ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » ย้อนรอยสุดยอดสโมสรไทยในเวทีเอเชีย

ย้อนรอยสุดยอดสโมสรไทยในเวทีเอเชีย

Posted 23/05/2013 by goal.com

 

หลังจากฟอร์มยอดเยี่ยมของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โกล ประเทศไทย ขอย้อนรอยให้ชาวไทยไม่ลืมว่า ยังมีอีกหลายสโมสรของไทยที่เคยทำผลงานได้สวยในระดับเอเชียมาแล้ว

รู้หรือไม่

ในปี 2008 นันทวัฒน์ แทนโสภา นักเตะของกรุงไทย ได้รางวัลดาวซัลโวของทัวนาเมนต์ แต่ทีมกลับจอดเพียงแค่รอบแรกเท่านั้น

ถ้าคุณไม่เก่าพอ (ผมไม่ได้บอกว่าแก่นะ) และไม่ได้ติดตามวงการฟุตบอลเอเชียมากพอ คุณคงไม่เคยทราบว่า เคยมีทีมจากไทยได้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดครองแชมป์ทวีปมาแล้ว...ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่พวกเขาได้แชมป์รายการนี้ถึงสองสมัย!!

หลังจากนั้น ทีมจากไทยก็มีโอกาสไปโฉบเฉี่ยวดูงานบนเวทีระดับทวีปนี้อยู่เนืองๆ จนกระทั่งมาถึงปีนี้ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพิ่งผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

ในฐานะคนไทย เราต่างร่วมลุ้นอนาคตไปกับพวกเขา และในฐานะเดียวกัน เราขอพาท่านไปดูอดีตบนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ของทีมจากแดนสยาม

ย้อนรอยสโมสรไทยในเอเชีย : ม้านอกสายตาจอมเซอร์ไพรส์ (FACT FILE)

1996-1997 สโมสรธนาคารกรุงเทพฯ
1998-1999 สโมสรสินธนา
2000-2001 สโมสรทหารอากาศ
2002-2003 สโมสรบีอีซี เทโรฯ, สโมสรโอสถสภาฯ
2004 สโมสรบีอีซี เทโรฯเทโร, สโมสรธนาคารกรุงไทย
2005 สโมสรบีอีซี เทโรฯเทโร, สโมสรธนาคารกรุงไทย
2006 สโมสรพนักงานยาสูบ, สโมสรการไฟฟ้าฯ (ตกเพราะการส่งเอกสารไม่ทันกำหนด)
2007 สโมสรมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
2008 สโมสรชลบุรี เอฟซี, สโมสรธนาคารกรุงไทย

รีแบรนด์ เปลี่ยนเข้าสู่ยุคอาชีพ - ใช้เกณฑ์ในการคัดแต่ทีมจากลีกอาชีพเท่านั้น

2009 - ไม่ผ่านเกณฑ์ ตกเพลย์ออฟ (สโมสรการไฟฟ้าฯไฟฟ้า)
2010 - ไม่ผ่านเกณฑ์ ตกเพลย์ออฟ (สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด)
2011 - ไม่ผ่านเกณฑ์ ตกเพลย์ออฟ (สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด)
2012 - สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ตกรอบแบ่งกลุ่ม), สโมสรชลบุรี เอฟซี (ตกเพลย์ออฟ)
2013 - สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (8 ทีมสุดท้าย // รอแข่งขัน) สโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด (ตกรอบแบ่งกลุ่ม)

1. ธนาคารกสิกรไทย

สำหรับฟุตบอลเอเอฟ ซี แชมเปี้ยนส์ลีก หรือฟุตบอลเอเชียน คลับ แชมเปียนชิพ ในอดีตนั้น มีสโมสรฟุตบอลจากไทยเพียงสโมสรเดียวที่เคยคว้าแชมป์ได้สำเร็จนั่นก็คือ ทีม สโมสรธนาคารกสิกรไทย

สโมสรธนาคารกสิกรไทย เคยสร้างประวัติศาสตร์คว้า แชมป์ฟุตบอล เอเชียน คลับ แชมเปียนชิพ ซึ่งเทียบเท่ากับรายการเอเอฟซีแชมป์เปียนส์ลีกถึง 2 สมัย เริ่มจากในฤดูกาล 1993-1994 ที่เอาชนะทีมโอมานคลับ จากประเทศโอมานในนัดชิงชนะเลิศ 2-1

ก่อนฤดูกาลถัดมาจะทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง โดยพบกับทีมอัล อาราบี จากประเทศการ์ต้า ก่อนจะป้องกันแชมป์ได้อีกสมัยด้วยสกอร์ 1-0 ถือเป็นทีมแรกและทีมเดียวของไทยจนถึงปัจจุบันที่สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ซึ่งตำแหน่งแชมป์เอชี่ยนคัพของ ธนาคารกสิกรไทย ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของทีมระดับสโมสรทวีปเอเชีย แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสโมสรธนาคารกสิกรไทยยุบเมื่อปี พ.ศ.2543

