ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ เผยรู้แล้วพระที่ปรากฏในคลิปเสพเมถุนกับสีกาในกุฏิเป็นใคร ต้องรอให้เจ้าอาวาสเรียกตัวมาสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่สองผัวเมียผู้ร้องเรียน ที่แอบถ่ายคลิปดังกล่าวไว้ ก็ควรส่งหลักฐานให้คณะสงฆ์พิจารณา ชี้หากผิดจริงเท่ากับปาราชิก ขาดจากความเป็นพระทันที ทางด้าน ผอ.สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม ปล่อยให้ฝ่ายสงฆ์ดำเนินการเอาผิดกันเอง

จากกรณีนายเอก (นามสมมติ) อายุ 56 ปี และนางซี (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เข้าร้องเรียน "ข่าวสด" เปิดโปงพฤติกรรมพระรูปหนึ่งตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในวัดดังแห่งหนึ่งในกทม. ได้เสพเมถุนกับนางซี มีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่แอบถ่ายไว้เพื่อแบล็กเมล์เงินจากพระดังกล่าว แต่หลังจากได้เงินมาบางส่วนก็ถูกบรรดาลูกศิษย์ของพระโทร.ขู่ฆ่า จนต้องแจ้งความ สน.บางกอกใหญ่ พร้อมนำคลิปมาเปิดเผย ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พระเทพเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ เปิดเผยถึงกรณีที่สองสามีภรรยาเข้าร้องเรียนข่าวสด ระบุพระรูปหนึ่งตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส เสพเมถุนกับภรรยาผู้ร้องเรียน รวมทั้งสองสามีภรรยาได้วางแผนถ่ายคลิปการเสพเมถุนเพื่อแบล็กเมล์เอาเงินจากพระ แต่ถูกข่มขู่ จนต้องนำเรื่องเข้าแจ้งความว่า ได้รับทราบเรื่องนี้บ้างแล้วจากข่าวในหนังสือพิมพ์ เบื้องต้นทราบว่าพระผู้ช่วยเจ้าอาวาสรูปที่ถูกร้องเรียนเป็นใคร

"ในส่วนคดีความที่พระรูปนั้นถูกร้องในข้อหากระทำชำเราและข่มขู่ คงต้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเป็นผู้ดำเนินการ แต่ส่วนความผิดของพระรูปนั้นในข้อหาเสพเมถุน ต้องให้เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ในฐานะผู้ปกครองวัดสูงสุด เป็นผู้ดำเนินการเรียกตัวพระรูปนั้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดจริงโทษถึงขั้นปาราชิก ขาดจากความเป็นพระทันที ทั้งนี้ คงต้องให้พระรูปดังกล่าวออกมาชี้แจง ส่วนผู้ที่ร้องเรียนก็ขอให้ส่งหลักฐานมาให้คณะสงฆ์พิจารณา เพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย" พระเทพเมธีกล่าว

ด้านนายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถ้าเกิดมีการร้องเรียนแจ้งความไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว คงต้องเป็นหน้าที่ที่เจ้าหน้าที่จะเรียกคู่กรณีมาสอบปากคำสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ในส่วนของคณะสงฆ์ผู้ปกครองของพระรูปที่ถูกแจ้งความ จะต้องดำเนินการสอบสวนในทางพระธรรมวินัยเช่นกัน โดยการเรียกเข้ามาสอบถามรายละเอียด ถ้าพบว่ามีความผิดจริง ความผิดในทางสงฆ์ที่ประพฤติด้วยการเสพเมถุน ถึงขั้นต้องปาราชิก ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จแล้วในกรณีดังกล่าวเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม จะต้องประชุมเรียกพระที่ถูกข้อกล่าวหามาสอบปากคำ พร้อมทั้งนำหลักฐาน ในที่นี้คือคลิปถ่ายวิดีโอ สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ถ้าเปิดดูตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดจริงสามารถลงโทษตามพระธรรมวินัยได้ทันที อย่างไรก็ตาม เหตุที่เกิดขึ้นสำนักพุทธฯ คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์โดยตรง วัดต้นสังกัดสามารถดำเนินการได้