กลายเป็นมหากาพย์ไปแล้วสําหรับเรื่องราวของ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์"

       ศิลปินซูเปอร์สตาร์ กับนักแสดงสาว "แอนนี่ บรู๊ค" หลังฝ่ายหญิงออกมาระบุ "ฟิล์ม" เป็นพ่อของ "น้องทีฆายุ" ลูกชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกในวัย 4 เดือน ช็อกใจคนทั้งประเทศ

เรื่องราวไม่น่าจะยืดเยื้อ เมื่อศิลปินหนุ่มแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการออกมายอมรับผิดชอบแต่โดยดี หากผลการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ชี้ชัดว่าเด็กมีความเกี่ยวพันทางสายเลือด แต่ดาราสาวกลับยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมรับเงื่อนไขการตรวจ "ดีเอ็นเอ" อย่างสิ้นเชิง ชนิดไม่สนกับอนาคตของฝ่ายชาย ที่ถูกค่ายเพลงต้นสังกัดสั่งเบรกงานทุกชิ้นจนกว่าเรื่องราวจะคลี่คลาย

สิ่งที่คาราคาซัง และกระแสสังคมที่โถมกระหน่ำ เนื่องจาก มีผู้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น และได้รับผลกระทบหลายฝ่าย เป็นเหตุให้ "ฟิล์ม" เกิดอาการเครียดจัด ถึงกับกินยาคลายเครียดเกินขนาด จนถูกหามเข้าห้องไอ.ซี.ยู โชคดีที่คุณหมอให้การช่วยเหลือทันท่วงที ศิลปินหนุ่มจึงพ้นขีดอันตราย ไม่งั้นคงสิ้นชื่อ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" จากวงการบันเทิง

หลังเหตุการณ์นาทีวิกฤติผ่านพ้น "คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จํากัด (มหาชน) ต้นสังกัด ของ "ฟิล์ม" ได้เปิดใจถึงการทบทวนคําสั่งพักงานของศิลปินหนุ่มใหม่ จากที่เคยเบรกงานทั้งหมด เพื่อเปิดโอกาสให้ "ฟิล์ม" กลับมาทํางานที่เขารักอีกครั้ง

"ปัจจุบันอาร์เอสเองมีเจตนาที่จะป้อนงานให้กับฟิล์ม-รัฐภูมิอยู่แล้ว แต่เนื่องจากสภาพร่างกายและจิตใจของฟิล์มไม่เอื้ออํานวยต่อการทํางาน ถ้าฝืนทําไปก็จะได้งานที่ไม่มีคุณภาพ
 

ในอนาคตเมื่อฟิล์มมีความพร้อมเมื่อไรแล้วค่อยมาพูดคุยวางแผนเรื่องงานกันใหม่ได้ทันที ความเห็นส่วนตัวคิดว่าในขณะนี้ฟิล์มควรจะพักผ่อนให้ร่างกายและจิตใจเข้มแข็งขึ้น และเชื่อมั่นว่าในไม่ช้าฟิล์มคงจะกลับมาตั้งใจทํางานเหมือนเดิม เพราะว่าเขารักวงการบันเทิง

สําหรับปัญหาส่วนตัว จะปล่อยให้ครอบครัวพิจารณาดําเนินการไปตามความเหมาะสม ซึ่งทางเรายินดีจะให้คําปรึกษาในบางกรณี"

ว่า..กันว่า คนกําลังจะจมน้ำ แค่ฟางเส้นเดียวก็ยังมีความหมายให้พอเกาะประคองตัว การตัดสินใจให้โอกาสในการทํางานของ "เฮียฮ้อ" ครั้งนี้ เหมือนแสงสว่างที่ส่องนําหนทางชีวิตอันมืดมนของ "ฟิล์ม" ส่วน จะกลับมาทวงตำแหน่งซูเปอร์สตาร์ได้หรือไม่ แฟนเพลง" และ "ผู้ชม" เท่านั้น จะเป็นผู้ตัดสิน

พูดด้วยใจเป็นกลาง คนเราทําผิดแล้วรู้จัก "ยอมรับ" แถมยังพยายาม "แก้ไข" ก็น่านับถือน้ำใจไม่น้อย มันคงดีกว่าคนที่คอยแต่จะกลบเกลื่อนอดีต สร้างภาพสู้หน้าสังคมเป็นไหนๆ

อย่าลืม "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" สักวัน "หาง" มันก็ต้องโผล่!!