การเลือกตั้งหัวเรือคนใหม่ของเอเอฟซี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลทั่วทั้งทวีปเอเชียในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ ขอเสนอรายงานพิเศษเพื่อแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับผู้ลงสมัครทั้ง 5 ราย

เหลือเวลาอีกเพียง 5 วัน ก็จะถึงวันที่ 3 มีนาคม ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายให้ผู้ลงสมัครทั้งหลายจำต้องประกาศตัวเอง รายชื่อผู้ท้าชิงตำแหน่งจนถึงทุกวันนี้ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนักแสดงจากหนังเกรดบีสักเรื่อง มองจากหลายๆ แง่มุม รายชื่อที่มีอยู่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องอื้อฉาวและเต็มไปด้วยคำถามว่า พวกเขาจะทุบหม้อข้าวของตัวเองด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารจัดการทั้งหมดหรือไม่

สมาชิกเอเอฟซีทั้งหมด 46 รายจะต้องเลือกประธานคนใหม่ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ หลังจากที่โมฮาเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานเอเอฟซี คนก่อน ถูกตัดสินห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลตลอดชีวิตเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยมีผู้สมัครถึง 3 จาก 5 รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบิน ฮัมมัม ผู้เคยถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนมากมาย คือ ยูเซฟ อัล เซอร์คัล จากยูเออี, วรวีร์ มะกูดี จากประเทศไทย และฮาเฟซ อัล เมเด็จ จากซาอุดิอาระเบีย

ในบรรดาผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานเอเอฟซีที่เปิดตัวกันไปแล้วทั้ง 5 ราย มีใครกันบ้าง

วรวีร์ มะกูดี

วรวีร์ มะกูดี เคยถูกสอบสวนเรื่องคอร์รัปชันและฉ้อโกงหลายต่อหลายครั้ง เขาเพิ่งปฎิเสธข้อกล่าวหาจากทางบริษัทแดอัน จากเกาหลีใต้ เรื่องสิขสิทธิ์สัญญาถ่ายทอดสดทีมชาติไทยหลายล้านดอลลาร์ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยถูกลอร์ดเดวิด ทรีสแมน กล่าวหาว่าเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับคะแนนเสียงเลือกอังกฤษเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก แม้เขาจะเคลียร์ข้อกล่าวหาดังกล่าวด้วยการอ้างว่าเงินที่ได้มานั้นจะนำไปสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้สมาคมฟุตบอล ไม่ใช่สร้างอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินของตัวเองก็ตาม แต่ล่าสุดสภาผู้แทนฯ ของไทยก็เพิ่งทำการสืบสวนเรื่องที่ฟีฟ่าไม่อนุญาตให้ใช้สนามฟุตซอลแห่งใหม่ที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง

ยูเซฟ อัล เซอร์คัล

ยูเซฟ อัล เซอร์คัล เป็นผู้สมัครอีกรายที่หลายคนรู้ดีว่ามีความสนิทสนมกับบิน ฮัมมัม ประธานเอเอฟซีคนก่อนเป็นพิเศษ เขาเคยว่าจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเอเอฟซีสองคนซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินของบิน ฮัมมัม เมื่อปีที่แล้ว เป็นการแสดงให้เห็นแบบกลายๆ ว่า ถ้าเอเอฟซีได้เซอร์กัล เป็นประธาน เราคงมีโอกาสได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ฮาเฟซ อัล เมเด็จ

ประธานกรรมการด้านสิทธิประโยชน์และการตลาดของเอเอฟซี ฮาเฟซ อัล เมเด็จ ไม่เพียงมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับบิน ฮัมมัม แต่ยังมีเอี่ยวกับข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลร์ กับบริษัทเวิร์ล สปอร์ต กรุ๊ป ของสิงคโปร์ ซึ่งถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของข้อตกลงนี้ ถึงขั้นมีการเสนอให้เปิดเจรจากันใหม่ หรือไม่ก็ยกเลิกข้อตกลงนี้เสียเลยอีกด้วย

