ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » ลิเวอร์พูลแชมป์คาราบาว คัพ! เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โขกต่อเวลาดับ เชลซี ซิวถ้วยสมัย 10

ลิเวอร์พูลแชมป์คาราบาว คัพ! เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โขกต่อเวลาดับ เชลซี ซิวถ้วยสมัย 10

Posted 26/02/2024 by siamsport

หงส์แดงแชมป์สมัย 10! เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งเตะมุมประตูชัยต่อเวลาสุดดราม่านาทีที่ 118 พา ลิเวอร์พูล เฉือน เชลซี หลังเสมอโนสกอร์ในเวลา 90 นาที พร้อมผงาดแชมป์คาราบาว คัพ สูงสุดในประวัติศาสตร์

ครึ่งแรกไม่มีประตู แต่สู้กันสนุกพ่วงด้วยดราม่าเมื่อ มอยเซส ไกเซโด้ มิดฟิลด์ เชลซี ย่ำข้อเท้า ไรอัน กราเฟนแบร์ค กองกลาง ลิเวอร์พูล จนเจ็บหนักถูกหามออก ทว่าผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ กลับไม่ให้แม้แต่ใบเหลือง โดยเป็น โจ โกเมซ ถูกส่งมาแทนที่พร้อมขยับเอาเจ้าหนู คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ขึ้นมาเล่นแดนกลางแก้ขัด จังหวะถัดมา ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงตุงตาข่ายทีมเก่าก่อนโดน วีเออาร์ จับล้ำหน้าช็อตที่ นิโกลัส แจ็คสัน เซตบอลสวนกลับ ช่วงท้ายใกล้พักครึ่ง "หงส์แดง" ได้ลุ้นเหมือนกันจาก โกดี้ คักโป โหม่งชนเสาอย่างน่าเสียดาย

ต่อครึ่งหลังยังมีดราม่าไม่เลิก หลังจากผ่านชั่วโมงเกม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้เปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ขึ้นโขกเสียบตาข่าย แต่เวลาต่อมากลับโดน วีเออาร์ ยึดประตูข้อหา วาตารุ เอ็นโด ไปขัดขวางการเล่นของแนวรับ เชลซี จากนั้นทีมสิงห์บลูส์เองก็พลาดโอกาสทอง 2 หนเน้นๆ เช่นกันทั้ง อักแซล ดิซาซี่ หวดจ่อๆ ชนหัวเข่าแป้กซะงั้น ต่อด้วย โคล พาลเมอร์ ตวัดมาให้ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ กดตามน้ำชนโคนเสา เข้าช่วงท้ายกลายเป็นลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้โอกาสมากมายแต่ไม่คมกันเสียเอง จบเกม 90 นาทีเสมอ 0-0 ต้องยื้อไปตัวดสินในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลา หงส์แดง กลับมาคึกคักได้ลุ้นจากจังหวะที่กัปตัน ฟาน ไดค์ โขกตั้งให้ เจย์เดน แดนน์ส หอกสำรองวัยแค่ 18 ปี โขกจะเสียบใต้คานยังมี ยอร์เย่ เปโตรวิช บินปัดไว้ได้ จากนั้นต่างฝ่ายต่างบุกแลกแบบป้อแป้ๆ แรงหมดทั้งคู่ กระทั่งนาทีที่ 118 ลิเวอร์พูล ได้เตะมุม คอสตาส ซิมิกาส ตัวสำรองเปิดเข้าหัว ฟาน ไดค์ โฉบโหม่งเสาแรก คราวนี้ไม่มีอะไรมาขวางอีกแล้ว และกลายเป็นประตูชัยพา ลิเวอร์พูล เฉือน เชลซี 1-0 ผงาดคว้าแชมป์คารายาว คัพ หรือลีก คัพ อังกฤษ สมัยที่ 10 สูงสุดในประวัติศาสตร์

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชลซี : ยอร์เย่ เปโตรวิช - มาโล่ กุสโต้, อักแซล ดิซาซี่, ลีวาย โคลวิลล์, เบน ชิลเวลล์ (เทรโวห์ ชาโลบาห์ น.113)- มอยเซส ไกเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ - โคล พาลเมอร์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (โนนี่ มาดูเอเก้ น.97), ราฮีม สเตอร์ลิง (คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู น.67) - นิโกลัส แจ็คสัน (มิไคโล มูดริค น.90)

ลิเวอร์พูล : ควีวิน เคลเลเฮอร์ - คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ (บ็อบบี้ คล้าร์ก น.72), อิบราฮิมา โกนาเต้ (จาเรลล์ ควานซาห์ น.105), เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิกาส น.87) - อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (เจมส์ แม็คคอนเนลล์ น.87), วาตารุ เอ็นโด, ไรอัน กราเฟนแบร์ค (โจ โกเมซ น.28) - ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, โกดี้ คักโป (เจย์เดน แดนน์ส น.87), หลุยส์ ดีอาซ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »