"บิ๊กจ๊ะ" สาธิต กรีกุล จับ "แจ๊ค สระบุรี" เดชาวัต พุ่มแจ้ง แชมป์สนุกเกอร์ สมัครเล่นโลกคนใหม่ ออกรายการ "บิ๊กจ๊ะ" เจาะกีฬา เปิดใจแชมป์สอยคิวโลกคนที่ 7 ของไทย เผย เคยบอกพ่อ แม่ และพี่ชาย จะเลิกเล่นสนุ้กทีมชาติ หลังจบปีนี้ ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้น แต่กลับมาติดทีมชาติ จนคว้าเหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์ ก่อนมาถึงฝัน คว้าแชมป์สนุกเกอร์สมัครเล่นโลก จนได้ไปเล่นอาชีพโลกในฤดูกาลหน้า พร้อมตั้งเป้า ปีหน้าต้องอยู่เล่นต่อบนเวทีโลกให้ได้

       จากความสำเร็จของ "แจ๊ค สระบุรี" เดชาวัต พุ่มแจ้ง คว้าแชมป์สนุกเกอร์สมัครเล่นโลก มาสดๆ ร้อนๆ ที่เมืองดามัสกัส ประเทศซีเรีย ถือเป็นนักสนุกเกอร์ไทยคนที่ 7 ที่คว้าแชมป์โลก
 
      โดยล่าสุดรายการ "บิ๊กจ๊ะ" เจาะกีฬา รายการสดทางสยามกีฬาทีวี เอ็นบีที 19 ได้เชิญ "แจ๊ค สระบุรี" ฮีโร่สอยคิวแชมป์สมัครเล่นโลกมาออกรายการ พร้อมด้วย "เฮียฮง" สุนทร จารุมนต์ ผู้จัดการสนุกเกอร์ทีมชาติไทย มาร่วมสัมภาษณ์ในรายการ โดยมี "บิ๊กจ๊ะ" สาธิต กรีกุล ผู้ประกาศข่าวชื่อดังทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการ
 
      ซึ่งพิธีกรชื่อดังได้ถาม แจ๊ค สระบุรี ถึงช่วงแข่งขันแต่ละรอบว่ายากง่ายแค่ไหน โดยจอมคิวสมัครเล่นหมายเลข 1 ของโลกปีนี้ ได้กล่าวว่ารอบแรกไม่มีปัญหา ตนออกคิวได้สบายใจ เนื่องจากในรอบแรกแข่งแบบแบ่งสายพบกันหมด ถ้าตนแพ้ก็ยังแก้ตัวกับคู่อื่นๆ ได้
 
      ส่วนรอบน็อกเอาต์ 32 คนสุดท้าย ไม่ยากเท่าที่ควร จะหนักในรอบ 8 คนสุดท้าย เจอกับ อเล็ก บอร์ก จากมอลตา ซึ่งเขาเคยเป็นนักสนุกเกอร์อาชีพเก่ามีฝีมือดีมาก โดยตอนนั้นตนโดนนำ 4-3 เฟรม ต้องคิดหนักมาก ก่อนที่จะรวบรวมสมาธิเข้าไปสู้ใหม่ และสามารถเอาชนะได้ 3 เฟรมรวด ไล่แซงมาชนะ 6-4 เฟรม ซึ่งต้องยอมรับว่านี่คือจุดเปลี่ยนของการมาเป็นแชมป์ได้
 
      "ต่อมาในรอบรองชนะเลิศ ต้องมาเจอกับ "แซ็ก โซโฟน" นพดล แสงนิล ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกัน ยอมรับว่าเล่นยากพอสมควร เพราะเราผลัดกันขึ้นนำตลอด จนมาเสมอกัน 5-5 เฟรม ตนบอกได้เลยว่าต้องมีสมาธิสูง แม้แต่ช่วงเข้าห้องน้ำ ตนยังไม่มองหน้าแซ็กเลย เพราะเราต้องสู้กันเต็มที่ แต่หลังจากนั้นเราก็มาคุยกันเหมือนเดิม และตนก็สามารถเอาชนะได้ 7-5 เฟรม เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปเจอกับ ปันกาจ เอ็ดวานนี่ อดีตแชมป์สมัครเล่นปี 46
 
