มันก็เป็นธรรมดาที่เราหวังไว้ และมันไม่ได้ดั่งใจมันก็มีเสียใจบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่ก็ต้องกลับมาให้ไว เพราะเรายังมีแมตช์การแข่งขัน หลายรายการที่สำคัญ"

นี่คือเสียงตอกย้ำความช้ำใจของ สุดยอดลิเบอโร่ หรือ ตัวรับอิสระ ของไทย "วรรณา บัวแก้ว" พี่ใหญ่สุดของทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ที่พลาดโอกาสไปลุยโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ช่วงปลายเดือนก.ค.นี้

ยอดนักวอลเลย์ จากจ.สระแก้ววัย 31 ปี ยอมรับว่า เธอพยายามและใฝ่ฝันมาตลอดว่า อยากสัมผัสโอลิมปิกสักครั้งในชีวิต เช่นเดียวกับนักกีฬาทุกคน โดยเธอได้ลงแข่งขันรอบคัดเลือกมา 2 สมัยก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

ไม่ต่างจากครั้งที่ 3 ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา หากเราดูแค่ผลการแข่งขัน แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ ทัพลูกยางสาวไทย เข้าใกล้ตั๋วโอลิมปิกเฉียดฉิวที่สุดแล้ว แต่เพราะ "เลือดนักสู้" ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ วรรณาเชื่อว่า โอกาสจะต้องมาถึงมือเธอสักวันแน่ ตราบใดที่เธอยัง "ไม่ยอมแพ้" ไปเสียก่อน

"คือชีวิตมันก็ยังมีโอกาสอีก พี่ก็ไม่ใช่ว่าจะหยุดเล่นเลย ถ้าผู้ใหญ่ยังให้โอกาส พี่ก็เล่นต่อ ก็จะดูแลร่างกาย อยู่ช่วยน้องๆก็จะไปคัดกับน้องๆใหม่ๆ ใช้ฝีมือตัวเอง ถ้าไม่ติด ก็คือไม่ติด ถ้าติดก็ต้องติดเพราะฝีมือเรา "

คงไม่มีใครปฏิเสธว่า วรรณา คือหนึ่งในไม่กี่นักวอลเลย์ไทย ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด แต่เธอก็ยอมรับ ชีวิตการเล่นอาชีพและรับใช้ทีมชาติหลายสิบปีที่ผ่านมา ต้องเจอกับมรสุมมากมายเช่นกัน กว่าจะก้าวขึ้นมาได้รับการยกย่องว่าเป็น ลิเบอโร่ มือ 1 ของโลก และเป็นผู้เล่นไทยคนแรกที่ได้ไปเล่นอาชีพต่างแดนในยุโรป

โอลิมปิก ยังมีหวัง

"ช่วงหลุดทีมชาติไป 1 ปี มันเป็นอะไรที่ยากมากๆ เพราะมันต้องใช้อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นสู้กับตัวเอง สู้กับโค้ช สู้กับน้องๆ กว่าจะกลับมายืนได้อีกครั้ง ส่วนโอลิมปิก ก็เสียใจมากเหมือนกัน เพราะตั้งความหวังไว้มาก แต่ก็ต้องกลับมาให้ไว เพราะเราเป็นพี่ใหญ่ ถ้าเรายังมามองดูแต่อดีต ไม่มองไปข้างหน้า มันก็คงไม่ได้"

แม้จะประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งระดับสโมสร,ทีมชาติ โดยเฉพาะแชมป์เอเชีย ปี พ.ศ.2552 ซึ่ง "วรรณา" ยกให้เป็นแมตช์สุดยอดในชีวิต แต่ เธอย้ำชัดว่า การเป็นนักวอลเลย์ของเธอจะยังไม่สมบูรณ์แน่นอน หากยังไม่ได้โอกาสแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้าย

"เคยเป็น ลิเบอโร่ มือ 1 ของโลก, เป็นแชมป์ซีเกมส์, แชมป์เอเชีย,ไปเล่นต่างประเทศ, เล่นรอบสุดท้าย เวิลด์ กรังด์ปรีซ์แล้ว แต่มันยังไม่ถึงจุดที่เราต้องการ คือเราอยากไปโอลิมปิก อนาคตก็ยังไม่รู้ แต่มองดูแล้ว น้องๆ เก่งขึ้น และพัฒนาขึ้นทุกคน และถ้าเรายังเล่นรวมกันอยู่อย่างนี้ อนาคตต่อไปมันก็ไม่แน่ ทีมอื่นเขาอาจจะดีขึ้น หรือแย่ลงก็ได้ แต่ถ้าของเรา ยังอยู่ด้วยกันรักษา สภาพร่างกายดีๆ พี่ว่ามันไม่น่าจะยาก"

ร้องไห้ที่อิตาลี

วรรณา ได้มีโอกาสไปเล่นอาชีพให้กับทีม จอห์นสัน สเปซาโน่ ที่อิตาลี ในพ.ศ.2545 เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งเธอกล่าวถึงวันวานว่า "ประสบการณ์แรกๆ มันก็มีกลัวว่าจะเล่นกับพวกยุโรปไม่ได้ พี่ร้องไห้อยู่ 3 เดือน ไม่ใช่ว่าเล่นไม่ได้ ที่ยุโรปเขาฝึกซ้อมน้อยมาก เรื่องปรับตัว, อาหารการกิน, ภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ อยู่ได้สบาย แต่มันยากตรงที่มันคิดบ้าน แต่ตอนนี้สบาย ให้ไปไหนก็ไป"

อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่า จะถูกเคี่ยวซ้อมหนักกว่าคนอื่น ไม่ใช่เพราะฝีมือเป็นรอง แต่ เพราะตำแหน่ง ตัวรับ ซึ่งต้องเป็นเป้าโดนอัดมากที่สุด ซึ่งแม้จะเจ็บไปทั้งตัว แต่ วรรณา ก็ยังกัดฟันสู้ตาย

"คนที่เป็นตัวรับที่ดีที่ได้ จะต้องเป็นคนที่คล่องแคล่ว ว่องไว ต้องรับบอลดี ทั้งรับตบ-รับเสิร์ฟ มีเบสิคดี คนอื่นกลัวลูกบอลหรือเปล่าไม่รู้ แต่สำหรับพี่ไม่เคยกลัว พี่ชินแล้ว ลองถามน้องๆทุกคนได้ ว่าพี่เป็นคนที่ ไม่เคยกลัวบอล มีแต่ชนบอล มีแต่สู้บอล มันก็เจ็บ แต่เราเป็นลิเบอโร ถ้ากลัวบอล จะมาเป็นตัวรับได้ยังไง"

โกอินเตอร์เก่งขึ้นทุกคน

รอยเท้าของ วรรณา ที่ได้ไปประทับเล่นอาชีพที่ยุโรป กลายเป็นใบเบิกทางให้ นักวอลเลย์รุ่นน้องคนอื่นๆ ได้มีโอกาสไปเล่นในต่างประเทศมาขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยุโรป และลีกชั้นนำของเอเชีย ซึ่งเธอเชื่อว่า ประสบการณ์ที่ได้ จะช่วยให้นักฬาไทยพัฒนาฝีมือมากขึ้นอย่างแน่นอน

"นักกีฬาไทย พร้อมไปเล่นอาชีพที่ต่างประเทศกันนานแล้ว ดูอย่างน้องๆ หลายคนไปเล่น กลับมาก็เก่งขึ้นทุกคน เพราะได้เล่นกับพวกตัวใหญ่ๆ ของยุโรป มันได้ประโยชน์แน่นอน ขอแค่มีโอกาสให้ได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์"

วรรณา ถือเป็นนักกีฬาสายเลือดเก่าในยุคของ แอนนา ไภยจินดา พัชรี แสงเมือง แต่ก็สามารถยืนระยะและพัฒนาฝีมือการเล่นร่วมกับชุดปัจจุบันได้อย่างลงตัว ซึ่งทำให้เธอมองเห็นพัฒนาการที่ผ่านมาของ วอลเลย์บอลในเมืองไทยได้เป็นอย่างดี

