โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือโปรตุเกสของเรอัล มาดริด เผยไม่กี่เดือนหลังแยกทางกับ เชลซี ปลายปี 2007 เขาเกือบจะเซ็นสัญญาคุมทีมชาติอังกฤษ อยู่แล้ว แต่เปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย เพราะทนไม่ได้กับการทำงานแบบนานๆ คุมทีมลงสนามที แล้วต้องใช้เวลาที่เหลือไปกับการทำงานในออฟฟิศ และตระเวนดูเกมตามสนามต่างๆ

 โช เซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือชาวโปรตุเกสของทีม "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด มหาอำนาจวงการลูกหนังยุโรป เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ "เล กิ๊ป" หนังสือพิมพ์กีฬารายวันของ ฝรั่งเศส โดยยอมรับว่า หลังจากแยกทางกับ เชลซี ในเดือนกันยายน ปี 2007 ได้ไม่นาน เขาเคยพิจารณาอย่างหนักว่าจะตอบตกลงรับข้อเสนอคุมทีมชาติอังกฤษหรือไม่ สุดท้ายเลือกตอบปฏิเสธ เพราะไม่พร้อมทำงานแบบนานๆ ลงสนามที
 
มู รินโญ่ กล่าวว่า "ช่วงเดือนแรกหลังจากที่ผมออกจาก เชลซี มันวิเศษมากๆ ผมไป แอฟริกา ไป ญี่ปุ่น และได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายที่ผมไม่สามารถทำได้ในช่วงที่ผมนำต้นสังกัดจากอังกฤษ คว้เาแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบครึ่งศตวรรษ และจากนั้นก็ยังป้องกันแชมป์เอาไว้ได้อีกสมัย ก่อนจะมีปัญหาขัดแย้งกับ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีเจ้าของทีม เดือนที่สองก็ยังนับว่าดี แต่พอเดือนที่ 3 ชักเริ่มแย่ มันแย่เอามากๆ"
 
โค้ชโปรตุกีส บอกว่าเขาได้รับข้อเสนอจากหลายๆ สโมสร รวมถึงจากทีมชาติอังกฤษ ที่ต้องการหาคนมาทำงานแทน สตีฟ แม็คคลาเรน ซึ่งสุดท้ายลงล็อกที่ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ในเวลาต่อมา โดย มูรินโญ่ กล่าวว่า "ผมห่างจากการเซ็นสัญญาคุมทีมชาติอังกฤษแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ในวินาทีสุดท้ายผมมานั่งคิดว่า - นี่เรากำลังจะเป็นโค้ชคุมทีมชาติ เดือนหนึ่งมีเกมนัดเดียว แล้วต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ในออฟฟิศ ไม่ก็ไปตระเวนดูเกม"

"จากนั้นก็ยังต้องรอจนช่วงซัมเมอร์ ถึงจะมีศึกใหญ่อย่าง ฟุตบอลยูโร หรือ ฟุตบอลโลก นะเหรอ ? ไม่ นั่นไม่ใช่ผม - ดังนั้น สุดท้ายแล้วผมเลยถอยฉากออกมา แล้วรอจนกว่าจะเจองานที่เหมาะสม สโมสรดีๆ ติดต่อเข้ามา ความท้าทายที่จะกระตุ้นผม ซึ่งนั่นก็คือ อินเตอร์ มิลาน" มูรินโญ่ กล่าว โดยเขานำทีมคว้าแชมป์ได้ทันทีในปีแรก ก่อนจะอำลาทีมในปีที่แล้วพร้อมการพาทีมคว้า 3 แชมป์อย่างยิ่งใหญ่
 
ส่วน คำอธิบายถึงสาเหตุที่เขาต้องมีทีท่าหยิ่งยะโสข้างสนาม มูรินโญ่ บอกว่ามันเป็นธรรมชาติของเขาที่พยายามส่งอิทธิพลเข้าไปในสนามเพื่อผลงานที่ ดี "แต่ผมข้างสนามตอนนี้ต่างจากเมื่อ 6, 7 หรือ 8 ปีก่อน บางครั้งผมนั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองเกือบตลอดทั้งเกมโดยไม่ได้ออกมาตะโกน สั่งการมากมายนัก บางครั้งผมยืนตั้งแต่นาทีแรกจนนาทีสุดท้าย และออกท่าออกทางมาก มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์"  
 
มูรินโญ่ ยังโดนถามว่า เขาจะจุดประกายความยิ่งใหญ่กลับคืนมาให้ เรอัล อีกครั้งได้หรือไม่ ซึ่งเขาตอบว่า "ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องของพลัง แต่เป็นความเชื่อที่ว่าเราสามารถประสบความสำเร็จได้ สโมสรต้องเข้าใจว่าสำหรับผมแล้ว การเป็นโค้ชไม่ใช่แค่การส่งเสริมให้กำลังใจนักเตะ, เตรียมทีมลงแข่ง, วาดแผนผังทีม และคุณจะส่งใครลงเล่น จะถอดใครออกเท่านั้น ถ้าคุณจะให้ผมเป็นโค้ช ก็ต้องรับความเป็นผมด้วย"    
 
ขณะ เดียวกัน แม้จะมุ่งมั่นขยันทำงาน แต่ มูรินโญ่ บอกว่าเขาโยนทุกอย่างทิ้งไปเวลาอยู่บ้าน "เวลาอยู่บ้านผมใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ผมช่วยลูกชายลูกสาวทำการบ้าน กินกาแฟกับภรรยา เราอยากเป็นครอบครัวธรรมดาๆ" มูรินญ กล่าว
 
 แต่ ก็สารภาพว่าเขาไม่สามารถไปชอปปิ้งกับภรรยาได้ และ "ผมไม่สามารถไปดูลูกชายเตะบอลเหมือนพ่อคนอื่นๆ ได้" ถ้าหากเขาอยากทำให้ชีวิตส่วนตัว มีความเป็นส่วนตัวจริงๆ "เฉพาะครอบครัวและเพื่อนสนิทจริงๆ เท่านั้นที่ได้รับอนุญาติให้รับรู้ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ที่แท้จริงเป็นคนยังไง"