สมาคมฟุตบอลฯ ส่งหนังสือถึงเอเอฟซี ขอเลื่อนกำหนดการเดินทางมาตรวจทีมสโมสรในศึกสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ออกไปเป็นช่วงเดือน ต.ค. หลังหลายอย่างยังไม่ลงตัว และคิวเตะก็ยังชุกอัดแน่นอีกต่างหาก  ดร.วิชิต  แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก มั่นใจเมื่อถึงเวลานั้นทุกสโมสรจะพร้อม และผ่านการประเมินฉลุยแน่โดยเฉพาะยอดค่าเฉลี่ยผู้ชมแต่ละแมตช์ที่ถีบตัวสูง ขึ้นจาก 3,000 เป็น 5,000 คน ตามเกณฑ์ที่เอเอฟซีตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว  ขณะที่ประธาน คปบ. “บิ๊กย้อย”พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ออกโรงยืนยันผู้ตัดสินทุจริตมีอยู่จริง โดยเตรียมเสนอบทลงโทษขั้นหนักถึง “แบนตลอดชีวิต”... 

เมื่อบ่ายวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีงานแถลงข่าว “สปอนเซอร์ มีท เดอะ เพรส” สโมสรไทยพรีเมียร์ลีกพบสื่อมวลชนเพื่อพูดคุยถึงความพร้อมก่อนเกมสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2012 ช่วงสุดสัปดาห์ โดยมี ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นประธานพร้อมตัวแทนของสโมสรต่างๆ เข้าร่วมแถลงข่าวอย่างคึกคัก

ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานทีพีแอล เผยว่า “จากข่าวที่เอเอฟซีจะเดินทางมาตรวจสโมสรไทยลีกในอีก 2 วันข้างหน้านั้น ล่าสุดสมาคมฟุตบอลฯได้ส่งหนังสือเพื่อขอเลื่อนออกไปเป็นช่วงเดือนตุลาคม เนื่องจากสาเหตุหลักก็คือเรายังไม่สะดวกเพราะคิวเตะค่อนข้างชุกรวมถึงยังไม่ลงตัวในอีกหลายๆ อย่าง ซึ่งทางเอเอฟซีเข้าใจดีและตอบตกลงที่จะเลื่อนเป็นช่วงเดือนตุลาคม ส่วนข่าวที่ว่าสโมสรไทยมีสิทธิ์ชวดแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกปีหน้าเนื่องจากสมาคมฟุตบอลฯ ยังไม่ยอมจัดส่งเอกสารความคืบหน้าเพื่อรายงานไปยังเอเอฟซี  เรื่องนี้ผมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง สมาคมฟุตบอลฯ ส่งเรื่องทั้งหมดไปที่เอเอฟซีเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังพิจารณาเช่นเดียวกับชาติอื่น”

ประธานทีพี แอลยังได้เผยอีกว่า จากค่าเฉลี่ยของยอดผู้ชมในสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีกตอนนี้ถือเป็นที่น่าพอใจ มาก เพราะเพิ่มขึ้นจาก 3,000 คนเป็น 5,000 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ผ่านเกณฑ์เอเอฟซี ระบุ และตนอยากให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเดือน ต.ค.ที่เอเอฟซี จะมาตรวจ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวผ่านเรื่องนี้ก็คือทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน พัฒนาและผลักดันให้สโมสรตัวเองผ่านการประเมินจากเอเอฟซีให้ได้

ส่วนในช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่อาคารรัฐสภา 2 ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา มีวาระสำคัญเพื่อพิจารณาปัญหาอุปสรรคการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน โดยมี “บิ๊กย้อย” พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ประธานคณะกรรมการฝ่ายป้องกันและปราบรามการประพฤติมิชอบในวงการฟุตบอล (คปบ.) และ พล.ต.ชินเสณ  ทองโกมล ประธานคณะกรรมการผู้ตัดสิน เข้าร่วมให้รายละเอียด

โดย “บิ๊กย้อย” กล่าวในที่ประชุมว่า ตนเชื่อว่าเวลานี้มีผู้ตัดสินที่ประพฤติทุจริตหรือรับผลประโยชน์อยู่จริง  แต่เรายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนในการเอาผิด ดังนั้น ทาง คปบ.จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะหาหลักฐานและจับตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ โดยในเบื้องต้นเราได้นำเครื่องจับเท็จเข้ามาตรวจสอบ หาความจริง ส่วนการดักฟังโทรศัพท์หรือตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้นถือว่ายังทำได้ยาก

“อย่างไรก็ตาม แม้เราจะยังหาหลักฐานได้ไม่มากพอ แต่ผมเตรียมที่จะเสนอบทลงโทษที่รุนแรงเพื่อให้ผู้ตัดสินเกรงกลัวมากขึ้น โดยในเบื้องต้นผมจะเสนอบทลงโทษ 3 ขั้นตอน คือ 1. หากผู้ตัดสินมีความพลาดผิดโดยตั้งใจ โทษแบน 1 ปี, 2. ผู้ตัดสินมีความบกพร่องอย่างน่าสงสัย โทษแบน 6 ปี และ 3. ผู้ตัดสินผิดพลาดซึ่งมีหลักฐานอย่างชัดเจน โทษแบน 10 ปีหรือตลอดชีพ” ประธาน คปบ.กล่าวในตอนท้าย