''แหวน แหวน'' บอกเหตุรักล่มเพราะ ต่างคนต่างไม่ยอมรับ คุณหนูทั้งคู่ ยันยังรู้สึกดีกับอดีตหวานใจอยู่ แต่นาทีนี้ไม่ขอกลับคืนดีแน่นอน เรื่องเคยประกาศแต่งงานบอกไม่อาย ดีใจที่มีผู้ชายที่รักขอแต่งงาน

เป็นกระแสหึ้มๆ มาพักใหญ่สำหรับเรื่องราวความรักที่ไม่ลงรอยระหว่าง ไฮโซสาวชื่อดัง ''แหวนแหวน'' ปวริศา เพ็ญชาติ กับ ''แดน เหตระกูล'' ทายาทหนังสือพิมพ์ชื่อดัง หลังจากที่อุตส่าห์ บินลัดฟ้าไปสวีตหวานบานฉ่ำไกลถึงประเทศฝรั่งเศส โดยหวังว่า ทริปเที่ยวสุดโรแมนติกนี้อาจทำให้ทั้งคู่เข้าอกเข้าใจกันได้มากขึ้น แต่สุดท้ายไม่ช่วยอะไร

จากกระแสข่าวที่ถาโถมมาเป็นระยะๆ ว่าทั้งคู่มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง ต่างฝ่ายต่างก็ ''คุณหนู'' ด้วยกันทั้งคู่ จึงต่างคนต่างไม่ยอมลง รักครั้งนี้จึงถึงจุดจบเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ล่าสุดเมื่อผู้สื่อข่าวมีโอกาสพบ ''หนูแหวน'' ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ juice beauty ที่ ชั้น เอ็ม ห้างสรรพสินค้า พารากอนวันก่อนจึงได้เข้าไปสอบถาม ถึงเรื่องราวที่เกดขึ้น ซึ่งผู้สื่อข่าวเปิดคำถาม เมื่อเห็นร่างกายที่ดูซูบผอมของเจ้าตัว ว่าเกิดจากความรักเป็นต้นเหตุหรือเปล่า งานนี้ ''หนูแหวน'' รีบปฏิเสธโดยบอกว่าเหตุที่ตนเองผอมลงนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากอกหักรักคุดแต่ประการใด เหตุที่ทำให้ตัวเองดูซูบผอมไปเพราะ อาหารเป็นพิษก่อนหน้านี้ 

''ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเลิก ไม่ได้เกี่ยวกับสภาพจิตใจ อาจทานข้าวเย็นน้อยลง อาหารเป็นพิษด้วย ก็เลยทำให้น.น.ลดลงไม่ได้เฮิร์ต แค่ร้องไห้วันแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ร้องอีก''

ผู้สื่อข่าวถามต่อทันทีถึงสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่เลิกกันว่าเพราะอะไรโดย ''หนูแหวน'' บอกแต่เพียง ตนนั้นห่างกับอดีตคู่รักได้สักพัก เพราะต่างคนต่างไปด้วยกันไม่ได้

''ก็ไม่นะเราก็ห่างกันไปสักพักดีกว่า ต่างคนต่างเคลียร์ไปด้วยกันไม่ได้ คบกันก็ยิ่งทะเลาะกัน ก็รู้สึกดีอยู่ นะยังคุยกันได้ แต่ตอนนี้ยังไม่เจอกันดีกว่าใช้คำว่าโสดมา ประมาณ 2-3 อาทิตย์แล้ว''

กระแสข่าวบอกว่า สาเหตุที่ทำให้ทั้ง 2 คนเลิกกันเพราะต่างคนต่างเอาแต่ใจ เพราะด้วยความที่เป็นคุณหนูทั้ง 2 คน เกี่ยวกับเรื่องนี้ ''หนูแหวน'' ไม่ปฏิเสธ โดยยอมรับว่าทั้งคู่ต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการปรับเข้าหากันแล้ว แต่ท้ายสุดไม่สามารถปรับได้

''จริงนะ เพราะแต่ละคนก็มีจุดยืนของแต่ละคนทั้งคู่ ก็พยายามจะปรับแล้วแต่ปรับไม่ได้ จูนเข้ากันไม่ได้ เพราะฉะนั้นต่างคนต่างไม่ยอมก็ไม่ฝืนดีกว่า อยู่ต่อไปจะอยู่กันยาก ต่างคนต่างเก็บตัวเองไม่ได้ ก็ต้องจบแบบนี้''

