"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ต้องลุ้นให้ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เรียกความฟิตจากอาการบาดเจ็บทันลงช่วยทีมลุ้นยิงประตูพลิกแซงกลับมาเก็บชัย เกมรับการมาเยือนของ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ได้เปรียบอย่างมากจากเกมแรกเตรียมจัดทัพใหญ่โดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ตัวแสบจอมปิดสกอร์จะลงหวังยิงต่อเนื่องอีกครั้ง ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รองรองชนะเลิศ นัดสอง) คืนวันอังคารที่ 30 เม.ย. ศกนี้

ปรีวิว ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)  ฤดูกาล 2012-13

วันอังคารที่ 30 เมษายน 2556

เรอัล มาดริด (สเปน)   -   ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน)

เวลาแข่งขัน : 01.45 น.     ช่องทางรับชม : ช่อง9, ทรูสปอร์ต 1 

สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (มาดริด, สเปน)

        "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ออกไปเสียท่าให้กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาเละเทะถึง 1-4 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรกของศึกยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ ทำให้เป็นเรื่องยากลำบากมากๆ หากว่าจะพลิกกลับมาเข้าชิงชนะเลิศได้นั้น เกมนี้พวกเขาต้องชนะ 3-0 ถึงจะเข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือน หรือต้องเอาชนะให้ได้ด้วยช่องว่างห่างกัน 4 ประตู จึงจะทะลุเข้าชิงได้

        โชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์ของเรอัล มาดริด เพิ่งพาทีมบุกไปเชือด แอตฯ มาดริด คู่ปรับร่วมเมือง 2-1 คารังบิเซนเต้ กัลเดร่อน ทั้งๆวางชุดสำรองเกือบทั้งหมดลงสนาม เมื่อวันเสาร์ที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา และ จะกลับมาใช้ทีมชุดใหญ่ในเกมนี้แน่นอน

        เรอัล เล่นในบ้านได้แกร่งมากๆ ไม่แพ้ใครมา 40 เกมแล้ว โดยในเกมลา ลีกา พวกเขาไม่แพ้ใครในรังเลย (ชนะ 14 เสมอ 2 จาก 16 นัด) ส่วนถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ลงเล่นในถิ่นไป 5 นัด ไม่แพ้ใคร (ชนะ 3 เสมอ 2 นัด)

        ความพร้อมทั่วไป ทีมชุดขาวไม่มีใครติดโทษแบน แต่รายของ ไมเคิล เอสเซียง กับ เซร์คิโอ รามอส ต้องระวังซักเล็กน้อย ถ้าเกิดได้รับใบเหลืองขึ้นมา อดเล่นในนัดชิงชนะเลิศทันที ในกรณีที่ "ราชันชุดขาว" หลุดเข้าไปได้

        ข่าวดีคือได้ตัว อัลบาโร่ อาร์เบลัว แบ็คขวาตัวจริงพ้นโทษแบนในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เรียบร้อย ทว่ามีอาการบาดเจ็บรบกวนต้องรอเช็คความฟิต หากไม่ไหว ไมเคิล เอสเซียง จะยึดตำแหน่งตามเดิม

        ในรายของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ดังชาวโปรตุกีสที่มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขามาจากเกมนัดแรก และ ไม่ได้เล่นในลา ลีกานัดบุกไปพิชิตแอตเลติโก มาดริด 2-1 เมื่อวันเสาร์นั้น ต้องรอทดสอบความฟิต

        คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟนั้นให้ ราฟาแอล วาราน ลงยืนเคียงข้างกับ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีม ส่วนแบ็คซ้าย มาร์เซโล่ วิเอยร่า ยังเดี้ยง แต่ไม่กระทบเพราะปกติตัวจริงใช้ ฟาบิโอ โคเอนเตรา ลงประจำการมาตลอดในฤดูกาลนี้

        ขุมกำลังแดนกลางวาง ชาบี อลอนโซ่ ประสานงานกับ ซามี เคดิร่า แนวรุกเต็มสูบ อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วยกันสร้างสรรค์เกมรุก

        ส่วนหน้าเป้าใช้งาน กอนซาโล่ อิกวาอีน ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่เป็นแค่สำรองในเกมลีกนัดล่าสุดกลับคืนสู่ตำแหน่งตัวจริงอีกครั้ง แล้วดร็อป เบนเซม่า เป็นสำรองบ้าง 

        หันมาทาง "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ของเจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถเปิดบ้านกำชัยมาได้ก่อน 4-1 ในเกมยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้กุมความได้เปรียบมหาศาลก่อนลงทำศึกนัดสองที่รังของเรอัล มาดริด วันอังคารนี้

        เกมลีกบุนเดสลีกา ล่าสุดนั้น คล็อปป์ พักตัวหลักหลายราย แต่ยังบุกเชือด ดุสเซลดอร์ฟ 2-1 เกมนี้คาดว่าตัวเก่งๆจะกลับสู่ทีมทั้งหมด โดยไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเพิ่มเติม

        อย่างไรก็ตามรายของ เควิน โกรสส์ครอท์ซ กองกลางคงต้องเล่นอย่างระวังซักนิด เนื่องจากมีคาดโทษใบเหลืองอยู่ ถ้าโดนเพิ่มจะติดโทษแบนในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศทันที

