"เดอะ ลาติกส์" วีแกน สร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จหลังไล่ต้อนเก็บชัยเหนือ มิลล์วอลล์ ไปแบบสุดมันส์ 2-0 ไปยืนรอเป็นคู่ชิงชนะเลิศทีมแรกโดยจะรอพบผู้ชนะระหว่าง เชลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกฟุตบอล เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน 56

มิลล์วอลล์ (แชมเปี้ยนชิพ)  0   -   2 วีแกน (พรีเมียร์ลีก)

สนาม : เวมบลีย์

     เกมคู่แรกของรอบตัดเชือกเป็นการดวลกันของสองทีมจากต่างดิวิชั่นโดย มิลล์วอลล์ซึ่งเคยเข้าชิงถ้วยน็อคเอาท์หนล่าสุดเมื่อปี 2004 แต่แพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 3-0 ดร็อปร็อบ ฮัลส์ศูนย์หน้ารุ่นลายครามเป็นตัวสำรองให้แอนดี้ คีโอห์ลงบู๊เป็น 11 ตัวแรก

     พร้อมกันนี้ เจมส์ เฮนรี่กองกลางก็กลับมาลงบู๊ได้หลังเอ็นเข่าฉีกขาดจนถูกกะเก็งว่าจะร้างสนามไปตลอดทั้งซีซั่น

     ส่วนวีแกนซึ่งเข้ารอบตัดเชือกรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติ ศาสตร์ของทีม แต่ยังอยู่ในโซนตกชั้นของลีกสูงสุดหวนกลับมาใช้งานนายทวารอาลี อัล ฮับซี่หลังโดนดร็อปในเกมพ่ายลิเวอร์พูลยับเมื่อเดือนมี.ค.ขณะที่ในแผงรุก ประกอบไปด้วยอารูน่า โกเน่ , ฌอน มาโลนีย์ และคัลลั่ม แม็คมานามาน

     เริ่มดวลกันมาได้ 11 นาที มิลล์วอลล์ก็ได้ลุ้นก่อนจากโอกาสสับไกริมเขตโทษด้านซ้ายของเฮนรี่ แต่บอลพุ่งออกเสาไกลไป

     จากนั้นในนาทีที่ 14 เดอะ ลาติกส์ก็เกือบขึ้นนำก่อนเมื่อแม็คมานามานมีพื้นที่ตะบันบอลเต็มข้อจากหน้า เขตโทษ แต่เดวิด ฟอร์ดโชว์หนึบกระโจนปัดพ้นกรอบได้เยี่ยม

     ผ่านมาถึงนาทีที่ 21 ฌอน เซนต์ เลดเจอร์เข้ารวบใส่แม็คมานามานทำให้โดนจดชื่อเป็นคนแรก

     เกมส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การคอนโทรลของวีแกน และในที่สุดนาทีที่ 25 โกเร่ก็พลิกบอลหนีตัวประกบแถววงกลมกลางสนามได้แล้วกระชากขึ้นกราบขวาก่อน จ่ายทะลุช่องให้มาโลนีย์หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปซัดระยะ 12 หลาผ่านฟอร์ดเข้าประตูพาทีมจากพรีเมียร์ลีกนำหน้า 1-0

     พอมีสกอร์ วีแกนก็ยิ่งคึก และนาทีที่ 28 ก็บุกขึ้นมาจนได้ลูกเตะมุมด้านซ้ายแล้วพอล ชาร์เนอร์ได้กระโดดวอลเลย์ แต่โดนไม่ถนัดทำให้ฟอร์ดคว้าได้

     ถัดจากนั้นก็เป็นมิลล์วอลล์ที่เริ่มเดินหน้าโจมตีใส่คู่แข่งได้มาก ขึ้น แต่ยังทำอะไรไม่ถนัด และนาทีที่ 42 วีแกนก็เกือบหนีห่างจากจังหวะบุกขึ้นทางซ้ายของโกเน่แล้วป้ายบอลเข้ากลางให้ ฆอร์ดี้ โกเมซเติมมาเข่นจาก 20 หลา ทำเอาฟอร์ดต้องออกแรงกระโจนปัด  ครบ 45 นาทีแรกเดอะ ลาติกส์จึงนำอยู่ด้วยสกอร์ 1-0

     ต้นครึ่งหลังต่างก็ทำอะไรกันได้ลำบาก จึงแทบไม่มีโอกาสคลำเป้ากันเลย จวบจนนาทีที่ 60 วีแกนก็เปลี่ยนเจมส์ แม็คอาเธอร์ลงเล่นแทนฌอง โบเซฌูร์