      โดยก่อนแข่งขัน โค้ช "ต่าย พิจิตร" ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์ บอกต้องแทงอย่างรัดกุม เพราะคู่แข่งขันนี้ทางดีมาก ตอนนำ 8-5 เฟรม ก็คิดว่าชนะได้ แต่พอโดนไล่มา 7-8 เฟรม รู้สึกกดดันพอสมควร ต้องรีบเข้าห้องน้ำทำสมาธิใหม่ คิดว่าแทงเอาชนะทีละเฟรมก็พอจนสามารถทำได้สำเร็จ ถือเป็นความภาคภูมิใจมาก มันเป็นรายการที่ตนใฝ่ฝันอยากเป็นแชมป์มาก มากกว่าเอเชียนเกมส์เสียอีก"
 
      จอมคิวแชมป์โลกคนใหม่ ยังกล่าวถึงกว่าจะมีวันนี้ว่า ก่อนหน้าที่จะติดทีมชาติไทย ตนเคยคิดที่จะแขวนคิวเลิกคิดที่จะติดทีมชาติแล้ว เพราะหลายคนแนะนำให้เลิกคิดเถอะ แต่พอไปนอนคิดไปคิดมา จึงอยากจะขอลองอีกสักครั้ง จึงตัดสินใจไปบอกพ่อ บอกแม่ และพี่ชาย "ขวัญ พุ่มแจ้ง" ว่าตนขอพิสูจน์ตัวเองอีกปีเดียว ถ้าไม่ได้จะเลิกเล่นสนุกเกอร์ หันไปทำอย่างอื่น
 
      ตั้งแต่นั้นตนย้ายที่อยู่ไปพักใกล้ ทีบีซี. ซึ่งเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ ที่ทีมชาติซ้อมอยู่ ตื่นแต่เช้าไปฝึกซ้อม บ่ายก็ซ้อม จนผู้ใหญ่ในสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย เปิดโอกาสให้คัดทีมชาติ ทำให้ตนมีวันนี้ จนได้ไปเล่นอาชีพโลกในฤดูกาลหน้า ซึ่งตนตั้งเป้าว่าในปีหน้า ต้องอยู่เล่นต่อในการเล่นอาชีพให้ได้อีก 1 ปี ก่อนจะทำอันดับในปีต่อไปให้สูงขึ้น
 
      ด้าน "เฮียฮง" สุนทร จารุมนต์ ผู้จัดการทีมสอยคิวไทย เปิดเผยว่าตนได้รับคำบอกกล่าวมาจากหลายคนในสมาคมฯ ว่า แจ๊คปีนี้ฟอร์มดีมาก ขยันฝึกซ้อมวันละไม่ต่อกว่า 8 ชั่วโมง ตอนนั้นยังคิดว่า เด็กคนนี้น่าจะไปได้ไกล จนได้มาติดทีมชาติ ตนมีโอกาสเห็นฝีมือในเอเชียนเกมส์
 
      ยอมรับว่าเขาเก่งจริงๆ ไปแพ้แค่ ดิง จุ้น ฮุย มืออันดับ 3 ของโลกแบบเฉียดฉิว ก่อนที่จะมาคว้าแชมป์สนุกเกอร์สมัครเล่นโลก แต่ถ้าตนมองตอนนี้ คิดว่าช้าไปหน่อย เพราะอายุถึง 32 ปี แล้ว แต่ไม่สายเกินไป แจ๊ค เป็นคนที่มีพรแสวงมากกว่าพรสวรรค์ ซึ่งเชื่อว่าความขยัน จะทำให้ประสบความสำเร็จ ในการเล่นสนุกเกอร์อาชีพ