ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2)

วันอังคารที่ 8 เมษายน 2557

เชลซี (อังกฤษ, 2) - ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส, 1)

(ผลนัดแรก เปแอสเช ชนะ 3-1)

ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 1, ทรูสปอร์ต เอชดี 2 (เวลา 01.45 น.)

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ลอนดอน, อังกฤษ)

        เชลซี รองจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษปะทะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จ่าฝูงลีก เอิง ฝรั่งเศส  ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 หลังจากนัดแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 2 เมษายน เปแอสเช ถล่ม เชลซี 3-1 ที่ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ กรุงปารีส

        สำหรับผลงานของทั้งคู่ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ เชลซี ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยอัตโนมัติ หลังจากได้อันดับ 3 พรีเมียร์ ลีก ซีซั่น 2012-2013 และทีมเข้าป้ายซิวแชมป์กลุ่มอี. ทำได้ทั้งสิ้น 12 คะแนน ในการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม (ชาลเก้ 04 ได้ที่สอง 10 คะแนน เข้ารอบเช่นกัน ส่วนทีมที่ตกรอบมี เอฟซี บาเซิ่ล 8 แต้ม ไปเล่นยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย และ สเตอัว บูคาเรสต์ เป็นบ๊วย ทำได้ 3 แต้ม ตกรอบ)

        จากนั้น สิงห์บลูส์ ชนะ กาลาตาซาราย จากตุรกี ด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-1 ในการเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย

        ส่วน เปแอสเช ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยอัตโนมัติ ในฐานะแชมป์ลีก เอิง 2013 ซึ่งทีมได้แชมป์กลุ่มซี. 13 คะแนน โอลิมเปียกอส จากกรีซ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นเดียวกัน ในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ทำได้ 10 คะแนน ทางด้าน เบนฟิก้าทำได้ 10 แต้ม ไปเล่นยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย และอันเดอร์เลชท์ เป็นบ๊วยได้แค่แต้มเดียว ตกรอบสนิท จากนั้น ปารีสฯ ชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จากเยอรมันด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-1 ในการเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้าย

        จนมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ปารีสฯ เปิดบ้านต้อน เชลซี 3-1 ท่ามกลางแฟนบอล 45,517 คน โดยได้ประตูจากลูกยิงของ เอเซเกล ลาเวซซี่ นาทีที่ 4, ดาวิด ลุยซ์ สกัดเข้าประตูตัวเองนาที 61 และ ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ซัลโวปิดท้ายนาที 93 ขณะที่ สิงห์บลูส์ ได้ประตูจากลูกจุดโทษของ เอแด็น อาซาร์ นาที 26

        แมตช์ดังกล่าว โลร็องต์ บล็องก์ เทรนเนอร์เปแอสเช คุมทีมในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว 24 นัด (บอร์กโดซ์ 16 นัด ; เปแอสเช 8 เกม)

        ขณะเดียวกัน รามิเรส กองกลางเชลซีโดนใบเหลืองนาที 12 หลังจากทำฟาวล์ ลาเวซซี่ ทำให้ รามิเรส จะติดโทษแบนโดยอัตโนมัติในเกมนัดที่ 2

        ทางด้าน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กัปตันทีมชาติสวีเดนวัย 32 ปี ผู้นำดาวซัลโวลีก เอิง ที่ยิงไปแล้ว 25 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ และรองดาวซัลโวยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ทำได้ 10 ประตู) บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม นาที 68 และเป็น ลูคัส มูร่า ปีกขวาบราซิลได้ลงเล่นแทน โดย "อิบรา" ต้องพักแข้งนาน 1 เดือน

        เชลซี ผลงานล่าสุดเปิดบ้านชนะ สโต๊ค ซิตี้ 3-0 ในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ 33 เมื่อวันเสาร์ที่ 5 เมษายน จากประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาที 32, แฟร้งค์ แลมพาร์ด นาที 61, วิลเลี่ยน นาที 72

        สถานการณ์ล่าสุด เชลซี รั้งที่ 2 พรีเมียร์ ลีก มี 72 คะแนน จากการลงสนามไปแล้ว 33 นัด ตามหลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูง 2 แต้ม ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับสามมี 70 คะแนน โดยเล่นไปเพียง 31 นัด เรียกได้ว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีก สูสีมาก 

        โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมเชลซีขาด แอชลี่ย์ โคล บาดเจ็บหัวเข่า, มาร์โก ฟาน คิงเกิล ไม่ฟิต