"ปัจจุบัน มันพัฒนาไปมาก บวกกับนักกีฬาของเรา ได้ไปเล่นต่างประเทศด้วย มีประสบการณ์กลับมา ส่วนคนดูเยอะ และนิยมมากขึ้น แม้ว่าการแข่งขันในประเทศ ไม่ได้มีมากมาย ลีกไทยเพิ่งมามีบทบาทเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เด่นมาก แต่วอลเลย์เราพัฒนาตรงที่นักกีฬาเราได้ไปเล่นต่างประเทศ"

เดี๋ยวนี้ 'หมวยจีน' จิ๊บๆ

เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของทีมไทย จึงทำให้ทุกวันนี้ วรรณา กล้าพูดว่า แทบจะไม่กลัวทีมวอลเลย์บอลชาติไหนเลย รวมถึง จีน พี่ใหญ่ของเอเชีย ซึ่งครั้งหนึ่ง เธอยอมรับว่า รู้สึกหวั่นใจทุกครั้ง เมื่อต้องลงสนามเผชิญหน้า

"ตอนนี้ เรายังเอาชนะไม่ได้ คือ บราซิล กับ รัสเซีย แต่พี่ว่ามันใกล้เคียงขึ้นทุกวัน ขนาดตอนนี้ จีน พี่ยังไม่กลัวทั้งๆที่แต่ก่อน เวลาเล่นกับจีน ต้องแอบคิดแล้วว่า วันนี้ เราจะได้สักกี่แต้ม เซตนี้จะแพ้เท่าไร แต่เดี๋ยวนี้ เจอกันไม่กลัวแล้ว เล่นกับใครก็ได้ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ขนาดโค้ชบราซิล กับ อเมริกา เค้ายังชมว่า เราพัฒนาขึ้นเยอะ เป็นทีมที่น่ากลัว แม้ว่าเราจะเสียเปรียบรูปร่าง แต่เราก็มีวิธีการเล่นทำให้เขาลำบากได้"

ส่วนเป้าหมายต่อไป แน่นอน โอลิมปิก อีก 4 ปีข้างหน้า ยังเป็นฝันอันดับ 1 ของ วรรณา แต่ในปีนี้ เธอกล่าวว่า จะมีคิวเล่นให้กับ ไซโจเดนกิ-นครนนทบุรี ในศึกวอลเลย์บอล วีทีวี คัพ 2012 ที่เวียดนาม กลางเดือนก.ค.นี้ จากนั้นจะเดินทางไปเล่นศึกชิงแชมป์เอเชียน คัพ 2012 ที่คาซัคสถาน ในเดือนก.ย. ขณะเดียวกัน ก็ยังรอดูต่างประเทศติดต่อไปเล่นอาชีพ ซึ่งล่าสุดทีมจากอิตาลี ต้องการตัวรับ แต่ทั้งนี้ ยังต้องรอฟังรายละเอียดจากโค้ชอีกครั้ง

ชีวิตนอกสนาม

วรรณา ซึ่งปัจจุบัน ทำงานที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กองพัฒนาธุรกิจ ยอมรับว่า ชีวิตนอกสนามของ นักวอลเลย์บอลหญิงส่วนใหญ่ จะหมดไปกับ "การนอน" เพราะทำให้มีแรงมากขึ้น ส่วนตัวเธอนั้น เมื่อนอนเสร็จแล้ว ก็ชอบไปเดินเที่ยวเล่นที่ห้างสรรพสินค้า ชอปปิ้งซื้อของ หรือ หาอะไรอร่อยๆ กิน

อย่างไรก็ตาม กลายเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อความสำเร็จของทีมวอลเลย์ นำพาให้พวกเธอเป็นที่สนใจของทั้งแฟนกีฬาและสื่อมวลชนหลายแขนงที่ติดตามเกาะติดทำข่าว ซอกแซกอยากรู้ทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะเรื่อง ส่วนตั๊ว ส่วนตัว ซึ่ง วรรณา ในฐานะพี่ใหญ่ของทีม ก็ขอฝากนิดหนึ่งว่า ควรจะเคารพสิทธิ์ส่วนตัวของนักกีฬาทุกคนด้วย

