สืบเนื่องจาก อรรณพ สิงโตทอง ผู้บริหารของสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้ส่งจดหมายถึงสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีใจความว่ายังข้องใจเรื่องการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมแห่งประเทศไทย ที่จำนวนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ไม่ได้หารือหรือมาจากมติที่ประชุมใหญ่ อย่างไรก็ตามฟีฟ่าได้ตอบจดหมายกลับมาว่าสมาชิกต้องทำตามบทบัญญัติของฟีฟ่า พร้อมทั้งจี้ให้มีการเลือกตั้งให้เสร็จ ตามที่ขีดเส้นใต้ไว้ก่อนวันที่ 30 กันยายนนี้ด้วย

 
      ศึกการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยยังคงดุเดือดต่อไป โดยเฉพาะการต่อสู้ทางด้านข้อกฏหมายและข้อบังคับต่างๆ แม้ว่าสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จะมีคำสั่งและแจ้งเตือนมาหลายครั้งว่ายังไงก็ต้องให้มีการเลือกตั้งภายใต้ ธรรมนูญใหม่เท่านั้น





จดหมายจากชลบุรีส่งถึงฟีฟ่า

     Chon 047/2013


     21 มิถุนายน 2013

 

     เฌโรม วัลค์เค่อ  
     เลขานุการทั่วไป 
     ฟีฟ่า

 

     ทางโทรสาร


     อ้างถึง : สถานการณ์ของสมาคมุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT)


     เรียนท่าน,


     เราขออ้างถึงจดหมายของท่านลงวันที่ 17 มิถุนายน 2013 หมายเลขอ้างอิง DSG/tre/jaj ซึ่งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้เผยแพร่ต่อสื่อ เราได้อ่านเนื้อหาของจดหมายฉบับนี้ทั้งฉบับและเชื่อว่าเกิดความชัดเจนยิ่ง

 

     อันดับแรก สโมสรได้ถูกผลักดันไปในแนวทางของการกระทำเช่นนี้เนื่องมาจากที่พวกเขาถูก สมาคมฯ พาดพิงอย่างไม่ให้เกียรติและไม่เป็นธรรมตลอด 2 ปีหลังมานี้ มันต่างไปจากการวางตัวของสมาคมฯ ต่อสมาชิกทั้งหลายในช่วงเวลาเดียวกัน

 

     อันดับที่สอง คำสั่งศาลเพียงห้ามสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจากการวิพากษ์วิจารณ์สมาชิกภาพ และพิจารณาเรื่องนี้ไว้ในวาระของการประชุมที่สมาคมฯ กำหนดไว้ในวันนั้น
การที่ ฟีฟ่าบันทึกว่าสมาชิกกับสโมสรต่างๆ เตรียมตัวและพร้อมรับรองบทบัญญัติใหม่ของฟีฟ่าเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น อย่างไรก็ดี มันสำคัญเช่นกันที่ฟีฟ่าจะเข้าใจว่ามีความจำเป็นต้องกำหนดความชัดเจน, แก้ไขให้เหมาะสม และเข้าใจอย่างเฉพาะเจาะจงว่าสมาชิกปัจจุบันของสมาคมฯ ถูกตัดลงเหลือ 72 จากจำนวนเดิมคือ 183 สมาชิกอย่างไร

 

     ธรรมนูญ* ที่มีอยู่ของสมาคมฯ ทำให้เข้าใจได้ว่าสมาชิกถูกเลือกและได้รับเลือกตั้งเข้ามาย่างไร แต่เราก็เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องทบทวนเรื่องเหล่านี้

 

     เรา สโมสรทั้งหลาย อยากวางรากฐานสำหรับการคัดเลือกสมาชิกของสมาคมฯ และอภิปรายกับลงคะแนนเสียงจำนวนสมาชิกในท้ายที่สุดอย่างประชาธิปไตย นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจแห่งประชาธิปไตยที่ฟีฟ่ายึดมั่นและยืนหยัด การคัดเลือกสมาชิกของสมาคมฯ ต้องอยู่ในกรอบของเกณฑ์ที่มีอยู่ ซึ่งก็คือมีการแลกเปลี่ยนความเห็นและหารือกันในที่ประชุม และรับรองโดยที่ประชุม ไม่ใช่โดยการเลือกของคณะกรรมการกลุ่มหนึ่งซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมฯ

     พัทยา เอฟซี สโมสรผู้เจ็บปวดที่ไปยื่นเรื่องต่อศาล, สมาชิกอื่นๆ หลายสโมสรของสมาคมฯ ต่างรู้สึกเหมือนกัน

     เรารู้สึกว่าการใคร่ครวญอย่างเหมาะสมเรื่องโครงสร้างสมาชิกภาพเป็น สิ่งที่ต้องการ นอกเหนือไปจากการกระทำอื่นๆ หลายอย่างที่ประธานคนก่อน** มีหน้าที่รับผิดชอบ

     เพื่อความชัดเจน เรารู้สึกว่ามาตรา 21 ในบทบัญญัติใหม่ของสมาคมฯ ไม่ถูกต้อง และยังไม่สอดคล้องกับสถานะสมาชิกภาพ กับโครงสร้างของสโมสรในประเทศไทย

     มาตรา 21 ผู้แทนและการลงคะแนน 
     1.ที่ประชุมประกอบด้วย 72 ผู้แทน (เสียง) จำนวนผู้แทนถูกจัดสรรดังนี้  
     a) 18 จากไทย พรีเมียร์ ลีก (1 สโมสร 1 เสียง) 
     b) 18 จากดิวิชั่น 1 (1 สโมสร 1 เสียง) 
     c) 30 จากสโมสรลีกภูมิภาค (จาก 84 สโมสร, 6 ภูมิภาค, 5 ตัวทนจากแต่ละภูมิภาค = 30 เสียง) 
     d) 3 จากถ้วยพระราชทาน ข., ค. และ ง. (1 สโมสร 1 เสียง)

     เป็นที่น่าสังเกตสำหรับเราด้วยที่จะชี้ให้เห็นว่า หน้า 2 ของบทบัญญัติมาตรฐานฟีฟ่าเป็นเสมือนแนวทางสำหรับสมาคมสมาชิกทั้งมวลให้ ปฏิบัติตามหรือปรับบทบัญญัติของตัวเอง มันควรจะและต้องทำให้สอดคล้องภายในที่ประชุมและโดยการหารือกับสโมสรต่างๆ ที่เป็นสมาชิกตามบทบัญญัติที่มีอยู่ ซึ่งถูกร่างโดยสมาคมฯ และรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย

     รายชื่อสมาชิกสมาคมฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในปี 2013 ที่ครบถ้วนมีอยู่ 179 สมาชิก นี่เป็นรายชื่อที่สมาคมฯ เสนอต่อการกีฬาแห่งประเทศไทย และมีการตรวจสอบความถูกต้องด้วยกันทั้งสองฝ่าย

     ด้วยความที่สมาคมฯ ต้องทำตามข้อกำหนดของการกีฬาแห่งประเทศไทยตามบทบัญญัติที่มีอยู่ของสมาคมฯ นับเป็นเรื่องสำคัญที่สมาคมฯ เคารพในความเห็นและกฎ ระเบียบของการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มีอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าในประเทศไทยและในราชอาณาจักรแห่งนี้ สมาคมฯ ไม่ละเมิดหรือปฏิบัติขัดหลักการ และกระทำการตัดสินใจต่างๆ ร่วมกับสมาชิกในที่ประชุมแต่ละครั้ง, วางตัวเหมาะสมภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม อนุญาตให้มีการไตร่ตรองและหารือกันได้เพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและความโปร่ง ใส

     เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกังขาและเป็นเรื่องสำคัญ เรายังอยากจะให้ฟีฟ่าทราบว่าสหพันธ์กีฬาทุกสหพันธ์ในประเทศไทยขึ้นกับการ กีฬาแห่งประเทศไทย ที่ทำการตรวจสอบและรับผิดชอบในแง่ที่ว่าสหพันธ์ต่างๆ ทำงานอย่างไร เรื่องนี้ถูกบัญญัติและจารึกไว้ในธรรมนูญของการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมฯ ในแง่นี้ สมาคมฯ ละเมิดในจุดนี้และยืนกรานมาตลอดว่าพวกเขาขึ้นตรงต่อฟีฟ่าเท่านั้น เราขอความกระจ่างในเรื่องนี้

     ในนามสโมสรต่างๆ เราเต็มใจที่จะร่วมมือและทำงานกับสมาคมฯ และฟีฟ่าอย่างเต็มที่

     เรายังเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะปรับปรุงบทบัญญัติของสมาคมฯ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของฟีฟ่า และเต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าวด้วย

     บทบัญญัติฉบับปรับปรุงใหม่ของสมาคมฯ มิได้ถูกส่งให้ 2 ใน 3 ของสมาชิก และไม่ได้รับการรับรองจากสมาชิก 2 ใน 3 ซึ่งถือเป็นจำนวนตามคุณสมบัติในการปรับปรุงหรือรับรองการแก้ไขใดๆ ด้วย ท้ายที่สุดนี้ เราอยากขอความกระจ่างจากท่าน ว่าการชี้แนะโดยฟีฟ่าเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างสมาชิกภาพของสมาคมฯ เป็นข้อเสนอแนะหรือเป็นคำสั่งอันเคร่งครัด

     เราปฏิบัติตามกฎทั้งหลายของสมาคมฯ มาตลอดหลายปี จ่ายค่าธรรมเนียม และลงแข่งในทุกรายการสำคัญ รวมถึงเข้าร่วมประชุมตามที่ต้องการเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสมาชิกภาพ โดยสมบูรณ์ โดยมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเต็มที่ในฐานะสมาชิกของสมาคมฯ

     เราขอความใส่ใจจากท่านเป็นการเร่งด่วนในประเด็นที่หยิบยกมา ณ ที่นี้ ด้วยเราใช้สิทธิ์ของเราในฐานะสโมสรที่ขอความช่วยเหลือจากฟีฟ่า เมื่อเราไม่ได้รับคำตอบที่โปร่งใสจากสมาคมฯ

     เราตั้งตารอในคำตอบของท่าน

     ขอขอบคุณ 
     ขอแสดงความนับถือ


     อรรณพ สิงห์โตทอง 
     รองประธาน 
     สโมสรชลบุรี เอฟซี

 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -- - - - - - - --
 

     หมายเหตุ : มีการปรับถ้อยคำในการแปลภาษาไทยให้เหมาะสมเพื่อการอ่านที่ราบรื่น เนื่องจากต้นฉบับอาจถูกร่างจากภาษาไทย และเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันในการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง ผู้แปลขออธิบายดังนี้


     * จดหมายระบุคำว่า constitution ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง "รัฐธรรมนูญ" ในทางนิติศาสตร์แปลว่า "ธรรมนูญ" ได้ แต่ไม่มีการใช้คำนี้ในวงการกีฬาและองค์กรกีฬาสากลต่างๆ อาทิ ฟีฟ่า ที่จะใช้คำว่า statute หรือ บทบัญญัติ, ข้อบังคับ, ระเบียบ ฯลฯ ดังที่ระบุอยู่ตลอดในจดหมายของฟีฟ่า


     ** previous President หมายถึงประธานคนก่อน (ประเทศไทยเรียกตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอลว่า "นายก") ในจดหมายเขียนให้เข้าใจว่าเป็น นายวรวีร์ มะกูดี ซึ่งในกรณีที่ไม่ยอมรับว่ายังมีอำนาจรักษาการ ควรใช้ว่า former president เพราะ previous president อาจหมายถึง นายวิจิตร เกตุแก้ว ตามภาษาที่ใช้

       

     คุณ อรรณพ สิงโตทอง 
     รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี
      
     ซูริค, 25 มิ.ย. 2013
      
     อ้างถึง จดหมายของท่าน ลงวันที่ 21 มิ.ย. 2013
      
     เรียน มร.สิงโตทอง
      
     เราขอขอบคุณจดหมายของท่านถึงเรื่องจดหมายของเรา ลงวันที่ 17 มิ.ย. 2013 ซึ่งเรายืนยันว่าได้รับและพิจารณาเป็นที่เรียบร้อย ท่านได้ร้องขอความชัดเจนเกี่ยวกับการฟ้องร้องของสโมสรสมาชิกหนึ่งที่มีต่อ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และความจำเป็นที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องปรับใช้ตามบทบัญญัติใหม่ของฟี ฟ่า ซึ่งรวมถึงโครงสร้างสมาชิกภาพแบบใหม่
      
     เกี่ยวกับกรณีการฟ้องร้องในชั้นศาลนั้น เราขอเน้นว่าการกระทำดังกล่าวทำให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่สามารถจัดการประชุมใหญ่ได้ตามกำหนดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2013 โดยการกระทำของสโมสรดังกล่าวทำให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่อาจบริหารงานได้โดยอิสระและยังส่งผลกระทบกับการตัดสินใจของกลุ่มผู้ บริหารสมาคมฯ ซึ่งท่านย่อมทราบดีว่า สมาชิกของฟีฟ่าจำเป็นต้องบริหารงานอย่างมีอิสระ ไม่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับคดีความในชั้นศาล ที่ล้วนขัดต่อกฏเบื้องต้นของฟีฟ่า เมื่อเป็นเช่นนั้น จดหมายลงวันที่ 17 มิ.ย. 2013 ของเรา จึงเป็นการตอบโต้การยื่นฟ้องร้องดังกล่าว เพื่อให้มีการปฏิบัติตามหลักการของฟีฟ่าอย่างเคร่งครัด
      
     ส่วนกรณีที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องปรับใช้บทบัญญัติใหม่ เราขอย้ำต่อท่านว่า คณะกรรมการบริหารชาติสมาชิกของฟีฟ่า ได้ลงมติเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2013 ว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจะต้องปรับใช้ธรรมนูญใหม่ตามมาตรฐานของฟีฟ่า ก่อนการเลือกตั้งที่ไม่ล่าช้ากว่าวันที่ 30 ก.ย. 2013 ทางเราได้ตอบคำถามนี้พร้อมกับข้อสงสัยอื่นๆ ไปแล้วผ่านทางตัวแทนของฟีฟ่า ในการประชุมร่วมกับสมาชิกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2013 ซึ่งสโมสรของท่านได้เข้าร่วมและมีโอกาสซักถามข้อสงสัยต่างๆ แล้ว และเราได้ย้ำต่อตัวแทนของท่านระหว่างการประชุมว่า สมาชิกของฟีฟ่าจำเป็นต้องกระทำตามบทบัญญัติ ข้อบังคับ คำแนะนำ และมติของฟีฟ่าทุกเมื่อ เมื่อเป็นเช่นนั้น สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงต้องทำตามมติของคณะกรรมการบริหารชาติสมาชิกดังกล่าวด้วย
      
     ต่อข้อถามเรื่องโครงสร้างสมาชิกใหม่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เราขอแจ้งท่านว่า ตามกฎเบื้องต้น ฟีฟ่าขอสนับสนุนจำนวนของผู้มีส่วนได้เสียหลัก (โดยเฉพาะในลีกสูงสุดและสมัครเล่น) ให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะและเกิดความสมดุล สถานะของสมาชิกนั้นควรจะต้องโปร่งใส ชัดเจน และมีตัวตนแน่นอน โดยมีเพียงที่ประชุมสามัญในฐานะผู้บริหารสูงสุดเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ยอมรับ สั่งพัก หรือยุติสถานะของสมาชิกได้ ขณะที่โครงสร้างปัจจุบันของสมาชิกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยยังถือว่าไม่ ชัดเจน และในบางกรณียังขัดต่อหลักการเหล่านี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ฟีฟ่าจึงเห็นด้วยว่าโครงสร้างสมาชิกใหม่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นไปตามหลักการของฟีฟ่า และบทบัญญัติใหม่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะตรงตามข้อกำหนดในบทบัญญัติเบื้องต้นของฟีฟ่า หากได้มีการบังคับใช้เป็นที่เรียบร้อย
      