อดีตผู้เล่นที่โดดเด่นของทีมแบงก์รวงข้าว เช่น เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์, สุรชัย จตุรภัทรพงศ์,สะสม พบประเสริฐ และวรวุฒ ศรีมะฆะ โดยมี "โค้ชหรั่ง"ชาญวิทย์ ผลชีวิน คุมทีมในสมัยนั้น

2. บีอีซี เทโรศาสน

ก่อตั้งสโมสรได้เพียง 4 ปี "เจ้าบุญทุ่ม" บีอีซี เทโรฯ ก็ได้สิทธิไปเล่นฟุตบอลเอเชียในปี 2539 หลังจากสามารถจบอันดับที่ 5 ของลีก รับสิทธิเป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปเล่น เอเอฟซีแชมเปียนส์คัพ และนักเตะของสโมสรอย่าง วรวุฒิ ศรีมะฆะ ยังเป็นดาวซัลโวของลีกอีกด้วยการยิงไป 17 ประตู

ปี พ.ศ. 2546 สโมสรสามารถสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทยในการแข่งขันฟุตบอลสโมสรเอเชียหรือเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก หลังจากการเปลี่ยนคุณสมบัติของรายการด้วยการเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศกับสโมสร อัล ไอน์ ตัวแทนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งแข่งแบบเหย้า-เยือน

โดยนัดแรกสโมสรบุกไปเยือนแล้วแพ้ 2-0 แต่นัดสองได้เล่นเป็นทีมเหย้าโดยแข่งที่ ราชมังคลากีฬาสถาน สโมสรเอาชนะไปได้ 1-0 จากการยิงลูกโทษของ เทิดศักดิ์ ใจมั่น แต่ก็แพ้ไปด้วยสกอร์รวม 2-1 ทำให้ได้แค่รองแชมป์เท่านั้น

แต่ครั้งนี้ก็ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งที่ใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลไทยในการไปแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชียในยุคใหม่

ซึ่งในขณะนั้นมีนักเตะที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศมากมายเช่น วรวุฒิ ศรีมะฆะ, ขวัญชัย เฟื่องประกอบ, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, ปณัย คงประพันธ์, จตุพงษ์ ทองสุข ซึ่งมีผู้ฝีกสอนชาวไทยชื่อดังอย่าง อรรถพล บุษปาคม เป็นผู้ฝึกสอนอยู่ขณะนั้น

3. การท่าเรือไทย เอฟซี (ปัจจุบัน - สิงห์ท่าเรือ)

"สิงห์เจ้าท่า" ยุคของ “ลุงหนวด” พิเชฐ มั่นคง นั่งเก้าอี้ประธาน และ สะสม พบประเสริฐ เป็นกุนซือฯ ได้สิทธิร่วมลุยเอเชียครั้งแรกคือการแข่งขันรายการ เอเอฟซี คัพ ในฐานะตัวแทนจากประเทศไทย หลังได้สิทธิ์จากการคว้าแชมป์ฟุตบอลมูลนิธิ ไทยคม เอฟเอคัพ 2009

โดยภายหลังจากจับฉลากแบ่งสาย การท่าเรือไทย เอฟซี ได้อยู่ในสาย H แข่งขันกับ ดานัง(เวียดนาม) ทโป(ฮ่องกง) และ เกย์ลัง(สิงคโปร์)

ด้วยเม็ดเงินที่น้อยนิด การท่าเรือฯ ต้องใช้สนามศุภชลาศัย เป็นสนามเหย้าแทนเนื่องจาก สนาม แพท สเตเดี้ยม(คลองเตย) ไม่ผ่านการตรวจมาตรฐานของ เอเอฟซี แต่ทัพ “สิงห์เจ้าท่า" ก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้เป็นหนแรกและหนเดียวของสโมสร

ก่อนจะไปพบ ศรีวิจายา (อินโดนีเซีย) และจัดการทุบทีมดังจากอิเหนาแบบอยู่หมัด พร้อมเดินหน้าสู่รอบก่อนรองฯกับทีม อัล กาดซิยะ (คูเวต)

ทว่า “สิงห์เจ้าท่า” ทนแรงเสียดทานความแกร่งของยอดทีม คูเวต ไม่ได้ สิ้นสุดเส้นทาง เอเอฟซี คัพ ได้ไกลสุดเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น แต่ก็นับเป็นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของวงการฟุตบอลไทย ที่ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือไทย เอฟซี ทำให้รู้ว่างบน้อยไม่ใช่ข้ออ้างในการสร้างความสำเร็จ