        อีกทั้ง เนมานย่า มาติช กับ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ติดคัพ ไท เคยเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ กับ เบนฟิก้า และ บาเซิ่ล มาแล้วตามลำดับ พร้อมกับที่ รามิเรส ติดโทษแบน 1 นัดโดยอัตโนมัติ

        ทว่าทีมได้ ซามูแอล เอโต้ ดาวยิงประสบการณ์สูงหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา กลับมาลงสนาม และทีมต้องรอเช็คความฟิตของ อันเดร เชือร์เล่ สตาร์ตัวรุกทีมชาติเยอรมันที่บาดเจ็บจากเกมล่าสุด รวมถึง จอห์น โอบี มิเกล

        มูรินโญ่ จะได้ เอแด็น อาซาร์ กับ ออสการ์ กลับมลงสนาม หลังจกได้พักโดยเป็นตัวสำรองนัดต้อน สโต๊ค

        เวลานี้ บล็องก์ นำทีมไม่แพ้ 16 เกมซ้อนในลีก เอิง และไม่แพ้ 15 นัดติดต่อกันในการเล่นทุกรายการ (ชนะ 11 นัดซ้อน) อีกทั้งชนะ 8 นัดติดต่อกันในบ้าน และ ไม่แพ้นอกบ้าน 11 นัดซ้อนโดยผลงานล่าสุดทีมเปิดบ้านชนะ สต๊าด เดอ แร็งส์ ขาดลอย 3-0 ในลีก เอิง นัดที่ 32 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 5 เมษายน จากประตูของ เอดินสัน คาวานี่ นาที 43 และ เอสซ่า ม็องดี้ แบ็กขวาแร็งส์ สกัดเข้าประตูตัวเอง นาที 48 กับนาที 89

        ปารีสฯ เขยิบเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ลีก เอิง ฤดูกาล 2013-2014 เพราะตอนนี้ โกยไปแล้วถึง 79 คะแนน จากการลงสนาม 32 นัด ทิ้งห่าง โมนาโก ทีมอันดับสองถึง 13 คะแนน และเหลือเกมเตะอยู่เพียง 6 นัดเท่านั้น เท่ากับว่า เปแอสเช ต้องการอีกเพียง 6 คะแนน ก็จะป้องกันแชมป์ลีก เอิงของตัวเองได้สำเร็จ

        และผู้เล่นตัวจริง 5 คนที่ได้พักด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมปราบ แร็งส์ จะกลับมาลงสนามทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น อเล็กซ์ คอสต้า เซนเตอร์ฮาล์ฟบราซิล, แม็กซ์เวลล์ แบ็กซ้ายบราซิล, แบลส มาตุยดี้ มิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติฝรั่งเศส, ติอาโก้ ม็อตต้า กองกลางอิตาลี, เอเซเกล ลาเวซซี่ ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนติน่า อีกทั้งทีมได้ เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล แบ็กขวาทีมชาติฮอลแลนด์วัย 26 ปี หายเจ็บหัวเข่าขวา กลับมาลงเล่นได้แล้ว

        ในรายของ ติอาโก้ ซิลวา เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติบราซิล กัปตันทีมยังสวมหน้ากากป้องกันลงสนาม หลังจากเพิ่งหายเจ็บที่โหนกแก้มซ้ายร้าว  

        อย่างไรก็ตาม บล็องก์ จะส่ง คริสตอฟ ฌัลเล่ต์ เล่นแบ็กขวาตัวจริง เนื่องจาก ฟาน เดอร์ วีล เพิ่งหายเจ็บ และ ลูคัส มูร่า ปีกขวาบราซิลจะได้ลงเล่นแทน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช พร้อมประสานงานกับ เอดิสัน คาวานี่, เอเซเกล ลาเวซซี่

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่ (กัปตันทีม), เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า - ดาวิด ลุยซ์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - วิลเลียน, ออสการ์ โดส ซานโตส, เอแด็น อาซาร์ - ซามูแอล เอโต้

        ปารีส แซงต์-แชร์กแมง : ซัลวาตอเร่ ซิริกู - คริสตอฟ ฌัลเล่ต์, อเล็กซ์ คอสต้า, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), แม็กซ์เวลล์ - มาร์โก แวร์รัตติ, ติอาโก้ ม็อตต้า, แบลส มาตุยดี้ - ลูคัส มูร่า, เอดินสัน คาวานี่, เอเซเกล ลาเวซซี่  

        ผู้ตัดสิน : เปโดร โปรเอนก้า (โปรตุเกส)