เราเป็นนักกีฬา ไม่ใช่ ดารา

"บางเรื่อง นักกีฬาก็ไม่ใช่ว่าจะปิด แต่เพียงไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็นใหญ่โต เพราะเราเป็น นักกีฬา ไม่ใช่ ดารา ไม่มีใครคิดว่า คนจะมาสนใจอยากรู้เรื่องนอกเหนือจากนั้น โดยเฉพาะเรื่องแฟน ซึ่งจริงๆ นักวอลเลย์ ก็มีแฟนกันเกือบทุกคน คบก็บอกว่าคบ แต่ก็ไม่อยากให้มาสนใจมาก บางทีก็ต้องให้เกียรติแฟนเขาด้วย หรือ บางทีอาจจะส่งผลกระทบต่อแฟนคลับของวอลเลย์ก็ได้ ก็อยากให้เข้าใจตรงนี้ด้วย "

'ยายนา' บ้าละคร

และกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ วรรณา รักไม่แพ้กับการเล่นวอลเลย์บอล ก็คือ การติดตามชมละคร ซึ่งเธอย้ำว่า "ยิ่งน้ำเน่า ยิ่งชอบ" ส่วนละครเกาหลีที่ฮิตๆ กันในบ้านเรา เธอเซย์โน พร้อมเปิดเผย มีดาราในดวงใจอย่าง นางเอกสาวชื่อดัง "อั้ม" พัชราภา ไชยเชื้อ รวมไปถึงคู่ขวัญแห่งปีอย่าง ณเดช คูกิมิยะ และ "ญาญ่า" อุรัสยา สเปอร์บันด์

"น้องๆ จะรู้ว่า พี่นาเป็นคนยังไง บ้าละครมาก บ้าดารา ดูได้ทุกแนว ทุกช่อง เรียกได้ว่า ติดละคร จนไม่ยอมกินข้าว พอไม่กินข้าวคนรอบข้างก็จะด่า (หัวเราะ)"

วอลเลย์ให้ทุกอย่าง

หากไม่มี วอลเลย์บอล ก็คงไม่มี วรรณา บัวแก้ว วันนี้ นั่นคือสิ่งที่เธอย้ำเตือนกับตัวเองอยู่เสมอ หลังจากสามารถก่อร่างสร้างชีวิตได้อย่างมั่นคงจากกีฬาชนิดนี้ นับตั้งแต่ได้สัมผัสมันมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษา

"สำหรับ พี่วอลเลย์บอลให้ทุกอย่าง พี่เกิดมาในครอบครัวไม่ใช่คนรวย ถ้าเป็นเรื่องเรียน พี่เรียนฟรีมาตั้งแต่ชั้นมัธยมฯ ยันปริญญาโท พี่มีงาน มีเงิน มีสังคม มีเพื่อน มากมาย ก็เพราะวอลเลย์บอล ถ้าตอนเด็กไม่ได้เล่นวอลเลย์ ก็ไม่รู้จะไปทำอะไร คงอยู่บ้านทำนามั้ง (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ ชีวิตทุกอย่างดีขึ้น ตั้งแต่ติดทีมชาติ พี่ส่งหลานเรียนทุกคน จบป.ตรีไปแล้วหนึ่งคน อีกคน กำลังเรียนมัธยมฯ ใกล้เข้ามหาวิทยาลัย"

ทิ้งท้าย วรรณา ได้ฝากไปยังน้องๆ เยาวชนทุกคนที่อยากจะเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล หรือ กีฬาชนิดใดก็ได้ หากอยากจะประสบความสำเร็จ ก็จะต้องอยู่ที่ตัวของน้องๆ มีความรัก ความชอบอยู่ก่อนด้วย หลังจากนั้น เมื่อทำอย่างเต็มที่ ทุกอย่างก็จะออกมาดีเอง และที่สำคัญ ต้องเชื่อฟังและเคารพผู้ฝึกสอน และผู้หลักผู้ใหญ่ด้วย.