4. ชลบุรี เอฟซี

ทีมชลบุรีได้สิทธิร่วมลุยเอเชียครั้งแรก คือการแข่งขันรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ในฐานะผู้ชนะเลิศไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2550 โดยภายหลังจากจับฉลากแบ่งสาย ชลบุรีได้อยู่ในสาย G แข่งขันกับ เมลเบิร์น วิกตอรี (ออสเตรเลีย) กัมบะ โอซะกะ (ญี่ปุ่น) และ ชุนนัม ดรากอนส์ (เกาหลีใต้)

ชลบุรีต้องใช้สนามศุภชลาศัยเป็นสนามเหย้า แทนสนามเทศบาลเมืองชลบุรี ซึ่งไม่ผ่านการตรวจมาตรฐานของ เอเอฟซี แต่ทัพ "ฉลามชล" ก็สามารถโชว์ฟอร์มใน 2 นัดแรกได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อนัดแรกสามารถบุกไปเสมอกัมบะ โอซะกะได้ถึงถิ่น แบบชนิดที่เรียกว่าโดนเจ้าถิ่นตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอย่างน่าเสียดาย และในนัดที่สอง สามารถเปิดบ้านไล่ถล่ม เมลเบิร์น วิคตอรี่ ยอดทีมจากออสเตรเลีย ไปได้แบบขาดลอย 3 ประตูต่อ 1

ทว่า ใน 4 นัดที่เหลือ ชลบุรีสามารถเก็บเพิ่มได้อีกแค่แต้มเดียว จึงได้อันดับบ๊วยของกลุ่ม ชวดเข้าไปเล่นในรอบต่อไปในที่สุด อย่างไรก็ดี ถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจสำหรับชลบุรี สำหรับในการแข่งขันระดับทวีปครั้งแรก

ในขณะที่ผลงานในถ้วยเล็กอย่างเอเอฟซี คัพ ทัพ "บลูชาร์ค" ก็ได้สิทธิมาต่อเนื่องแต่ผลงานที่โดดเด่นที่สุดคือในฤดูกาล 2012 ที่บุกเข้าไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะพ่ายให้กับอาร์บิล เอสซีจากอิรักทั้งไปและกลับ สิ้นสุดเส้นทางได้ไกลที่สุดเพียงรอบรองชนะเลิศเท่านั้น

5. เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ภายหลังการสร้างปรากฏการณ์ในเมืองไทยกับสถิติ 3 ปี 3 แชมป์ 3 ดิวิชั่น เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ถูกยกย่องว่าเป็นต้นแบบของฟุตบอลอาชีพสมัยใหม่ของไทย ได้เริ่มเดินหน้าก้าวเข้าสู่การเป็นตัวแทนประเทศในเวทีระดับเอเชียเป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2010

เมืองทอง ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของ เรเน่ เดอร์ซาเยียร์ ที่ถูกดึงเข้ามาแทน อรรถพล ปุษปาคม หลังพาทีมคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกสมัยแรกในปี 2009 เริ่มต้นในรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์ลีกสูงสุดของไทย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษให้กับสิงคโปร์ อาร์มฟอร์ซ พลาดการเข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มแบบน่าเสียดาย

กระนั้นเส้นทางของพลพรรค "กิเลนผยอง" ยังไม่หยุดเมื่อพวกเขาได้สิทธิลงเล่นในถ้วยเล็กอย่าง เอเอฟซี คัพ และก็สามารถสร้างความตกตะลึงในฐานะน้องใหม่ของฟุตบอลระดับเอเชียด้วยการทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศ

เมืองทอง ในเวลานั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต่อสู้แต่ละเกมด้วยหัวใจที่เกินร้อยโดยเฉพาะในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษกับ อัล รายยาน ยอดทีมจากการ์ตา บนสังเวียนที่กรุงโดฮา ซึ่งกิเลนผยองก็สามารถลบฝันร้ายในการพ่ายแพ้ สิงคโปร์ อาร์มฟอร์ม มาก่อนหน้านี้ลงได้หลังหลุดไปถึง 8 ทีมสุดท้าย

การเข้าไปเผชิญกับ อัล คารามาห์ รองแชมป์เก่ารายการนี้จากซีเรีย ทำให้หลายคนมองว่าถึงเวลาที่ตัวแทนจากไทยจะหยุดเส้นทางลงเสียทีแต่ก็ไม่ใช่แบบนั้นแม้ เมืองทอง จะบุกไปแพ้ที่เมืองโฮมส์ 0-1 แต่ก็กลับมาสร้างปาฏิหาริย์บน ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม พลิกชนะ 2-0 ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ แม้สุดท้ายจะไปจอดป้ายให้กับ อัล อิตติฮัต แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม

เมืองทอง ในยุคนั้นนอกจากกุนซืออารมณ์ร้อนอย่าง เรเน่ เดอร์ซาเยียร์ ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของทีมแล้วยังมีทีมที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดทั้ง ซูมาโฮโร่ ยาย่า ซุปเปอร์สตาร์ชาวไอวอรี่โค้สต์ซึ่งถูกปล่อยให้กับ เค.เอ.เอ. เกนท์ ในเบลเยียมในเวลาต่อมา ดาโน่ เซียก้า ,ธีรศิลป์ แดงดา ,ดัสกร ทองเหลา ,ญัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ ,กวิน ธรรมสัจจานันท์ ต่างอยู่ในฟอร์มที่สุดยอด และ จักรพันธ์ แก้วพรม นักเตะคนสำคัญของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเวลานี้

ปีถัดมา 2011 เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้กลับไปเล่นในเอเอฟซี คัพ อีกครั้งจากการตกรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะแชมป์ลีกสูงสุดของไทยเป็นสมัยที่ 2 และก็ยังคงสร้างผลงานที่ดีกับการเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลงานของเมืองทองจาก 2 ฤดูกาลนี้คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยได้สิทธิ์กลับไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แบบอัตโนมัติอีกครั้ง

ฤดูกาล 2013 นี้ความฝันของสาวกอุลตร้าเมืองทองเป็นจริงเมื่อพวกเขาได้ลงเล่นบนเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มครั้งแรกในฐานะแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกสมัยที่ 3 (แบบไร้พ่าย) แต่ก็ต้องเผชิญกับกำแพงอันแข็งแกร่งอย่าง กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ,ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส และ อุราวะ เร้ด ไดมอนด์ส จนทำให้ต้องตกรอบไปด้วยการมีเพียงคะแนนเดียว แต่เชื่อว่าขึ้นชื่อระดับ เมืองทอง ยูไนเต็ด แล้วคงไม่ยอมปล่อยให้ประสบการณ์อันนี้เสียไปอย่างสูญเปล่าแน่นอน

6. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เดิมชื่อ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ พีอีเอ เป็นสโมสรที่เปลี่ยนแปลงมาจากสโมสรฟุตบอลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2513

หากตัดห้วงเวลาของสโมสรการไฟฟ้าฯ ออกไป บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เริ่มตะลุยฟุตบอลสายเอเชียครั้งแรกในถ้วยใหญ่อย่าง ACL เลยในปี 2555 ด้วยโควตาแชมป์ในประเทศฤดูกาล 2554 ของบุรีรัมย์-พีอีเอ

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ได้แบบสุดเซอร์ไพรส เมื่อเก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดในการเปิดบ้านเชือด คาชิว่า เรย์โซล 3-2 อละบุกไปโค่น กว่างโจว เอเวอร์แกรน ถึง แผ่นดินใหญ่ ทว่าจากนั้น 4 นัดกลับเก็บไม่ได้แม้แต่คะแนนเดัยว

จากนั้นในปีถัดมา พวกเขากลับมาอีกครั้งหลังคว้าแชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอคัพ จูงมือกับเอสซีจี เมืองทองฯ ที่ได้แชมป์ไทยลีก แต่กลับตกรอบแบ่งกลุ่มไปอย่างน่าเสียดาย

"ปราสาทสายฟ้า" โชว์ความแข็งแกร่งด้วยประสบการณ์ในเกมเอเชียที่มีมากขึ้น พวกเขาสามารถคว่ำบริสเบน โรว์ ยอดทีมจากออสเตรเลียได้ในรอบเพลย์-ออฟ ก่อนรับสิทธิเข้ามาเล่นได้อย่างเต็มตัวในกลุ่ม E ร่วมกับเอฟซี โซล, เจียงสู เซินตี้ และเวกัลตะ เซนได ก่อนจะทำได้ดีทั้งเกมเหย้าและเยือนกับ ก่อนคว้าอันดับ 2 ด้วยผลงานยอดเยี่ยม ชนะ 1 แพ้ 1 เสมอ 4 มีประตูได้เสียดีกว่าอันดับ 3 อย่างเจียงสู เซินตี้ คว้าตั๋วเข้ารอบไปแบบดีใจสุดเหวี่ยง

หลังจากเป็นที่สองของกลุ่มอย่างเหนือความคาดหมาย เกมแห่งศรัทธายังดำเนินต่อไป และใครจะเชื่อว่าสโมสรจากไทยทีมนี้ เปิดบ้านสอยบุนยอดกอร์จากอุซเบกิสถานได้สำเร็จ 2-1 ก่อนบุกไปยันเสมอขาโหดแห่งเอเชียกลางถึงถิ่นบุนยอดกอร์ สเตเดี้ยม 0-0 คว้าตั๋วรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จเป็นทีมแรกในทัวร์นาเมนต์ ACL ยุคใหม่ (2002/03 - ปัจจุบัน)

เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ปราสาทสายฟ้า สโมสรไทยหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ จะไปได้ไกลถึงไหน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »