ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » "ย็อคก้า" ในความทรงจำ: ตำนานไร้พ่ายแห่ง 'กิเลนผยอง'

"ย็อคก้า" ในความทรงจำ: ตำนานไร้พ่ายแห่ง 'กิเลนผยอง'

Posted 06/06/2013 by goal.com

 

โค้ชผู้สานต่องานจาก 'เดอะ ก็อด' ตัวแทนความหวัง และศรัทธา ชายผู้รังสรรค์ตำนานไร้พ่าย และความยิ่งใหญ่ให้กับกิเลนผยอง - "สลาวิซา โยคาโนวิช"

เชื่อว่าแฟนบอลกิเลนผยองไม่น้อยที่ยังคงอาลัยกับการปลด สลาวิซ่า โยคาโนวิช ผู้ที่สร้างตำนานไร้พ่ายให้กับทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ววันนี้ โกล ไทยแลนด์ รวบรวมทุกเหตุการณ์สำคัญของเขากับสโมสรแรกบนผืนแผ่นดินไทยตั้งแต่สูงสุดลง สู่จุดแยกทางมาให้ได้ชมกัน

1. "ย็อคก้า" กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

 

สลาวิซ่า โยคาโนวิช

ระยะเวลาการทำงาน :m 27 ก.พ. 2012 - 4 มิ.ย. 2013 รวม 463 วัน

ผลงาน : รวมทุกรายการ(อย่างเป็นทางการ) ชนะ 42 เสมอ 12 แพ้ 10

รางวัล : แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2012 (ครั้งที่ 3 ของสโมสร)

ผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาล 2012 จาก ฟุตบอลสยามโกลเด้นบอล ,บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด และ สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา

2. รู้หรือไม่เกี่ยวกับ สลาวิซ่า โยคาโนวิช ?

 

- เขาคือกุนซือคนที่ 8 ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในรอบ 6 ปี และเป็นคนที่อยู่คุมทีมเป็นเวลานานที่สุดคือ 463 วัน หรือ 15 เดือน 4 วัน

- สลาวิซ่า โยคาโนวิช ยังไม่เคยพลาดแชมป์ลีกติดมือเลยแม้แต่ปีเดียวในอาชีพการคุมทีมของเขา นับตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพกับ ปาร์ติซาน เบลเกรด ทีมในบ้านเกิดเมื่อปี 2008 โดยพาทีมคว้าแชมป์เซอร์เบียน ซุปเปอร์ลีก ได้ทันที เช่นเดียวกับ ฤดูกาลถัดมาที่รักษาแชมป์ไว้ได้ก่อนจะประกาศแยกทางกับสโมสรในเดือน ก.ย. ปี 2009 และมารับงานกับ เอสซีจี เมืองทองฯ ในประเทศไทยปี 2012 ก่อนพาทีมคว้าแชมป์ลีก ตามด้วยโดนปลดในปีถัดมา

- สลาวิซ่า โยคาโนวิช คว้ารางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปี 2012 ในประเทศไทยถึง 3 รางวัล ในขณะที่เขาเคยปฏิเสธรางวัลเดียวกันนี้ในสมัยคุมทีมปาร์ติซาน เบลเกรด

3. จุดเริ่มต้น - เปิดตัวสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

 

27 ก.พ. 2012 – วันแรกกับการรับงานใหม่ของ สลาวิซ่า โยคาโนวิช บนทวีปเอเชีย เขาตกลงรับข้อเสนอของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีเป้าหมายคือกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ให้ได้ในเวลานั้น แต่สิ่งที่น่าจะทำให้เขาได้รับแรงกดดันมากขึ้นคือการเข้ามาสานงานต่อจากอดีตตำนานลิเวอร์พูลอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ล้มเหลวในการเริ่มต้นอาชีพโค้ชช่วงสั้นๆ โดย"ย็อคก้า" พกพาความสำเร็จในอดีตกับ ปาร์ติซาน เบลเกรด 2 ปี 4 แชมป์มารับค่าเหนื่อยสูงสุดเป็นสถิติของไทยพรีเมียร์ลีกกว่า 1 ล้านบาท พร้อมกับเปิดตัวอย่างอลังการตามแบบฉบับของ "กิเลนผยอง

