ชักจะยังไงซะแล้วสำหรับแชมป์เก่าอย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่แม้ประสิทธิภาพในเกมรุก และการพังประตูจะไม่มีปัญหา แต่การเสียประตูคืนให้ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้เช่นกันเนื่องจาก เรือใบสีฟ้า ทำได้แค่เสมอในเกม พรีเมียร์ลีก สามนัดซ้อนแล้วโดยล่าสุดโดน สเปอร์ส บุกมาแชร์แต้มในนาทีสุดท้ายจากผลเสมอ 3-3 ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ธ.ค.จนส่งผลให้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หล่นมารั้งอันดับสามของตาราง ขณะที่ ไก่เดือยทอง มาได้ เดยัน คูลูเซฟสกี้ เป็นฮีโร่โขกประตูช่วยให้ทีมเมืองกรุงรอดพ้นจากการแพ้ในเกมลีกเป็นนัดที่สี่ติดต่อกันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

1. เรือเปลี่ยนสามจุดจากเกมยุโรป

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีม แมนฯ ซิตี้ ปรับทัพ 11 คนแรกสามรายจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก นัดเปิดรังพิชิต แอร์เบ ไลป์ซิก 3-2  เมื่อกลางสัปดาห์

แน่นอนว่า เอแดร์ซอน นายทวารมือหนึ่งได้กลับมาเฝ้าเสาแทน สเตฟาน ออร์เตก้า ขณะที่อีกสองตำแหน่งคือ เฌเรมี่ โดกู กับ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่ได้ลงเล่นก่อนหน้า ริโก้ ลูอิส กับ แจ็ค กรีลิช

พร้อมกันนี้ เรือใบสีฟ้า ได้ จอห์น สโตนส์ กับ มาเตโอ โควาซิช หายเจ็บมีชื่อนั่งอยู่ข้างสนามด้วย

2. ไก่ได้ บิสซูม่า พ้นแบน

สเปอร์ส บุกมาเยือนสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม โดยกุนซือ อังเก้ ปอสเตโคกลู ปรับทัพตำแหน่งเดียวจากเกมแพ้ แอสตัน วิลล่า 2-1 คาบ้าน

ไก่เดือยทอง ได้ อีฟส์ บิสซูม่า กองกลางคนสำคัญพ้นโทษแบน และถูกส่งลงเล่นทันทีเสียบแทน โรดรีโก้ เบนตานกูร์ ที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานเป็นรายล่าสุดของสโมสร

ด้าน ริชาร์ลิซอน หัวหอกทีมชาติ บราซิล หายเจ็บเดินทางมากับทีมได้ แต่นายใหญ่ออสซี่ใส่ชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนี้

3. ซน ยิงเองพลาดเองนักเลงพอ

ซน ฮึง มิน กองหน้า สเปอร์ส สร้างความฮือฮาด้วยการอาศัยความเร็วจากเกมโต้กลับทะลุไปยิงให้ สเปอร์ส นำหน้า แมนฯ ซิตี้ ก่อนตั้งแต่นาทีที่ 6 ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ดาวยิงทีมชาติ เกาหลีใต้ สามารถสอยตาข่ายทีมแชมป์ในเกมเยือนของซีซั่นนั้นๆได้โดยก่อนหน้านี้ เลสเตอร์ , เชลซี และ ลิเวอร์พูล ต่างก็เคยโดนเขาบุกมาฉีกตาข่ายเช่นกันซึ่งแน่นอนว่าเขาเป็นนักเตะคนแรกที่ทำแบบนี้ได้กับทีมแชมป์มากถึงสี่ราย

อย่างไรก็ดี หลังสกัดบอลเข้าประตูตัวเองช่วยให้ เรือใบสีฟ้า ตีเสมอทันควัน 1-1 ในนาทีที่ 9 สตาร์เลือดกิมจิก็เป็นพ่อค้าแข้งรายที่สองเท่านั้นยิงประตูคู่แข่ง และยิงประตูทีมตัวเองในเกม พรีเมียร์ลีก ช่วงสิบนาทีแรกต่อจาก แกเร็ธ แบร์รีย์ ดาวเตะทีม แอสตัน วิลล่า นัดแพ้คารังให้กับ ชาร์ลตัน 4-3 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.1999

ยิ่งไปกว่านั้น ซน เป็นนักเตะรายที่ห้าที่ทั้งยิง ทั้งพลาดส่งบอลเข้าประตูตัวเอง และทั้งแอสซิสต์ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเดียวกันเช่นเดียวกับ เควิน เดวิส ในเกมบู๊กับ แอสตัน วิลล่า เดือนธ.ค.2008, เวย์น รูนีย์ เกมบู๊กับ สโต๊ค เดือนต.ค.2012, แกเร็ธ แบร์รีย์ เกมฟัดกับ ลิเวอร์พูล เดือนต่อมา และ เจค็อบ แรมซีย์ เกมฉะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เดือนพ.ย.2022