     ท้ายนี้ เรายินดีที่ท่านแจ้งมาในจดหมาย ว่าสโมสรของท่านเข้าใจในความจำเป็นที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องปรับบท บัญญัติใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรฐานของฟีฟ่า รวมถึงสโมสรของท่านมีความเต็มใจที่จะสนับสนุนและมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสโมสรของท่านจะสนับสนุนการประชุมของสมาคมฯ ครั้งต่อไป เพื่อรับรองบทบัญญัติฉบับปรับปรุงใหม่ของสมาคมฯ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรฐานของฟีฟ่าต่อไป
      
     ขอแสดงความนับถือ 
     สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
     
 
     มาร์คุส คัตต์เนอร์ 
     ผู้ช่วยเลขาธิการ



จดหมายจากฟีฟ่าส่งถึงสมาคมฟุตบอล




     สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย 
     องอาจ ก่อสินค้า  
     เลขานุการทั่วไป
      
     ซูริค, 27 มิถุนายน 2013
      
     อ้างถึง จดหมายของท่านลงวันที่ 25 มิถุนายน 2013
      
     เรียน เลขานุการทั่วไป,
      
     ขอบคุณสำหรับจดหมายของท่านที่ยืนยันว่าการยื่นเรื่องต่อศาล ยุติธรรมโดยสโมสรหนึ่งของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) ถูกถอนฟ้องแล้ว และว่าการประชุมวิสามัญครั้งใหม่เพื่อปรับใช้บทบัญญัติฉบับปรับปรุงใหม่ สามารถจะดำเนินการต่อไปได้ จดหมายของท่านยังได้ขอความเห็นของเราเรื่องวันสำหรับการประชุมวิสามัญครั้ง ใหม่นี้ด้วย
      
     เกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดจำไว้ว่าตามคำตัดสินของคณะกรรมาธิการสมาคมแห่งฟีฟ่า ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013 บทบัญญัติฉบับปรับปรุงใหม่ของสมาคมฯ ต้องได้รับการรับรองและจากนั้นการเลือกตั้งต้องมีขึ้นภายใต้บทบัญญัติเหล่า นั้นก่อนวันที่ 30 กันยายน 2013 ตามมาตรา 26 ย่อหน้า 2 และมาตรา 28 ย่อหน้า 3 ของบทบัญญัติฉบับปรับปรุงใหม่ของสมาคมฯ ข้อกำหนดในการแจ้งล่วงหน้าอยู่ที่ห้าสิบห้าวัน (55) สำหรับการประชุมสามัญ และสี่สิบห้าวัน (45) สำหรับการประชุมวิสามัญตามลำดับ ดังนั้น วันสำหรับการประชุมวิสามัญเพื่อรับรองบทบัญญัติฉบับปรับปรุงใหม่ของสมาคมฯ ต้องเร็วพอเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามข้อกำหนดในการแจ้งล่วงหน้าภายใต้บท บัญญัติใหม่ และการเลือกตั้งของสมาคมฯ สามารถเกิดขึ้นก่อนวันที่ 30 กันยายน 2013 ตามคำตัดสินของคณะกรรมาธิการสมาคมแห่งฟีฟ่า
      
     เราหวังที่จะได้รับคำยืนยันของท่านเรื่องวันสำหรับการประชุมวิสามัญครั้งต่อไปเพื่อรับรองบทบัญญัติใหม่ของสมาคมฯ
     
 
     ขอแสดงความนับถือ
      
     เฌโรม วัลค์เค่อ 
     เลขานุการทั่วไป