3 มี.ค.2012 – อดีตขุนพลเชลซีเริ่มต้นงานแรกในแดนสยามด้วยการพาทีมบุกไปเยือน "เมืองย่าโม" ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องนัดพิเศษเนื่องในโอกาสเปิดตัวสโมสรนครราชสีมา เอฟซี ที่ถือเป็นคู่แข่งแรกของเขา โดยผลจบลงด้วยการเสมอ 0-0 แต่ที่น่าเซอร์ไพรส์คือวันสุดท้ายของเขากับเมืองทองเป็นวันที่กำลังจะพาทีมบุกเยือนโคราชอีกครั้งในโตโยต้า ลีกคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันที่ 5 มิ.ย. 2013 ทว่ากลับโดนปลดออกจากตำแหน่งเสียก่อน

17 มี.ค. 2012 – “ย็อคก้า" ประเดิมการคุมทัพในไทยพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการในเกมเปิดบ้านพบกับ บีอีซี เทโรศาสน อดีตมหาอำนาจลูกหนังเมื่อ 1 ทศวรรษก่อน และสามารถเริ่มต้นด้วยการเก็บ 3 คะแนน แม้จะต้องลุ้นหนักกว่าจะมาได้ประตูชัยจาก ดาโน่ เซียก้า ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเอาชนะไป 2-1 แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีก่อนนำความสำเร็จมาสู่เอสซีจี สเตเดี้ยม ในปลายฤดูกาล

4. จุดสูงสุด : ประวัติศาสตร์"ไร้พ่าย"และยอดโค้ชแห่งปี

 

14 ต.ค.2012 – เกมเปิดบ้านเฉือนชัยนาท เอฟซี 1-0 จากประตูชัยของ ธีรศิลป์ แดงดา เป็น 3 แต้มสำคัญที่สาวกกิเลนผยองรอคอยเพราะนั่นหมายถึงการกลับคืนสู่บัลลังค์แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ก่อนฤดูกาลจะจบลงถึง 4 นัดและเป็นการคว้าแชมป์ 3 สมัยได้เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ ไม่เพียงเท่านั้นความสำเร็จนี้ยังทำให้กุนซือผู้ที่เคยทำแฮททริกใส่บาร์เซโลน่าได้สมัยเป็นนักเตะสามารถสร้างชื่อได้ว่าเขาไม่เคยพลาดถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดในมือกับอาชีพผู้ฝึกสอน แม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่เริ่มคุมทีม ปาร์ติซาน เบลเกรด เมื่อปี 2008

22 ต.ค. 2012 -แม้จะคว้าแชมป์ตั้งแต่ก่อนปิดฤดูกาลแต่ "ย็อคก้า" ก็ยังนำขุนพลกิเลนผยองสร้างประวัติศาสตร์ต่อเนื่องและพวกเขาก็ทำสำเร็จในเกมที่บุกไปเสมอ บีอีซี เทโรศาสน 2-2 นัดส่งท้ายของปี 2012 ซึ่งเป็นการทำพิธีรับถ้วยแชมป์อย่างสง่างามที่สุดเมื่อสามารถทำสถิติการคว้าแชมป์แบบ "ไร้พ่าย" จนกลายเป็นตำนานบทใหม่ของสโมสรกับเทรนเนอร์ชาวเซอร์เบียรายนี้ และยากที่จะหาคนมาทำลายลงได้ นอกจากนี้ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมทำให้เขากวาดรางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปีคนเดียวถึง 3 รางวัล จากบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ,ฟุตบอลสยามโกลเด้นบอล และ สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย

5. ขาลง : พลาดถ้วยก.ก่อนสอบตกในเอเชีย

 

