ฝ่ายชายเปิดปากรับกำลังสานสัมพันธ์จริง! แต่นางเอกสาว ''ใหม่'' ดาวิกา โฮร์เน่ ตอกกลับ มาริโอ้ เมาเร่อ ยังเป็นแค่พี่ แจงไม่ได้คุยกันสักระยะแล้ว ไม่ขอพูดข่าว ''กุ๊บกิ๊บ'' แฟนเก่าฝ่ายชายตามยี้ เจอก็คุย ไม่เจอก็ไม่คุย และเรื่องไหนไม่จริงก็ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ น้ำตาซึมยอมรับได้รับโนติสพร้อมคำขู่ฟ้องหากไม่หยุดพาดพิงจากฝั่ง ''เอ-ศุภชัย'' อดีตผู้จัดการส่วนตัวจริง พร้อมออกปากตนเป็นเด็กไม่ขอพูด ขณะที่แม่และพี่เกล้าผู้จัดการคนใหม่อดีตลูกหม้อ ''เอ-ศุภชัย'' โต้กลับสัญญาของ ''ใหม่-ดาวิกา'' กับ ''เอ-ศุภชัย'' ไม่เป็นธรรม พร้อมตั้งทนายจ่อฟ้องกลับหากต้องปกป้องตัวเอง

    มีข่าวกุ๊กกิ๊กกันมาสักระยะเนื่องจากโสดทั้งคู่สำหรับพระเอกหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ และนางเอกสาว ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ ซึ่งล่าสุดฝ่ายชายออกปากยอมรับแล้วว่ากำลังพูดคุยศึกษาดูใจกันอยู่จริง ซึ่งประเด็นนี้เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 21 มี.ค. 2556 ผู้สื่อข่าวได้เจอนางเอกสาว ''ใหม่-ดาวิกา'' ที่งานเปิดตัว แมค ยีนส์ ที่เดอะมอลล์บางกะปิ พร้อมทั้งได้สอบถามถึงความสัมพันกับหนุ่มมาริโอ้ว่าขณะนี้เป็นเช่นไร ซึ่ง ''ใหม่-ดาวิกา'' เผยว่า  กับมาริโอ้นั้นไม่ได้คุยกันสักระยะแล้ว ยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ยืนยันตอนนี้โสด ขณะที่มีข่าวว่ากุ๊บกิ๊บ ตามแขวะนั้น ยังไม่ได้คุยกัน รู้สึกว่าอันไหนไม่ใช่ความจริงก็ไม่อยากคุยอะไร
     
    ''ยังไม่ได้คุยกันสักพักแล้วค่ะ เรายังเหมือนเดิมคือ ยังเป็นพี่ที่ร่วมงานด้วยกันยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ ความรู้สึกยังไม่ได้เปลี่ยนไป หนูจะพูดยังไงให้คนเชื่อว่าเราไม่ได้เป็นจริงๆ แต่เอาเข้าจริงเรื่องมันก็เริ่มบานปลาย ตอนที่เค้ายอมรับเรายังไม่ได้คุยกับเค้าเลยค่ะ เราไม่ได้คุยกันทุกวันจริง ยังไม่มีความหวานเลย ถามว่าพี่โอ้เป็นผู้ชายที่สนิทสุดมั๊ย ก็ไม่ค่ะ (ยิ้ม) คือยังไม่ได้คุยกับพี่โอ้เลยค่ะ ในไลน์ถ้าเค้าไม่พิมพ์มาใหม่ก็ไม่ได้พิมพ์กลับ คือตอนนี้รู้สึกว่าเราก็ต้องเซฟตัวเองบ้างแล้วละ เพราะมีข่าวมือที่สามอยู่ คือตรงนี้ก็อยากเคลียร์ว่าเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเค้าเลยที่เค้ามีปัญหากัน ตอนนี้หนูโสดมาก ไม่ได้ปากแข็ง(ยิ้ม) คือพี่โอ้เป็นคนน่ารักนะ แต่ใหม่ก็รักตัวเองไม่อยากโดนคนมาว่า เราเป็นข่าวบ่อยๆ มันดูไม่ดี กับพี่โอ้ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุย แต่เราไม่ได้คุยกันจริงๆ ช่วงทำงานด้วยกันก็ถามพี่ในกองถ่ายได้ว่าไม่มีอะไรกันเลย ส่วนอนาคตนั้นก็ไม่รู้ค่ะ กับกุ๊บกิ๊บก็ยังไม่ได้คุยกันเลยค่ะ คือแบบถ้ามันไม่ใช่ความจริงใหม่ก็ไม่อยากคุยอะไร''
     
    ผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับกรณีพิพาทกับ ''เอ'' ศุภชัย ศรีวิจิตร หลังจากที่นางเอกสาวออกจากสังกัดมาให้ ''พี่เกล้า'' เป็นผู้จัดการคนใหม่นั้น แต่ก็ยังมีข้อโต้เถียงกันอยู่เรื่อยมา จนมีข่าวว่า ''เอ-ศุภชัย'' ได้ให้ทนายยื่นโนติสพร้อมกับเตือนว่าถ้าใหม่ยังไม่หยุดพูดพาดพิงถึงก็จะดำเนินการฟ้องร้องนั้น  ส่วนตัวใหม่แล้วมีความเห็นอย่างไร ซึ่งใหม่เผยว่าตนเป็นเด็ก เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่
     