ชีค ซัลมาน

ชีค ซัลมาน ผู้ลงสมัครรายที่สี่ เป็นประธานสมาคมฟุตบอลบาห์เรน ซึ่งเคยพ่ายแพ้ต่อบิน ฮัมมัม แบบเฉียดฉิวในการแย่งชิงเก้าอี้คณะกรรมการบริหารของฟีฟ่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดย World Football Insider ระบุถึงการต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงเก้าอี้ในครั้งนั้นว่า ซัลมานพ่ายแพ้ ต่ออำนาจมืด และการใช้เงินเพื่อซื้อเสียงโหวต

อย่างไรก็ดี ชีค ซัลมาน ต้องเจอปัญหาใหญ่จากข้อเท็จจริงที่ว่า เขาเป็นราชวงศ์บาห์เรน ซึ่งเคยปราบปรามฝูงชนอย่างรุนแรงในปี 2011 ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนในวงการกีฬา รวมถึงนักเตะทีมชาติ 3 คนโดนจับระหว่างประท้วงด้วย โดยหลายคนออกมาแฉว่าพวกเขาถูกทรมานระหว่างอยู่ในคุก และจากบทสัมภาษณ์กับ Associated Press สัปดาห์นี้ ซัลมานก็เหมือนจะออกมายอมรับกลายๆ ว่า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเกิดขึ้นจริง

จางจี้หลง

จางจี้หลง ผู้ท้าชิงรายที่ 5 รักษาการณ์ประธานเอเอฟซีในขณะนี้เป็นคนเดียวที่ชูเรื่องการเปลี่ยนแปลงในเอเอฟซีเพื่อหาเสียง ทว่านักวิจารณ์หลายรายระบุว่าเขาแสดงความสามารถได้ไม่เต็มที่เพราะถูกอิทธิพลของบิน ฮัมมัมกดดัน แม้กระทั่งหลังจากที่เขาถูกแบนครั้งแรกในช่วงต้นฤดูร้อนปี 2011 จากข้อเท็จจริงที่ว่า เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของเอเอฟซี ในระหว่างที่บิน ฮัมมัม เรืองอำนาจ

ทั้ง 5 รายที่กล่าวถึงข้างต้นคือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานเอเอฟซีจนถึงขณะนี้ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าก่อนจะถึงวันที่ 3 มีนาคม ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายให้ผู้สมัครประกาศลงท้าชิงตำแหน่ง จะมีใครมาสมัครเพิ่มหรือไม่ แต่เสียงเรียกร้องที่เหล่าสมาชิกในเอเอฟซีต้องการคือ การบริหารงานที่โปร่งใสมากขึ้น และเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตก (WAFF) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศทางตะวันออกกลาง ได้ประกาศอย่างชัดเจนในสัปดาห์นี้ว่าพวกเขาจะลงคะแนนให้คนที่มีนโยบายเป็นประโยชน์ต่อวงการฟุตบอลในภูมิภาคนี้มากที่สุด

ทันทีที่มีข้อเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นมา เชกิล ซัลมาน ได้ร่างนโยบาย 7 ข้อขึ้นมาเพื่อตอบสนองแต่เสียงเหล่านั้น ซึ่งจากรายงานของ World Football Insider นั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการล็อกผลการแข่งขัน, การโด็ปยา และการพนันผิดกฎหมาย รวมถึงความโปร่งใสทางด้านการเงิน ซึ่งหากจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้สมัครทุกคนจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ แต่ปัญหาก็คือ มันอาจจะเป็นเรื่องที่พูดง่ายกว่าทำ

อย่างไรก็ดี ในอีกไม่ถึง 3 เดือนข้างหน้า จะถือเป็นก้าวย่างที่น่าจับตามองยิ่งของวงการฟุตบอลเอเชีย ว่าจะดำเนินไปทางไหน ใครจะได้เป็นประธานเอเอฟซี คนใหม่ ปัญหาเก่าๆ ในระหว่างที่บิน ฮัมมัม ยังเรืองอำนาจจะยังมีอยู่หรือไม่ ทั้งหมดนี้เราจะรู้กันในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้