ใครเป็นคนบอกเลิกก่อน ผู้สื่อข่าวถาม หนูแหวนตอบว่า เรื่องการเลิกลานั้นได้มีเริ่มคุยกันตั้งแต่ก่อนไปเที่ยวที่ฝรั่งเศส เพราะเริ่มระหองระแหงกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ''ที่จริงเราคุยก่อนจะไปเที่ยวฝรั่งเศสด้วยกัน ช่วงนั้นเริ่มระหองระแหง ตอนแรกก็มีการคุยกันว่าจะไปดีไหม แต่ที่สุดก็ไป เพราะทั้ง 2 คนใฝ่ฝันว่าอยากไปที่เมืองชาโต้ประเทศฝรั่งเศษมาก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราได้ไปเที่ยวกัน พอมามองภาพที่ประเทศฝรั่งเศส ก็ไม่ได้เฮิร์ต แต่กลับรู้สึกดีที่เคยได้ไปเที่ยวกับคุณแดน "

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ทางบ้านว่าอย่างไรบ้างที่ประกาศเลิกกัน หนูแหวนตอบว่า ผู้ใหญ่ที่บ้านไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าเราทั้ง 2 คนต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง ''ทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรผู้ใหญ่ก็เข้าใจ ผู้ใหญ่ก็เห็นแล้วว่าทั้งแหวนทั้งแดนพยายามปรับตัวเข้าหากันแล้ว ทางผู้ใหญ่เองก็ได้ช่วยไกล่เกลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ก็รู้ว่ามีจุดยืนของตัวเองผู้ใหญ่ก็ไม่บังคับ''

ต่อข้อถามที่ว่า เสียดายไหมที่เราไม่ได้แต่งหลังจากที่เคยประกาศว่าจะแต่งงาน ไฮโซสาวตอบว่า ตนนั้นไม่เคยรู้สึกเสียดาย แต่ยอมรับว่ากดดันบ้าง แต่ก็มาคิดได้เพราะผู้ใหญ่บอกว่าดีกว่าแต่งแล้วเลิกกันทีหลัง ''ไม่ได้เสียดาย ทีแรกก็มีกดดัน เพราะประกาศว่าจะแต่งแล้วไม่ได้แต่ง แต่ก็ไม่ได้อายเลย ไม่แต่งตอนนี้ดีกว่า แต่งไปแล้วเลิกกัน เพราะฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่บอกว่าไม่ต้องกลัวเลยไม่ต้องคิดมาก ต้องคิดถึงความสุขในระยะยาวของเราดีกว่า พอได้ฟังคุณพ่อคุณแม่พูดอย่างนี้ก็สบายใจ''

ผู้สื่อข่าวถามว่างานนี้ มีมือที่สาม เข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่าถึงทำให้เลิกกัน แหวนแหวนยืนยันว่าสาเหตุที่ทำให้ตนเลิกกับอดีตหวานใจนั้นไม่มีเรื่องของมือที่ สามเข้ามาเกี่ยวแน่นอน

''ไม่ได้มีมือที่สามอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะว่าพี่แดนมีอารมณ์ศิลปินมีความเป็นโลกส่วนตัวสูง ยังยืนยันว่าผู้ชายไม่ได้เจ้าชู้ไม่ได้เพลย์บอยอย่างแน่นอน''

ส่วนคำถามที่ว่าหลังจากลิกลากันไปแล้วได้มีการติดต่อพูดคุยกันหรือไม่ ไฮโซสาว ตอบว่า ไม่ได้มีการพูดคุย เพราะตกลงว่า ให้ต่างคนต่างทำใจได้แล้วค่อยกลับมาเป็นเพื่อนกัน

''คือเราตกลงกันว่าเราต้องห่างกันจริงๆ ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง พอเราทำใจได้ จิตใจมั่นคงก็ค่อยกลับมาเป็นเพื่อนกันดีกว่า''

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวแซวๆ ขำว่าที่เลิกกันเป็นเพราะเรนกำลังมาเมืองไทยหรือเปล่า งานนี้ไฮโซแหวนรีบเคลียร์โดยบอกว่า ไม่เกี่ยวกัน ส่วนเรื่องที่ตนจะได้เป็นคนประสานงานกับเรนนั้น เป็นเพราะทางทีมงานเห็นตนเคยสนิทกับนักร้องคนดังกล่าวก็เลยชักชวนมาดูแลประสานงาน