นอกจากนี้ ซน เป็นนักเตะรายแรกของ ไก่เดือยทอง และเป็นรายที่เจ็ดด้วยที่ยิงประตูเกมเยือน พรีเมียร์ลีก , เกมเหย้า พรีเมียร์ลีก และแอสซิสต์ในเกม พรีเมียร์ลีก อย่างละเกินหลัก 50 ประตูครบทั้งสามกรณี

หลังจบ 45 นาทีแรกซึ่ง ฟิล โฟเด้น ส่องให้เจ้าบ้านแซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 31 มีสถิติบ่งชี้ว่า แมนฯ ซิตี้ ครองบอลได้มากกว่า 64:36% และได้ยิง 12 ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่ ไก่เดือยทอง ได้ยิง 2 ครั้งเข้ากรอบ 1 ครั้ง

ด้าน แมนฯ ซิตี้ มีสถิติที่ดีเยี่ยมไม่แพ้เกมลีกนาน 52 นัดแล้วจากเป็นฝ่ายนำหน้าในช่วง 45 นาทีแรก (ชนะ 48 เสมอ 4) นับตั้งแต่เกมบู๊กับ ไบรท์ตัน เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2021

4. คูลูเซฟสกี้ ฮีโร่ไก่เดือยทอง

น่าจะถือเป็นความเสียหายของ แมนฯ ซิตี้ ที่ เฌเรมี่  โดกู ปีกซ้ายตัวจัดมีอาการกระเผลก และโดนเปลี่ยนออกตั้งแต่ต้นครึ่งหลังทั้งๆที่ครึ่งแรกเขาสร้างปัญหาให้อาคันตุกะได้แทบทุกครั้งที่พาบอลบุกตะลุยขึ้นหน้า

ต่อการปราศจากจอมลากเลื้อยทีมชาติ เบลเยี่ยม ของเจ้าบ้านส่งผลให้ สเปอร์ส เบาใจไปได้เยอะที่ไม่ต้องเจอกับความกดดันถาโถมเข้าใส่เหมือนครึ่งแรกแม้ว่าตัวสำรองอย่าง แจ็ค กรีลิช จะไม่ได้ย่ำแย่อะไร และมันทำให้พวกเขาจะพอมีโอกาสลืมตาอ้าปากโดย โจวานี่ โล เซลโซ่ กดตีเสมอ 2-2 ได้ จวบจนนาทีสุดท้าย คูลูเซฟสกี้ มาโขกตีเสมอประตูของ กรีลิช ได้เช่นกันซึ่งทำให้เขาเป็นแค่นักเตะรายที่สองเท่านั้นที่ยิงประตูเกมบุกมาเยือนทีมแชมป์ในลีกอิงลิชได้สามซีซั่นติดต่อกันขณะที่ แดนนี่ เมอร์ฟีย์ ทำได้สี่ปีซ้อนระหว่างซีซั่น 2000/01-2003/04

จากผลเสมอ 3-3 ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทีมเมืองกรุงมีฟอร์มในครึ่งหลังที่กระเตื้องขึ้นเยอะแม้จะครองบอลเป็นรอง 55:45% และได้ยิง 8 หนเข้ากรอบ 4 หน ขณะที่เจ้าบ้านได้ยิง 18 หนเข้ากรอบ 4 หน

5. ไม่ใช่วันของ ฮาลันด์

บอกได้เลยว่าเกมเสมอกับ สเปอร์ส 3-3 ไม่ใช่เกมที่ดีของ ฮาลันด์ แม้เขาจะยังมีโอกาสเช็กบิลเหมือนทุกๆนัดเนื่องจากมันเป็นนัดแรกใน บุนเดสลีกา และ พรีเมียร์ลีก ที่สตาร์ทีมชาติ นอรเวย์ ได้ง้างยิงห้าครั้งตลอดทั้งเกม แต่ไม่อาจพังประตูได้ แถมส่งบอลเข้ากรอบไม่สำเร็จเลยสักครั้งด้วย

หลังโดน ไก่เดือยทอง แบ่งแต้ม เรือใบสีฟ้า ไม่อาจกำชัยในเกม พรีเมียร์ลีก สามนัดติดต่อกันแล้ว และเป็นครั้งแรกที่เกิดกับพวกเขานับตั้งแต่เดือนมี.ค.-เม.ย.2017

อีกทั้ง แมนฯ ซิตี้ ไม่ชนะเกม พรีเมียร์ลีก สามนัดติดต่อกันแม้จะนำหน้าคู่แข่งตลอดทั้งสามนัดโดยผลลัพธ์จบลงด้วยผลเสมอทุกนัดซึ่งอุบัติขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคของ มาร์ค ฮิวจ์ส กุนซือชาว เวลส์ ในเดือนพ.ย.2009

ชัดเจนว่า สเปอร์ส เป็นทีมจอมแสบของ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้วเนื่องจากผลเสมอ 3-3 ทำให้พวกเขาแพ้ เรือใบสีฟ้า ในเกม พรีเมียร์ลีก แค่นัดเดียวเท่านั้นจากห้านัดหลังที่เผชิญหน้ากัน (ชนะสาม เสมอหนึ่ง)