    ''คือด้วยความที่หนูเป็นเด็ก หนูตั้งใจทำงานอย่างเดี่ยว เรื่องพวกนี้หนูปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เรื่องของคุณแม่เรื่องของพี่เกล้า คุณแม่ก็เป็นห่วงหนูมาก เราก็ไม่รู้จะพูดอะไร เราก็อยากให้มันจบนะคะ รอเวลาให้มันพิสูจน์ตัวเรา''
     
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจริงๆ แล้วมันมีการยื่นโนติสไปจริงหรือเปล่า ใหม่เผยว่าจริง เมื่อถามว่าเรื่องนี้ทำให้ทุกข์ใจเลยใช่หรือไม่ ใหม่เริ่มอาการเหมือนจะร่ำไห้พร้อมกับพูดไม่ออกสักพัก จากนั้นก็เผยว่า ''เค้าก็เป็นผู้มีพระคุณของเรา เราก็จบกันดี เราก็ไม่รู้ว่าทำไมข่าวออกมาแบบนี้ กระทบจิตใจอย่างแรกมันตั้งแต่เกิดเรื่องแล้วค่ะ ว่าสิ่งที่เราเลือก เราไตร่ตรองมาดีแล้ว เราเอาใจเราเป็นที่ตั้งเป็นหลักแล้วเราก็เลือกสิ่งนั้น ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจหนู หนูรู้ว่ากำลังทำไร และหนูก็ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หนูไม่พาดพิงแน่นอน เค้าเป็นผู้ใหญ่หนูเป็นเด็ก'' ใหม่กล่าวในที่สุด
     
    จากนั้นในงานเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์พี่เกล้าผู้จัดการส่วนตัวและ นางรัตนากร โฉมยงค์ ซึ่งเป็นแม่ของ ''ใหม่-ดาวิกา'' ถึงกรณีที่ ''เฮเลน ปวรา'' เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยออกมาเผยว่าไม่เคยได้รับส่วนแบ่งรายได้ 5 เปอร์เซ็นต์จาก ''ใหม่-ดาวิกา'' นั้นเรื่องนี้เท็จจริงอย่างไร
     
    ซึ่งนางรัตนากรเผยว่า ''ไม่จริงค่ะ คือแม่ต้องการหาผู้จัดการส่วนตัว ก็เลยถามทางคุณโต้งซึ่งคุณโต้งก็ให้เบอร์เฮเลนมาเสร็จแล้วเค้าก็พาไปหาคุณเอก็ได้ผลประโชยน์ แล้วก็พาไปแคสงานโฆษณา แล้วเค้าก็ขอ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ปีแรกแม่ก็ให้ปีที่สองแม่ก็ให้ พอมาปีที่สามแม่มารู้ว่าสัญญามันไม่เป็นธรรม ซึ่งไปทำไว้ผิด''
     
    ขณะที่พี่เกล้ากล่าวเสริมว่า ''ในเรื่องของสัญญาค่าโฆษณา มีเรื่องห้าเปอร์เซ็นต์พี่เฮเลนเค้าก็ได้นะคะเพราะจำได้ว่าพี่เอให้ห้าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราก็ให้ไป พออยู่ไปพี่เฮเลนก็พูดเองว่าห้าเปอร์เซ็นไม่เอาแล้ว แล้วก็มีเรื่องของโฆษณาขึ้นมาคุณแม่ก็ให้น้องไปแคสปีแรกก็ตกลงด้วยดี พอปีที่สองมันเหมือนระยะเวลาของสัญญามันคือปีครึ่ง แต่ทางพี่ๆ เค้ามาบอกมันคือหนึ่งปี  แม่ก็เลยขออ่านสัญญาให้ชัดเจนอีกรอบ เค้าก็มาบอกว่าจะอ่านทำไม ทำไมเรื่องมากอย่างนี้ พอมาปีที่สามเค้าก็มาขอเงินก้อนสุดท้ายคือสี่แสน แต่ว่าแม่เค้าก็ให้ไม่ครบ แต่สาเหตุที่ให้ไม่ครบเป็นเพราะว่าสาเหตุโดนทางพี่เค้าเอาน้องไปว่าๆ เรื่องมาก แม่เค้าก็ไม่สบายใจที่จะให้เงิน ก็เลยให้ไปครึ่งหนึ่ง แต่เค้าก็โวยวายไม่ยอม พี่คนโตของเกล้าก็เลยแก้ปัญหาว่าเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายก็จะเอาเงินของตัวเองออกไปให้อีกครึ่งนึง แล้วก็ถ้าหากว่าเค้าไม่ได้เงินเค้าก็คงมาทวงผิดคน เค้าน่าจะไปทวงกับพี่คนนั้นมากกว่าเพราะเค้ามาบอกกับทางคุณแม่กับทางเกล้าเองว่าเค้าจะเอาเงินของตัวเค้าเองจัดการให้เพื่อยุติปัญหา ถ้าจะฟ้องร้องก็คงดูขั้นตอนตามกฏหมายต่อไป ต่อไปนี้จะไม่พูดอะไรแล้ว ว่ากันด้วยหลักฐานดีกว่า'' พี่เกล้ากล่าว