     อย่างไรก็ดี ทำไปทำมาเกมของมิลล์วอลล์เริ่มเหนือกว่าแล้ว และบุกหนักหมายพังประตูตีเสมอให้ได้ก่อนจะส่งฮัลส์ลงไปแทนแจ็ค สมิธในนาทีที่ 67

     ถึงนาทีที่ 72 ทีมจากแชมเปี้ยนชิพเปลี่ยนตัวสำรองอีกรายให้เลียม ทร็อตเตอร์ลงไปแทนที่นัดยิม อับดู แต่เป็นวีแกนที่ได้เสียวในอีกสามนาทีให้หลังเมื่อโกเมซสอดเข้ารับลูกผ่านใน เขตโทษด้านซ้ายแล้วกดยัดใส่เสาแรก แต่บอลปะทะข้างตาข่าย

     อย่างไรก็ดี นาทีที่ 78 เดอะ ลาติกส์ก็สอยตาข่ายเพิ่มได้จากจังหวะโต้กลับโดยโกเมซไหลบอลจากแถวสองเข้าเขต โทษด้านซ้ายแล้วกองหลังมิลล์วอลล์ทำพลาดพยายามวิ่งสวนขึ้นมาหมายเช็คออฟไซด์ แต่เป็นการเปิดทางสะดวกให้แม็คมานานมานหลุดเดี่ยวไปแตะบอลหลบฟอร์ดแล้วซัด จากหกหลาไม่เหลือ ทำให้วีแกนนำ 2-0

     หลังเขี่ยบอลใหม่อีกหน ทีมจากลอนดอนยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ โหมบุกต่ออย่างบ้าคลั่ง แต่นาทีที่ 87 เกือบเสียหายเพิ่มเมื่อโกเน่ได้ลากบอลโต้ขึ้นทางขวาแล้วล็อคเข้าเขตโทษไปซัด แต่ฟอร์ดทิ้งตัวบล็อคได้

     ถึงนาทีนี้ กองเชียร์ของทั้งสองทีมเริ่มมีเรื่องกันบนอัฒจันทร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กระบองฟาดใส่เป็นการปรามก่อนที่มิลล์วอลล์ซึ่ง ขึ้นชื่อในด้านมีแฟนบอลอันธพาลจะส่งฌอน แบ็ตต์ลงไปเป็นไพ่ใบสุดท้ายแทนคีโอห์ในนาทีที่ 89

     ช่วงทดเวลาทั้งหมดสามนาที ทีมจากแชมเปี้ยนชิพไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้ แถมเชน โลวรีย์ยังมาโดนจดชื่อในจังหวะกระแทกใส่โกเมซไม่ให้วิ่งเข้าหาบอล จบเกมวีแกนจึงเข้าชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกด้วยการสยบมิลล์วอลล์ 2-0 โดยจะรอเจอกับทีมชนะระหว่างเชลซีกับแมนฯ ซิตี้ซึ่งจะฟาดแข้งกันในวันอาทิตย์ที่ 14 เม.ย.



รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

     มิลล์วอลล์ : เดวิด ฟอร์ด, อลัน ดันน์, แดนนี่ ชิตตู, มาร์ค บีเวอร์ส, เชน ลอว์รี่, แจ็ค สมิธ (ร็อบ ฮัลส์ น.67), นาฌิม อับดู (เลียม ทร็อตเตอร์ น.72), ฌอน เซนต์ เล็ดเจอร์, เจมส์ เฮนรี่, แอนดี้ คีโอห์ (ฌอน แบตต์ น.89), คริส เทย์เลอร์

     สำรองไม่ได้ใช้ : ไมค์ เทย์เลอร์, อดัม สมิธ, คาร์ไลห์ ออสบอร์น, นาธาน ไทสัน

     วีแกน : อาลี อัล ฮับซี่, ฌอง โบเซอฌูร์ (เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ น.60), อันโตลิน อัลการาซ, เอ็มเมอร์สัน บอยซ์, มายนอร์ ฟิเกรัว, คัลลั่ม แม็คมานามาน (อังเจโล่ เอ็นริเกซ น.89), เจมส์ แม็คคาร์ธี่, พอล ชาร์เนอร์, ฌอน มาโลนี่ย์, อารูน่า โกเน่, จอร์ดี้ โกเมซ

     สำรองไม่ได้ใช้ : โฆเอล โรเบลส, แกรี่ คัลด์เวลล์, รอนนี่ สตัม, โรเจอร์ เอสปิโนซ่า, ฟรังโก ดิ ซานโต้

     ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์