ปรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2556

ซันเดอร์แลนด์   -   อาร์เซน่อล

สนาม : สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์

        แมวดำ ของกุนซือชาวอิตาเลียน เปาโล ดิ คานิโอ เป็น 1 ใน 2 ทีมท้ายตารางที่มีแต้มน้อยสุดคือคะแนนเดียว เพราะล่าสุดก็บุกแพ้ คริสตัล พาเลซ ทีมน้องใหม่อีก 1-3

        ดิ คานิโอ ต้องเสริมทัพเพิ่มช่วงโค้งสุดท้าย ยืม ฟาบิโอ บอรินี่ กับ คี ซอง-ยอง และคว้า อันเดรีย ดอสเซน่า ขณะเดียวกันก็ขายตัวหลัก สเตฟาน แซสเซญง

        สภาพทีมต้องขาด จอห์น โอเช กองหลังตัวหลักติดโทษแบนจากใบแดงนัดก่อน ทำให้ การ์ลอส เกยาร์ อยู่ในข่ายลงมายืนเซนเตอร์คู่ โมดิโบ เดียคิเต้

        แดนหน้าพร้อมส่ง สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ กองหน้าตัวหลักกลับมาเป็นตัวจริง หลังเป็นตัวสำรองลงมาโหม่งประตูตีเสมอ พาเลซ ได้ในนัดที่แล้ว

        โจซี่ อัลติดอร์ ศูนย์หน้าอเมริกัน ที่ไร้เงานัดก่อน ก็จะกลับมาอยู่ในทีมตามเดิม เพราะไม่ได้รับใช้ทีมชาติ เนื่องจากติดโทษแบนเกมกับ เม็กซิโก วันอังคาร

        การจัดทัพ เวสต์วูด เป็นประตู แผงหลัง เชลุสต์ก้า, เกยาร์, เดียคิเต้, โคลแบ็ค แดนกลาง จอห์นสัน, ลาร์สสัน, การ์ดเนอร์, จัคเครินี่ คู่หน้า เฟล็ทเชอร์ กับ อัลติดอร์ หรือ บอรินี่

        ด้าน ปืนใหญ่ ของกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ กลับคืนฟอร์มหลังชนะในลีก 2 นัดติด ทำให้แฟนบอลลืมความพ่ายแพ้คาบ้านต่อ แอสตัน วิลล่า นัดแรกไปแล้ว

        การเสริมทัพวันสุดท้ายสร้างความฮือฮาด้วยการเซ็น เมซุต โอซิล จาก เรอัล มาดริด ค่าตัว 42.4 ล้านปอนด์ พร้อมยืม เอมิเลียโน่ วิเวียโน่ ประตูจาก ปาแลร์โม่ อีกคน

        สภาพทีมยังมีปัญหาเยอะ ลูคัส โพดอลสกี้, โทมัส โรซิชกี้, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มิเกล อาร์เตต้า, โธมัส แฟร์มาเล่น, ยาย่า ซาโนโก้ และ อาบู ดิยาบี้ บาดเจ็บทั้งหมด

        แจ็ค วิลเชียร์ ผ่านเกมกับทีมชาติอังกฤษทั้งสองนัดด้วยสภาพร่างกายไม่เต็มร้อย จึงต้องรอทดสอบความฟิต แต่น่าจะพร้อมเช่นเดียวกับ ธีโอ วัลค็อตต์ และ อารอน แรมซี่ย์

        คาดว่า เวนเกอร์ พร้อมใส่ชื่อ โอซิล เจ้าของหมายเลข 11 คนใหม่ ลงประเดิมทันที เพราะสภาพร่างกายพร้อมอยู่แล้ว หลังผ่านเกมทีมชาติเยอรมัน

        การจัดทัพ เชสนี่ เฝ้าเสา แนวรับ เจนกินสัน, แมร์เตซัคเกอร์, กอสซิแอลนี่, กิ๊บบ์ส แดนกลาง แรมซี่ย์ คุมเกมกับ วิลเชียร์ แนวรุก วัลค็อตต์, โอซิล, กาซอร์ล่า หน้าเป้า ชิรูด์

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ซันเดอร์แลนด์ : คีเรน เวสต์วูด - ออนเดรย์ เชลุสต์ก้า, การ์ลอส เกยาร์, โมดิโบ เดียคิเต้, แจ็ค โคลแบ็ค - อดัม จอห์นสัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, เคร็ก การ์ดเนอร์, เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ - โจซี่ อัลติดอร์ (ฟาบิโอ บอรินี่), สตีเว่น เฟล็ทเชอร์

        อาร์เซน่อล : วอยเช็ก เชสนี่ - คาร์ล เจนกินสัน, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, คีแรน กิ๊บบ์ส - อารอน แรมซี่ย์, แจ็ค วิลเชียร์ - ธีโอ วัลค็อตต์, เมซุต โอซิล, ซานติ กาซอร์ล่า - โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

        ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ๊ตกินสัน

เอฟเวอร์ตัน   -   เชลซี

สนาม : กูดิสัน พาร์ค

        ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ของกุนซือใหม่ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เป็น 1 ใน 3 ทีมที่ยังไม่แพ้ใคร 3 นัดแรก แต่เสมอทั้ง 3 นัด โดย 2 นัดหลังเสมอ 0-0 กับ เวสต์บรอมวิช และ คาร์ดิฟฟ์ ทั้งคู่

        โค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายมีการเปลี่ยนแปลงพอสมควร แดนกลางเสีย มารูอาน เฟลไลนี่ แต่ก็คว้า เจมส์ แม็คคาร์ธี่ กับยืม แกเร็ธ แบร์รี่ เข้ามาทดแทน

        และแดนหน้าปล่อย วิคเตอร์ อนิเชเบ้ แต่ก็ยืม โรเมลู ลูกากู แทน ทว่า เกมนี้ ลูกากู จะหมดสิทธิ์ประเดิมสนาม เพราะดันเจอกับ เชลซี ต้นสังกัดตัวจริงพอดี

        สภาพทีม ดาร์รอน กิ๊บสัน กองกลางหายเจ็บเข่า และ อันโตลิน อัลการาซ เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวใหม่หายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาซ้อมแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาเรียกความฟิต

        แม็คคาร์ธี่ ตัวใหม่ กับ เชมัส โคลแมน แบ็กขวา บาดเจ็บเล็กน้อยมาจากการรับใช้ทีมชาติไอร์แลนด์ แต่ทั้งคู่จะพร้อมช่วยทีมสุดสัปดาห์นี้ไม่มีปัญหา

        การจัดทัพ ฮาวเวิร์ด เฝ้าเสา แนวรับ โคลแมน, จากีลก้า, ดิสแต็ง, เบนส์ แดนกลาง ออสแมน, แม็คคาร์ธี่, บาร์คลี่ย์ แนวรุก มิราลลัส, พีนาร์, เยลาวิช

        ด้าน สิงโตน้ำเงินคราม ของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ลงเตะเกมลีก 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แต่เกมล่าสุดคือ ยูฟ่า ซูเปอร์ลีก ที่ดวลจุดโทษแพ้ บาเยิร์น มิวนิค วันศุกร์ที่ 30 ส.ค.

        ช่วงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขาย เชลซี คว้าตัว ซามูเอล เอโต้ กองหน้าแคเมอรูน อีกคนคือ คริสเตียน อัตซู ปีกชาวกาน่าจาก ปอร์โต้ แต่ก็ปล่อยให้ วิเทสส์ ยืมใช้งาน

        ขณะเดียวกันก็ปล่อย โรเมลู ลูกากู กับ วิคเตอร์ โมเสส ให้ เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ยืม

        มูรินโญ่ ต้องรอเช็กความฟิต ดาวิด ลุยซ์ เซนเตอร์ฮาล์ฟบราซิล ที่เล่นเกมอุ่นเครื่องที่สหรัฐอเมริกามาเมื่อวันอังคาร นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร

        การจัดทัพ ปีเตอร์ เช็ก เฝ้าเสา แผงหลัง อิวาโนวิช, เคฮิลล์, เทอร์รี่, โคล แดนกลาง รามิเรส กับ แลมพาร์ด แนวรุก เดอ บรอยน์, ออสการ์, อาซาร์ หน้าเป้า ตอร์เรส

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด - เชมัส โคลแมน, ฟิล จากีลก้า, ซิลแว็ง ดิสแต็ง, เลห์ตัน เบนส์ - ลีออน ออสแมน, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, รอสส์ บาร์คลี่ย์ - เกวิน มิราลลัส, สตีเว่น พีนาร์, นิคิช่า เยลาวิช

        เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - รามิเรส, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - เควิน เดอ บรอยน์, ออสการ์, เอแดน อาซาร์ - เฟร์นานโด ตอร์เรส

        ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์

ทอฟฟี่แกร่งในรัง! เจอสิงห์ 5 นัดชนะ 3

        เอฟเวอร์ตัน มีผลงานน่าพอใจทีเดียวในการเปิดรัง กูดิสัน พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ เชลซี โดย 5 ฤดูกาลหลังสุดที่พบกันที่นี่ สิงโตน้ำเงินคราม บุกชนะได้หนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นเกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

        ตั้งแต่ซีซั่น 2008-09 เป็นต้นมา เกมที่ กูดิสัน พาร์ค จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ต่อด้วยฤดูกาล 2009-10 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 2-1, ฤดูกาล 2010-11 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 1-0, ฤดูกาล 2011-12 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 2-0 ก่อนที่ เชลซี จะบุกชนะครั้งแรกในรอบ 5 ฤดูกาล ด้วยสกอร์ 2-1

        ฤดูกาลที่แล้ว เชลซี เป็นฝ่ายเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ด้วยสกอร์ 2-1 ทั้งเหย้าและเยือน แต่กว่าจะชนะได้ต้องออกแรงเหนื่อยทีเดียว เกมที่ กูดิสัน พาร์ค แฟร้งค์ แลมพาร์ด เหมายิง 2 ประตู โดยประตูชัยมาในนาทีที่ 72 ส่วนเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็ต้องรอประตูชัยจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส ในนาทีที่ 76