Golden Team(ที่สุดของลูกหนังตลอดกาล)
Posted 19/01/2011 by rakball.net
1950s : “ Mighty Magyars , Magical Magyars , Golden Team ( ที่สุดของลูกหนังตลอดกาล ) ”
นี้คือสุดยอดทีมฟุตบอลชาว มาจยาร์ หรือ ฮังการี ที่มักเรียกตัวเองตามบรรพบุรุษที่มาตั้งถิ่นฐาน ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซืออัจฉริยะ Gusztav Sebes เป็นทีมทหารภายใต้ระบอบคอมมิวนิวส์ แต่กลับเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกตลอดกาล “แต่มันกำลังจะถูกลืม” เพราะจะมีสักกี่คนทราบถึงรากฐานของระบบ Playmaker,Total Football และ บราซิลยุคแชมป์โลกสามสมัย ว่าคำตอบทั้งหมดคือทีมนี้ ทีมที่มีชื่อว่า “ ฮั-ง-ก-า-รี ”
โดยแกนนำของทีม อาทิ นักเตะผู้ลงเล่นให้ฮังการี 145 นัด ยิงไป 153 ลูก เฉลี่ยการยิงประตูต่อเกมเป็นอันดับหนึ่งของโลกถึงทุกวันนี้ 1.103 ลูกต่อหนึ่งเกม "Sandor Kocsis" ต่อมาคือ Playmaker คนแรกของโลกหรือบิดาแห่ง Total Football “Nandor Hidegkuti” และสุดท้าย กัปตันทีม สมญานาม "นายพลแห่งกองม้า" อีกทั้งเป็นเจ้าของประตูแห่งศตวรรษ หัวใจของทีมชุดนี้ “Ferenc Puskas” … 3 ปี ต่อไปนี้ คือผลงานที่ไม่มีทีมใดทำได้อีกเลย
“1952” เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์โอลิมปิกปีที่ Helsiski ประเทศสวีเดน เป็นผลงานแรกของประเทศที่กีฬาไม่ได้รับความสนับสนุนเต็มที่ เพราะปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิวส์ ซึ่งนักบอลทุกคนเป็นทหาร
“1953” กำเนิด "แมตซ์แห่งศตวรรษ" เป็นการปะทะกันระหว่างฮังการี ตัวแทนฟุตบอลยุคใหม่ ด้วยแผน 4-2-4 กับ อังกฤษ ตัวแทนฟุตบอลยุคเก่า ด้วยแผน WM ( 2-3-5 ) ณ Wembley ที่ผู้ดีไร้พ่ายมา 52 ปี โดยเกจิทั่วโลกฟันธงว่าอังกฤษถล่มเกินราคาต่อกินเต็มชัวร์ๆ แต่ผลที่ออกมาหักปากกาเซียนทั่วโลก บิลบอลนับล้านเป็นเพียงเศษกระดาษ เพราะอังกฤษกลับโดนถล่มซ่ะเอง 6 ต่อ 3 ช็อกสายตาคนทั่วโลก โดยสามประตูมาจากตำแหน่งใหม่ "Playmaker" Hidegkuti และอีกหนึ่งประตูคือ "ประตูแห่งศตวรรษ" ของ Puskas ที่เรียกกันสั้นๆว่า “Drag-Back”
นี้คือความรู้สึกของผู้ชมในแมตซ์นั้นเริ่มที่ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่กล่าวว่า "พวกเราได้เห็นสไตล์การเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย เราไม่รู้จักแม้กระทั่ง Puskas แต่ตอนนี้เราทราบแล้วว่าผู้เล่นเหล่านี้มหัศจรรย์เหลือเกิน ผมว่าพวกเขาคงมาจากดาวอังคาร (From Mars)