23 ก.พ.2013 - หลังจากกราฟชีวิตการทำงานในเมืองไทยของ สลาวิซ่า พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดเมื่อปี 2012 เขากลับเริ่มต้นได้อย่างไม่สวยหรูนักก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ เมื่อพาทีมพ่ายให้กับคู่ปรับสำคัญอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึง 0-2 ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ครั้งที่ 78 และส่งให้ทัพ เซราะกราวคว้า ถ้วยรายการนี้ไปครองเป็นครั้งแรก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีในฤดูกาลนี้ของเขาเสียแล้ว

9 เม.ย. 2013 - สลาวิซ่า โยคาโนวิช นำขุนพลกิเลนผยองลงเล่นในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกของสโมสรปีนี้ในฐานะแชมปไร้พ่ายจากประเทศไทย โดยเริ่มต้นได้อย่างไม่ขี้เหร่เมื่อยันเสมอ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ในบ้าน 2-2 แต่หลังจากนั้นดูเหมือนกำแพงเอเชียจะใหญ่เกินกว่าที่เขาจะนำทีมต้านทานได้ เมื่อบุกไปแพ้ อุราวะ เร้ด ไดมอนด์ส 1-4 พ่าย กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 0-4 จากนั้น กลับมาเล่นในบ้านพวกเขาก็เสียสถิติไม่แพ้ใครบนเอสซีจี สเตเดี้ยม ตลอดการเล่นบนฟุตบอลถ้วยเอเชียที่รักษามาตั้งแต่ปี 2010 ลงเมื่อถูกกว่างโจว บุกมาย้ำแค้นขาดลอย 1-4 ในวันที่ 9 เม.ย.

6. จุดจบ : สิ้นสถิติ ไร้ชัยในเอเชีย ร่วงจ่าฝูงไทยลีก

 

17 เม.ย. 2013 - สถิติที่เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ สลาวิซ่า โยคาโนวิช ค่อยๆสั่งสมมาเริ่มหายไปเรื่อยๆ หลังถูกกว่างโจวบุกมายำใหญ่คาบ้านเพียงสัปดาห์เดียวพวกเขาก็ต้องถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คู่รักคู่แค้นหยุดตำนานไร้พ่ายในลีกลงที่ 39 นัดเท่านั้น เมื่อเปิดบ้านแพ้ไปเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันด้วยสกอร์ 1-2 และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เก้าอี้ของเทรนเนอร์ชาวเซอร์เบียเริ่มสั่นคลอน

24 เม.ย. 2013 - เดือนเมษายนดูเหมือนจะเป็นวิบากกรรมครั้งสำคัญของ "ย็อคก้า" เลยก็ว่าได้เมื่อเกมนัดชี้ชะตาบนฟุตบอลถ้วยใหญ่เอเชียของเขา ณ เมืองจอนจู ประเทศเกาหลีใต้ จบลงด้วยการพ่ายแพ้ต่อ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส 0-2 ทำให้เอสซีจี เมืองทอง ฯ ต้องกระเด็นตกรอบอย่างเป็นทางการแม้จะเหลือโปรแกรมแข่งขันอีก 1 นัดที่เหลืออยู่กับ อุราวะ เร้ด ไดมอนด์ส

2 มิ.ย. 2013 การตกรอบฟุตบอลถ้วยของเอเชียทำให้ เมืองทอง ต้องกลับมาเอาจริงเอาจังกับฟุตบอลลีกในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังคงเดินหน้าบนเส้นทางเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย อย่างไรก็ตามเกมที่ "สลาวิซ่า" ทำทีมได้แค่เสมอกับ โอสถสภา สระบุรี 1-1 ในบ้านของตัวเองทำให้พวกเขาต้องเสียตำแหน่งจ่าฝูงไปให้กับทัพ เซราะกราว เป็นครั้งแรกในปีนี้ และนั่นคือจุดจบของ "ย็อคก้า" ในการคุมทีมเพราะหลังจากนั้น 2 วันสโมสรแถลงการณ์ปลดเขาออกจากตำแหน่งก่อนประกาศแต่งตั้ง วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยของทีมเข้ามาทำแทนทันที

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »