"โคตรนักเตะ" หลังลิโอเนล เมสซี่ จัดการกระหน่ำ 5 ลูกใส่ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่บาร์ซ่าถล่มเอาชนะทีมห้างขายยาจากเมืองเบียร์ ไปถึง 7-1 จนผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปด้วยสกอร์รวม 10-2 จึงทำให้ดาวเตะอาร์เจนไตน์ก่อสถิติใหม่ๆขึ้นมากกมาย

        เป็นอีกครั้งที่ ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะซูเปอร์สตาร์หมายเลข 1 ของโลก แสดงความมหัศจรรย์ในตัวออกมาจนเลี่ยงไม่ได้ที่จะนำเสนอสถิติต่างๆที่เขาสร้างขึ้นมาตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่า โดยจากการยิง 5 ลูกเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาทำให้เขาถูกจารึกชื่อเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ซัด 5 ตุงในนัดเดียว
 
        โดยนักเตะคนล่าสุดที่ยิง 5 ประตูในถ้วยใบใหญ่ของยุโรป คือโซเรน เลอร์บี้ ผู้ซัดให้อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเกมเอาชนะโอโมเนีย ช่วงฤดูกาล 1979-80 แต่ตอนนั้นถ้วยใบใหญ่ของยุโรปยังใช้ชื่อว่า "ยูโรเปี้ยน คัพ"
 
        นอกจากนี้เมสซี่ เคยยิง 4 ประตูในนัดเดียวมาแล้ว 2 ครั้งด้วยกันหนึ่งในนั้นคือเกมลา ลีกา ที่พบบาเลนเซีย ส่วนอีกครั้งเกิดขึ้นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับการสอย 4 ลูกให้ทีมเอาชนะอาร์เซน่อล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ 2 ฤดูกาลก่อน โดยก่อนหน้านี้เคยมีมาร์โก ฟาน บาสเท่น, ดาโด้ แปร์โซ่, ซิโมเน่ อินซากี้, รุด ฟาน นิสเตลรอย, อังเดร เชฟเชนโก้ และ บาเฟติมบี้ โกมิส เคยสอย 4 ลูกในเกมเดียวกันมาแล้วเช่นกัน
 
        โดยฟาน บาสเท่น ที่ตอนนั้นเล่นกับเอซี มิลาน คือคนแรกจากทั้งหมด ด้วยการยิงโกเตบอร์ก ในฤดูกาล 1992-93 คนต่อมาคืออิซากี้ ผู้น้องนักเตะของลาซิโอ ที่สอยโอลิมปิก มาร์กเซย ในปี 2000 ซึ่งความจริงแล้วอินซากี้ น่าแชร์สถิติร่วมกับเมสซี่ หากไม่พลาดลูกโทษเพื่อประตูที่ 5 ในนัดนั้น ส่วนแปร์โซ่ ซัด 4 ลูกผ่านมือมิเกล อังเคล โมลิน่า ในเกมที่โมนาโก เอาชนะเดปอร์ติโอ ลา กอรุนญ่า 8-3 ซีซั่น 2003-04 เช่นเดียวกับฟาน นิสเตลรอย (แมนฯ ยูไนเต็ด) ยิงสปาร์ต้า ปราก ในฤดูกาล 2004-05, เชฟเชนโก้ (มิลาน) ซัดเฟเนร์บาห์เช่ ในซีซั่น 2005-06  และ โกมิส (ลียง) ตะบันดินาโม ซาเกร็บ ในฤดูกาลนี้
 
        แต่สำหรับเมสซี่ ยังมีสถิติน่าสนใจยิ่งกว่านั้น นับเฉพาะฤดูกาลนี้ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ทำไปแล้ว 6 แฮตทริก อันประกอบด้วยการยิงใส่มาลาก้า, โอซาซน่า, แอตเลติโก มาดริด และเรอัล มายอร์ก้า ในลา ลีกา บวกกับเกมชนะวิคตอเรีย พิลเซ่น ในแชมเปี้ยนส์ ลีก และเกมกับทีมชาติอาร์เจนตินา ที่ยิงสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว
 
        นั่นส่งให้เมสซี่ กลายเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์อีกเช่นกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สามารถทำแฮตทริก 2 ครั้งในฤดูกาลเดียว จากเกมเอาชนะพิลเซ่น จนมาถึงนัดล่าสุดกับเลเวอร์คูเซ่น
 
        สถิติยังไม่หมดแค่นั้น จาก 5 ประตูในคัมป์ นู นัดล่าสุด ช่วยให้เวลานี้เมสซี่ เป็นผู้นำดาวซัลโวแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ด้วยจำนวน 12 ประตู เทียบเท่ากับตัวเลขเดิมที่ตนเองทำไว้เมื่อฤดูกาลก่อน เช่นเดียวกับที่ฟาน นิสเตลรอย ทำไว้ในฤดูกาล 2002-03จึงมีแนวโน้มความเป็นไปได้ในการปลดล็อกสถิตินี้ เนื่องจาก "เมสซี่" จะได้ลงสนามอย่างน้อยอีก 2 นัดในรอบก่อนรองชนะเลิศ
 
        หากเขายังคงรักษาความมหัศจรรย์แบบนี้เอาไว้ได้ ไม่แน่เหมือนกันว่าสถิติของโจเซ่ อัลตาฟินี่ ที่เคยทำไว้ 14 ประตูกับเอซี มิลาน ในฤดูกาล 1962-63 ที่ตอนนั้นยังเรียกชื่อว่ายูโรเปี้ยน คัพ คงถูกทำลายลง
 
        ในส่วนของดาวซัลโวตลอดกาลในรายการนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ราอูล กอนซาเลซ คือเจ้าของสถิติด้วยสะสมไป 71 ประตู ตามด้วยฟาน นิสเตลรอย 56 ประตู และเธียร์รี่ อองรี 50 ประตู ซึ่งเมสซี่ ขยับมามีสถิติการยิงแล้ว 49 ประตูอันเทียบเท่าอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ตำนานของเรอัล มาดริด ผู้ยิงในถ้วยใบใหญ่ของยุโรปไว้เท่ากัน
 
        สุดท้ายอีกหนึ่งสถิติที่เมสซี่ กำลังก้าวย่างขึ้นเป็นเจ้าของ คือการเป็นนักเตะที่ยิงประตูในเกมอย่างเป็นทางการมากสุดของประวัติศาสตร์สโมสรแห่งแคว้นกาตาลัน โดยในอดีตเซซ่าร์ โรดริเกซ ตำนานในยุค 1942-1955  เคยยิงไปทั้งหมด 235 ประตู สำหรับเมสซี่จาก 5 ประตูล่าสุด ส่งให้ตัวเลขประตูรวมกับบาร์เซโลน่า นับตั้งแต่ลงเล่นนัดแรกเมื่อราวๆ 8 ปีก่อน ขยับขึ้นมาเป็น 228 ประตูแล้ว ขาดอีกเพียง 8 ลูกเท่านั้นจะสามารถลบสถิตินี้ลงได้
 
        จึงเชื่อกันว่าด้วยวัยแค่ 24 ปีในเวลานี้ยังเหลือช่วงเวลาอีกหลายขวบปี ในการเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ขึ้นเรื่อยๆ

        หมายเหตุ: ข้อมูลจาก "เอล นินโญ่" เจ้าของคอลัมน์ Muy Bien Madrid สบายดีมาดริด ในหนังสือพิมพ์สตาร์ซอคเกอร์