โดยเราคิดว่าจะถล่มทีมนี้ในรัง Wembley ที่เราไร้เทียมทานสักสี่ห้าศูนย์ แต่สุดท้ายทุกอย่างสวนทางกันไปหมด คงเป็นเพราะสไตล์กอปรกับเทคนิคที่แพรวพราวไร้ที่ติ จนทำให้แผน WM ของเราบอดสนิทเก้าสิบนาที "เกมเพียงเกมเดียวเปลี่ยนความคิดพวกเราทุกคน"
โดยลือกันว่าในเกมนี้ฮังการียิงไป 35 ครั้ง ส่วนอังกฤษมีโอกาสยิงเพียง 5 ครั้ง และเมื่อจบแมตซ์สักขีพยานทั่ว Wembley 100,500 คน ก็ลุกขึ้นปรบมือให้กับผู้ชนะใน "แมตซ์แห่งศตวรรษ" ( Match Of Century ) ต่อจากนี้อีกหกเดือนมีการรีแมตซ์ที่สร้างประวัติศาสตร์แสนอัปยศที่สุดของอังกฤษคือพ่ายถึง 7-1 ซึ่งว่ากันว่าแมตซ์นี้คือการตัดสินแชมป์โลกกลายๆ ทำให้ตอนนั้นฮังการีได้รับการยอมรับว่าคือทีมอันดับหนึ่งของโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงตอนนี้กองทัพมาจยาร์มุ่งไปที่การเถลิงแชมป์ในฟุตบอลโลกปี 1954 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ณ กรุง…”เบิร์น”
“ ฟุตบอลโลกปี 1954 ( ฟุตบอลโลกของฮังการี ) ”
ฮังการีทีมอันดับหนึ่งของโลก ได้แสดงถึงประสิทธิภาพทันที เมื่อเปิดม่านฟุตบอลโลก ด้วยการซัดเกาหลีใต้ในเกมแรกไป 9-0 และยิ่งกว่านั้น " ถล่มเยอรมันสิ้นซาก 8-3 " โดย Puskas บาดเจ็บเพราะนักเตะเยอรมัน น่าจะไม่สามารถลงแข่งได้อีกต่อไป ผ่านมารอบก่อนรองชนะเลิศเจอกับแชมป์เก่าอุรุกวัยก็อัดไป 4-2 หยุด ” สถิติไร้พ่ายของอุรุกวัยในบอลโลก ” ต่อมารอบรองเจอกับบราซิล อันเป็นที่มาของเหตุการณ์สำคัญของลูกหนังเหตุการณ์หนึ่งคือ “สงคราม ณ กรุงเบิร์น” ( Battle Of Berne )
“สงคราม ณ กรุงเบิร์น” ( Battle Of Berne ) ที่สนาม Wankdorf Stadium ครึ่งแรกเกมเต็มไปด้วยความสนุก แต่พอมาถึงครึ่งหลังนาทีที่ 71 เวลาความสนุกจบลง เริ่มต้นการทำสงคราม เมื่อนักเตะบราซิลหมดวิธีหยุดฮังการีแล้ว จึงแอบต่อยใส่นักเตะฮังการี แล้วเหยื่อชาวฮังการีก็ไม่ยอมเข้าไปต่อยคืนนัวเนียนไปมาโดนใบแดงทั้งคู่ แล้วเกมก็รุนแรงเรื่อยๆ จนมาถึงนาทีที่ 79 นักเตะแซมบ้าอีกนั้นแหละเข้าไปเตะนักเตะฮังการี โดนแดงไปอีกคน โดยนิตยสารชื่อดังอย่าง The Times ให้ความเห็นว่า “ ไม่เคยเห็นการเข้าบอลที่โหดเหี้ยมขนาดนี้มาก่อนในชีวิต”
เมื่อเกมจบลงฮังการีชนะ 4-2 ก็เกิดเหตุจลาจลครั้งประวัติศาสตร์ เกินกว่าตำรวจจะห้ามได้ โดย Puskas กัปตันทีมฮังการีที่บาดเจ็บอยู่ ก็ลงมาจากข้างสนามเอาขวดฟาดเข้าใส่นักเตะบราซิลจนต้องเย็บไปสามเข็ม ส่วนทางบราซิลไม่ว่าจะเป็นนักเตะ สต๊าฟโค้ช คนดู หรือแม้กระทั่งตากล้องก็ไล่ถล่มห้องพักของฮังการี อีกทั้งมีการปะทะกันโดยใช้อาวุธ จนทำให้นักเตะฮังการีหมดสติไปหนึ่งคน ส่วนทางกุนซือของฮังการี Gusztav Sebes ก็โดนขวดฟาดเข้าไปต้องเย็บสี่เข็ม กลายเป็น ” แมตซ์ที่รุนแรงที่สุดทั้งในและนอกสนามในรอบศตวรรษที่ 20 “
