ฟีฟ่า ได้ฤกษ์เดินหน้าใช้เทคโนโลยี โกล-ไลน์ เสียที โดยเตรียมประเดิมใช้ในศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่แดนปลาดิบ คู่ระหว่าง ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า กับ โอ๊คแลนด์ ซิตี้ วันพฤหัสบดี จากนั้นหากไม่มีอะไรผิดพลาดศึก คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ในปีหน้า ก็จะเป็นเกมลูกหนังทัวร์นาเมนต์ต่อไปที่จะได้นำไปใช้

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เตรียมดำเนินการใช้เทคโนโลยีที่เส้นประตู (โกล-ไลน์ เทคโนโลยี) เป็นครั้งแรกในการแข่งขันถ้วยชิงแชมป์สโมสรโลก "ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2012" ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจะเริ่มประเดิมใช้ในการดวลฝีเท้าระหว่าง ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า กับ โอ๊คแลนด์ ซิตี้ เป็นนัดแรก ในวันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคมนี้

สตีฟ คาร์เตอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการของ "ฮอว์ค-อาย" ที่นำมาใช้ในการแข่งขันเทนนิสและคริกเก็ตในยุคนี้ ได้พูดถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยผู้ตัดสินว่า "สิ่งสำคัญก็คือเทคโนโลยีต้องแสดงผลออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องไม่มีความผิดพลาด เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่แย่ที่สุดสามารถเกิดให้คุณเห็นได้ก็คือเทคโนโลยีไม่มีความแน่นอน ซึ่งกล้องจากทีวีถ่ายทอดพิสูจน์ให้เห็นว่าผลออกมาผิดพลาด"   

"ฮอว์ค-อาย มีกล้อง 7 ตัวต่อปากประตู คุณกำลังพูดกันเป็นระดับมิลลิเมตรและแน่นอนว่ามีความสำคัญสำหรับเกมฟุตบอล หากคุณมองไปที่เหตุการณ์ของ จอห์น เทอร์รี่ (ตัดจากเส้นประตูในเกมที่ อังกฤษ เฉือนชนะ ยูเครน 1-0 ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2012") พวกเราวัดมันด้วยภาพจากล้องโทรทัศน์ ที่จริงบอลอยู่บนเส้นประตูเป็นระยะ 25 มิลลิเมตร นั่นคือข้อดีในความแน่นอนของระบบของเรา 2, 3, 4 มิลลิเมตรของความเร็วในภาพที่ออกมา ฟุตบอลต้องการถึงระดับนั้น"  

ภายหลังการแข่งขันรายการชิงแชมป์สโมสรโลกสิ้นสุดลง คณะกรรมการก็จะมานั่งถกและประเมินผลว่าระบบใดดีที่สุดและควรจะนำไปใช้กับการแข่งขันในถ้วย คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 ต่อไป โดย คาร์เตอร์ เผยต่อถึงเรื่องนี้ว่า "เห็นได้ชัดว่า คอนเฟเดอเรชั่น คัพ กำลังที่จะเริ่มใช้ระบบนี้อย่างจริงจัง"

ด้าน เฌอโรม วัลค์เก้ เลขาธิการทั่วไปของ ฟีฟ่า ก็ยืนยันว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มต้นใช้เทคโนโลยีนี้เสียที นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ดูกี่ครั้งก็รับไม่ได้กับลูกยิงของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ยิงเข้าไปชัดๆ ในเกมพบ เยอรมัน ในศึกฟุตบอลโลก 2010 แต่กลับไม่ได้เป็นประตู

"สิ่งที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2010 ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกครั้ง ฟุตบอลโลก เป็นรายการกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบอลก็ไม่ได้ข้ามเส้นไปแค่ 2 เซนติเมตร แต่มันเข้าอย่างชัดเจน ผู้คนหลายล้านคนเห็นสิ่งนั้น และสงสัยว่าทำไมกรรมการจึงไม่เห็น นั่นเป็นการตัดสินใจที่เราได้ทำหลังฟุตบอลโลก 2010" วัลค์เก้ เผย

ขณะเดียวกัน วัลค์เก้ ได้พูดถึงประเด็นที่ ฟีฟ่า จำเป็นต้องจ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 60 ล้านบาท) สำหรับการติดตั้งระบบนี้ในการแข่งขันที่แดนปลาดิบด้วยว่า "มันแพงแต่เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีก็จะถูกลง ยิ่งมีการแข่งขันทางการตลาดมากขึ้น ก็จะยิ่งถูกลง มันจำเป็นต้องมีไว้เพียงพอสำหรับทุกแห่ง แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน มันก็จำเป็นต้องมีความแน่นอน พวกเราไม่อาจรับได้กับความผิดพลาด"