''จริงๆ แล้วต้องขอเคลียร์ว่า วันที่รู้ว่าเรนจะมาเมืองไทย  เพิ่งรู้หลังจากที่เลิกได้ 1 วันก่อนที่จะรู้ว่าเรนจะมีคอนเสิร์ตพัทยามิวสิก เฟสติวัล ทางทีมงานก็อยากจะให้หนูแหวนเป็นคนประสานงานพาเที่ยว ด้วยความที่แหวนเคยสนิทกับเรนมาก่อนก็เลยชวนไปร่วมงาน ถ้าเห็นว่าไปทะเลกับเรนก็ไม่ต้องเข้าใจผิดเป็นแค่เรื่องงาน''

พอเรนมาถึงเมืองไทยกลัวจะมีกระแสข่าวตามมาอีกไหมผู้สื่อข่าวถาม แหวน แหวน ตอบว่า อยากให้มองเป็นเรื่องงาน เพราะกำหนดการที่จะได้ดูแลศิลปินเกาหลีคนนี้นั้นตนไม่เคยทราบมาก่อน ''จริงๆ ก็เรื่องงาน เป็นความบังเอิญมากกว่าที่ได้มาดูแลเรน ไม่เคยทราบมาก่อน จะคอยเอนเทอร์เทนเรนในฐานะแขกบ้านแขกเมืองมากกว่า''

ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวใจตอนนี้ปิดกั้นเลยหรือเปล่า ไฮโซสาวตอบว่า ''ไม่ได้ปิดกั้นนะ เรากลับมานั่งคิดว่าชีวิตเราต้องการอะไรมากที่สุด อย่างที่คบพี่แดนก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายนะ เพราะว่าเรามีความทรงจำที่ดีต่อกัน เขาก็เคยทำอะไรดีๆ ให้แหวนเยอะแยะมากมาย ทำให้แหวนเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วย ''

ต่อข้อถามที่ว่า รู้สึกว่าเร็วไปไหมที่ก่อนหน้านี้เขาขอเราแต่งงาน เจ้าตัวตอบว่า รู้สึกดีมากกว่าที่มีผู้ชายคนหนึ่งรักเราและขอเราแต่งงาน ''ถ้าแถมว่าแปดเดือนเร็วไปไหม ก็ไม่ได้เร็วไปคือทางฝ่ายชายเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เขาขอเราแต่งงานตอนนั้น สุดท้ายเราต้องรู้สึกดีใจที่มีผู้ชายคนหนึ่งขอเราแต่งงานท่ามกลางคนเป็นล้านทั่วประเทศ''

ส่วนที่ว่า ฝ่ายหญิงเคยมีความคิดถึงที่อยากจะกลับไปหาฝ่ายชายบ้างไหม ในเรื่องนี้หนูแหวนยอมรับว่ามีคิดบ้าง แต่ต้องหักห้ามในตนเองให้ได้ ส่วนเรื่องอนาคตจะกลับมาคบกันอีกครั้งไหมต้องปล่อยให้เป็นไปตามพรหมลิขิต ''ก็มีคิดถึงบ้างแต่เราต้องหนักแน่น ถ้าในอนาคตเราจะกลับมาคบกันอีกครั้งก็ค่อยว่ากันแต่ตอนนี้ไม่แน่นอน ทุกอย่างเป็นเรื่องของพรมลิขิตมากกว่า ถ้าคู่กันแล้วก็ต้องคู่กัน คือเราก็รักพี่แดนเหมือนเดิม แต่เมื่อเราไปด้วยกันไม่ได้ก็ต้องยอมรับ''

สุดท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกยังไงที่มีกระแสข่าวว่าคู่รักของเราเป็นแบบรักง่ายหน่ายเร็ว

แหวน แหวน ตอบว่า ''ก็อาจจะเป็นไปได้นะที่คู่เราทำไมถึงรักง่ายหน่ายเร็ว อาจจะเป็นเพราะด้วยความที่ครอบครั้วของทั้ง 2 ฝ่ายเรามีพื้นฐานครอบครัวที่ดีมาก เลยทำให้มีความสัมพันธ์ที่พัฒนาเร็วขึ้น จากเพื่อนเป็นแฟน แต่สุดท้ายเมื่อเราไปไม่ได้ก็ยั้งคิดไว้ก่อน เพื่อไม่ให้รู้สึกผิดพลาด ก็เป็นเวลาปีกว่าที่ดีที่ได้คบกัน''