และแล้วก็มาสู่เหตุการณ์ที่สุดคลาสสิคของฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ " ปาฏิหาริย์ ณ กรุงเบิร์น "
ในรอบชิงชนะเลิศพวกเข้าต้องกลับมาเล่นที่สนาม Wankdorf Stadium ณ กรุงเบิร์นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุโกลาหล ( Battle Of Berne ) โดยคู่แข่งของเขาไม่ใช่ใครที่ไหนคือ เยอรมันที่ยำมาในรอบแรก 8-3 ซึ่งก่อนแข่งกัปตันทีมเยอรมันกล่าวไว้ว่าพวกเราจะเล่นได้ดีที่สุดยามฝนตก แล้วฝนก็ดันทะลึ่งตกจริงๆ ทำให้เยอรมันต้องใช้สตั๊ดพิเศษที่เตรียมขึ้นโดยบุคคลที่ชื่อว่า Adi Dassler ซึ่งต่อมารู้จักกันในแบนระดับโลกนามว่า “ Adidas “
แค่เริ่มเกมก็มีเซอร์ไพรต์แล้วจาก Puskas กัปตันทีมฮังการีที่สามารถลงมาเล่นได้ แต่ไม่ฟิตเท่าที่ควร ถึงกระนั้นก็ยังยิงประตูขึ้นนำให้ฮังการีออกนำก่อน และฮังการีก็ยิงหนีไปอีกเป็น 2-0 จ่อแชมป์โลกเต็มที แต่มันกลับไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อเยอรมันตีเสมอเป็น 2-2 โดยเมื่อเหลือเวลาราว 6 นาทีก่อนจะหมดเวลา ผู้บรรยายตัวแสบ Herbert Zimmermann แนะนำให้ Rahn ลองยิงนอกกรอบดู โดย Helmut Rahn ก็ลองทำดูจริงๆจนกลายเป็นประตูที่สองของตนและเป็นประตูขึ้นนำให้เยอรมันนำฮังการีเป็น 3-2 ทำเอาผู้บรรยายชาวฮังการีน้ำตาไหลทันที
เกมมันยังไม่จบง่ายๆเมื่อฮังการีเสียประตูไปได้สองนาที Puskas ที่ไม่ฟิตก่อนแข่งก็ยิงประตูตีเสมอและเป็นประตูที่สองของตนเช่นกัน แต่ผู้บรรยายตัวแสบคนเดิม บอกว่าล้ำหน้า กรรมการก็เอ่อออไปว่าล้ำหน้า โดยผู้กำกับเส้นก็เข้ามาเถียงว่ามันไม่ล้ำหน้า แต่สุดท้ายกรรมการก็ปฏิเสธประตูของ Puskas กลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของผู้ตัดสินตลอดกาลครั้งหนึ่ง จนเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดของกรรมการ เยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรก อีกทั้งต่อมาเหตุการณ์นี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นอนุสาวรีย์และภาพยนตร์ที่โด่งดัง
หลังจากนั้นก็เกิดสงครามกลางเมืองฮังการี ทำให้เหล่านักเตะฮังการีต้องหนีออกนอกประเทศ ทางใครทางมันและไม่ได้รวมทีมกันพร้อมหน้าอีกเลย " อวสานฮังการียุคทอง ” อย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่ยังมีผู้สืบทอดมรดก นั้นก็คือบราซิลยุคแชมป์บอลโลกสามสมัยที่เรียนรู้สไตล์ของฮังการีจากแมตซ์ที่พ่ายต่อฮังการี ( Battle Of Berne ) และกังหันสีสม ภายใต้ระบบ Total Football ที่ได้ไอเดียจาก "Playmaker" เพลย์เม็คเกอร์คนแรกของโลก “Nandor Hidegkuti” ซึ่งสามารถขยับไปเล่นตำแหน่งใดก็ได้ในเกมรุก จึงเป็นที่มาของสมญานาม “ บิดาแห่ง Total Football ”
แม้นยุคทองฮังการีอวสานไปแล้วอย่างรวดเร็ว แต่ผลงานที่ประจักษ์กลายเป็นสถิติที่ไม่มีผู้ใดทำได้อีกนานเท่านาน
- ประตูได้เสีย +17 ยิงประตูไป 27 ประตู เฉลี่ย 5.4 ประตูต่อนัด ภายในฟุตบอลโลกห้านัดเท่านั้น
- ภายใน 50 นัด ยิงไป 215 ประตู เฉลี่ย 4 ประตู ต่อนัด สูงที่สุดของโลก
- สถิติไร้พ่ายยาวนานที่สุดตลอดกาล เป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน ( June 4 1950 – Miracle Of Bern )
- ” เก่งที่สุดในโลกตลอดกาล “ เหนือกว่าบราซิลยุคแชมป์โลกสามสมัย โดยระบบนับคะแนน Elo Score ของ FIFA
ปิดฉากตอนลูกหนังยุค 50s ด้วยคำพรรณาถึงทีมนี้ว่า "...that was the football we ve always dreamed of.."
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
จิงโจ้ฮึด!ไล่ตีเจ๊าโสมขาว1:1,แบ่งแต้มกลุ่มซี
ศึกฟุตบอลเอเชียน คัพ กลุ่มซี นัดที่ 2 วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554 "จิงโจ้" ออสเตรเลีย ไล่ตีเสมอ "โสมขาว" เกาหลีใต้ 1:1จอร์แดนอัด1-0ถีบซาอุฯร่วงเอเชียนคัพ
ซาอุดีอาระเบียตกรอบเอเชียน คัพ เป็นที่เรียบร้อยหลังพ่ายจอร์แดน 0-1 ส่วนจอร์แดนมี 4 คะแนนโอกาสเข้ารอบสดใสชม!แฟนบอลนับหมื่นแห่รับเหยินน้อยกลับแซมบ้า
ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนบอลร่วมหมื่นทีเดียวสำหรับ!โรนัลดินโญ่ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติบราซิล ที่ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตค้าแข้งในลีกบ้านเกิดกับทีมฟลาเมงโก้อิหร่านแซงหืด2-1,หลีเหนือเจ๊า0-0
อิหร่านเบียดแซงชนะอิรักช่วงท้ายเกมแบบหืดขึ้นคอ 2-1 เก็บสามแต้มรั้งที่1 กลุ่มดี ด้าน เกาหลีเหนือลืมพกดวงลงสนาม ฮง ยอง-โจ ยิงจุดโทษพลาดเลยทำได้แค่เสมอยูเออี แบบจืดชืด 0-0 ในศึก เอเชียน คัพ กลุ่มดี เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
ผลบอล: สุดสะใจ! ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยU17 ถล่มออสซี่คว้าชัยส่งท้ายศึกเอเชีย
พร้อมลุยเมืองมะกัน! โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เซ็นซบ แอลเอเอฟซี เรียบร้อย
หาตัวเลือกใหม่! บาเยิร์น รับไม่ไหวค่าชดเชย โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กว่าสามพันล้านบาท
มีช็อก!สื่อปูด 2 แข้งทีมชาติเยอรมันหลุดโผลุยศึกยูโร
แอสตัน วิลล่า คืนสู่ถ้วยใหญ่ยุโรปรอบ 41 ปี เจ้าชายวิลเลียมร่วมยินดี
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
"ศุภชัย" ซัดเบิ้ล! ไทย ทุบ คีร์ก...
คลิปไฮไลท์