        ตำแหน่งผู้รักษาประตูกลับมาใช้งาน โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ เฝ้าเสา หลังจากได้พักในเกมลีกนัดล่าสุด พร้อมกันนั้นจะเรียก ลูคัสซ์ พิสเซ็ค, เนเว่น ซูโบติช และ มาร์เซล ชเมลเซอร์ กลับมาเป็นตัวจริงร่วมกับ มัทส์ ฮุมเมิลส์ ปราการหลังคนเดียวที่ได้ลงเล่นในเกมลีกล่าสุด

        สำหรับแดนกลางไม่มี นูรี่ ซาฮิน ที่ติดสัญญายืมตัวจากเรอัล มาดริด
ทำให้จะใช้งาน สเวน เบนเดอร์ ตัดเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดแกน

        แนวรุกครบครัน ยาคุบ บลาสส์ซีคอฟสกี้, มาริโอ เกิทเซ่ และ มาร์โค รอยส์ ลงมาปั้นเกมสนับสนุน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกตัวเป้าคนเก่งที่ลั่นไกคนเดียว 4 ประตูในนัดแรกที่เจอกัน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        เรอัล มาดริด: ดีเอโก้ โลเปซ - อัลบาโร่ อาร์เบลัว (ไมเคิล เอสเซียง), เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), ราฟาแอล วาราน, ฟาบิโอ โคเอนเตรา - ซามี เคดิร่า, ชาบี อลอนโซ่ - อังเคล ดิ มาเรีย, เมซุต โอซิล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - กอนซาโล่ อิกวาอีน


        ดอร์ทมุนด์: โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ - ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค, เนเว่น ซูโบติช, มัทส์ ฮุมเมิลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - อิลคาย กุนโดกาน, สเวน เบนเดอร์ - ยาคุบ บลาสส์ซีคอฟสกี้, มาริโอ เกิตเซ่, มาร์โค รอยส์ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

        ผู้ตัดสิน: ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)

ข้อมูลเพิ่มเติมคู่ระหว่าง เรอัล มาดริด - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
- เรอัล มาดริด กำลังอยู่ในเส้นทางสู่การเข้ารอบชิงดำ ศึกแชมเปี้ยนส ลีก สมัยที่ 13 ส่วน ดอร์ทมุนด์ เพิ่งจะเคยสัมผัสนัดชิงชนะเลิศเพียงแค่ครั้งเดียว
- ดอร์ทมุนด์ เขี่ยทีมจาก สเปน ตกรอบมาแล้ว คือ มาลาก้า ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยผลประตูรวม 2 นัด 3-2
- เสือเหลือง เคยเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำต่อ ราชันชุดขาว ในรอบนี้ เมื่อฤดูกาล 1997-98 ก่อนที่ มาดริด จะทะลุเข้าไปคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
- ดอร์ทมุนด์ ยังไม่เคยแพ้ใครในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ในฐานะทีมเยือน ด้วยสถิติชนะ 1 เสมอ 4 ส่วน มาดริด ก็ไม่เคยแพ้ในรังเช่นกัน ด้วยผลงานชนะ 3 เสมอ 2
- โชเซ่ มูรินโญ่ พกสถิติแพ้เพียงหนเดียวจาก 17 เกมในแชมเปี้ยนส์ ลีก ตลอด 3 ปีกับ มาดริด
- สถิติการเล่นแบบ 2 นัดของ มาดริด ในการเจอกับทีมจาก เยอรมนี อยู่ที่ชนะ 11 แพ้ 7 ส่วนสถิติของ เสือเหลือง ในการเจอกับสโมสรแดนกระทิง อยู่ที่ ชนะ 4 แพ้ 2
- ดอร์ทมุนด์ เคยตกรอบในฟุตบอลยุโรปหลังตุนความได้เปรียบ 3 ประตูมาแล้ว เมื่อครั้งที่แพ้ คลับ บรูช 0-5 ในศึกยูฟ่า คัพ รอบ 3 เมื่อปี 1987/88
- มาดริด พลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบต่อไปหลังปราชัยในนัดแรกถึง 22 ครั้ง แต่ก็ล้มเหลวถึง 14 ครั้ง และเคยเอาตัวรอดทั้งที่เสียเปรียบด้วยสกอร์ไม่ต่ำกว่า 3 ลูกได้ 3 ครั้ง
- มีการยิงประตูมากกว่า 2.5 ประตูใน 14 จาก 16 เกมหลังของ มาดริด ในแชมเปี้ยนส์ ลีก (รวมรอบคัดเลือกด้วย)
- ดอร์ทมุนด์ ไร้พ่ายใน 11 นัดหลังใน ชปล. (รวมรอบคัดเลือกด้วย)
- 4 เกมหลังสุดระหว่าง มาดริด กับ ดอร์ทมุนด์ ในทุกรายการมีประตูไม่ต่ำกว่า 2.5 ประตู
- เสือเหลือง ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูใน 3 เกมหลังกับ ราชันชุดขาว ในทุกรายการ
- มีเพียงทีมที่สามารถพลิกสถานการณ์จากการแพ้ 4-1 ในนัดแรกในแชมเปี้ยนส์ ลีก คือ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า ในเกมที่ถล่ม เอซี มิลาน 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2 เมื่อฤดูกาล 2003-04