป็นรองเลยแม้แต่น้อยจากสถิติที่ถูกตีแผ่ออกมา

100% สาดบอลสำเร็จ

84% ผ่านบอลแม่นย

47 สัมผัสบอล

7 ชนะการดวลลูกภาคพื้นดิน 

4/6 เลี้ยงบอลสำเร็จ

3 ผ่านบอลจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม

1 สร้างโอกาสครั้งสำคัญ

1 แอสซิสต์



TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »