สำหรับ “เจมส์ คาเมรอน” ถือว่าเป็นโปรดิวเซอร์และผู้กำกับมือทองเจ้าของ 3 รางวัลออสการ์ จาก Avatar และ Titanic ที่สร้างมิติให้โลกภาพยนตร์ หลังจากปลุกกระแสภาพยนตร์ Avatar ให้เป็นที่ลือเลื่องไปทั่วโลก และผลักดันระบบ สามมิติ ให้ก้าวล้ำมหัศจรรย์ไปอีกขั้น

มาในปี 2011 “เจมส์ คาเมรอน” กลับมาพร้อมกับโปรเจ็คยักษ์ล่าสุด ที่เขาขอขึ้นแท่นโปรดิวเซอร์ ควบคุมการผลิตด้วยตนเอง กับ ภาพยนตร์ Sanctum ดิ่ง ท้า ตาย ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ผจญภัย ที่ถ่ายทำในระบบสามมิติตลอดเรื่อง เล่าเรื่องของทีมนักประดาน้ำ ที่ลงไปสำรวจถ้ำใต้ทะเลที่สวยงามและกว้างใหญ่ที่สุด แต่เพราะมรสุมทำให้พวกเขาต้องติดอยู่ในถ้ำ ในสภาพแวดล้อมสุดอันตรายและความกลัวที่ลึกลงไปสุดขั้วใต้ท้องทะเล

หนังได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริงของ แอนดริว ไวท์ ผู้เขียนบทและเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง เจมส์ คาเมรอน ให้สัมภาษณ์ ถึงโปรเจ็คใหม่ของเขาว่า “ในตอนที่ผมทำ Avatar ภาพที่กว้างใหญ่ทำให้ความแตกต่างระหว่างการดูแบบ 2D และ 3D ไม่มากนัก เพราะเมื่อภาพยิ่งกว้างใหญ่มากเท่าไร คุณก็จะมีปฏิสัมพันธ์กับวัตถุและตัวละครน้อยลง ผมคิดว่าประสบการณ์ของการดู Sanctum ในระบบสามมิติจะชัดเจนมากกว่า เพราะความอึดอัดจะคอยเตือนว่าคุณกำลังดูหนังสามมิติอยู่ ผมคิดว่าสถานที่ที่ถูกจำกัดจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในหนังสามมิติ มันจะทำให้คนดูรู้สึกกระวนกระวาย และดูดคุณเข้าไปสู่ประสบการณ์ที่มีเลือดเนื้อ”

Sanctum ดิ่ง ท้า ตาย เป็นหนังที่ต้องใช้ความอึดอย่างสูง มีทั้งการปีนป่ายและการดำน้ำ และนักแสดงทุกคนไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นมาก่อนในชีวิต สำคัญคือเราต้องการให้พวกเขาแสดงด้วยตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกคนต้องลงไปอยู่ใต้น้ำ 7 ฟุต ในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาไม่ได้ และยังต้องทำบางเรื่องที่แม้แต่มืออาชีพไม่แนะนำ อย่างเช่นการแชร์เครื่องช่วยหายใจกันใต้น้ำ นักสร้างหนังพูดเสมอว่าให้เอาฉากอันตรายไว้ท้ายที่สุดของการถ่ายทำ แต่ปัญหาคือมันมีฉากที่ว่าอยู่กว่าครึ่งในหนังเรื่องนี้