การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

 วันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2557

 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 เวสต์ บรอมวิช

สนาม: เอติฮัด สเตเดี้ยม, (แมนเชสเตอร์, อังกฤษ)
 
         เปิดเกมครึ่งแรกมาได้แค่ 3 นาที เจ้าถิ่นนำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ซามีร์ นาสรี่ เปิดบอลจากขวาเข้ามาหน้าประตู เลียม ริดจ์เวลล์ กองหลังทีมเยือนโหม่งมาเข้าทาง เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" พักอกแล้วตะบันด้วยขวาแต่ติดเซฟ เบน ฟอสเตอร์ นายทวารเวสต์ บรอมวิช ปัดออกมาเข้าทางของ ปาโบล ซาบาเลต้า พุ่งโหม่งสวนเข้าประตูไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ 3 ของซาบาเลต้า ในลีกซีซั่นนี้
 
         สองนาทีต่อมา เจ้าถิ่นเดินหน้าต่อ นาสรี่ แย่งบอลมาได้หน้าเขตโทษก่อนลากเข้าเขตโทษก่อนหักเรียดเข้ากลางมาให้ อเกวโร่ "กุน" ซัดด้วยขวาข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
 
         ผ่านมาถึงนาทีที่ 6 เวสต์บรอมวิช ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้บ้างจากจังหวะที่ สเตฟาน แซสเซอญง แทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ บิลลี่ โจนส์ หลุดเข้าไปตบมาหน้าประตูให้ มาเตจ์ วีดร้า แปเข้าไป แต่โดนเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน
 
         เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 10 เรือใบสีฟ้า มาได้ประตูที่สอง เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" พยายามจ่ายบอลให้เพื่อน ทว่าไปติดกองหลังเวสต์บรอมวิช กลับมาเข้าเท้า อเกวโร่ "กุน" ปั่นด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลพุ่งเสียบเสาสองเข้าไปอย่างเด็ดขาดให้ แมนฯซิตี้ นำห่าง 2-0
 
         นาทีต่อมาทีมเยือนมีลุ้นเหมือนกัน เกรแฮม ดอร์แรนส์ จ่ายบอลให้ สเตฟาน แซสเซอญง ทำชิ่งกับ วีดร้า ก่อนที่ แซสเซอญง ได้ยิงหน้าเขตโทษบอลพุ่งเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียวเท่านั้น
 
         อย่างไรก็ดี "เดอะ แบ็กกี้ส์" มาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะสวนกลับเร็ว เลียม ริดจ์เวลล์ เติมเกมมาทางซ้ายก่อนจ่ายให้ วีดร้า แตะต่อให้ เกรแฮม ดอร์แรนส์ กระดกบอลข้ามตัว กลิชี่ แล้วตวัดยิงด้วยซ้ายทันทีบอลพุ่งเสียบเสาอย่างสวยงามให้ เวสต์ บรอมวิช ไล่มา 1-2 ในนาทีที่ 16
 
         ทว่าเจ้าบ้านไม่เสียขบวน รวมพลบุกขึ้นมาใหม่ แล้วได้ประตูที่สามในนาทีที่ 36 จากจังหวะที่ นาสรี่ เปิดลูกเตะมุมมาให้ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ขึ้นโหม่งเช็ดบอลมาตกเข้าเท้าของ มาร์ติน เดมิเคลิส ปราการหลังชาวอาร์เจนไตน์แปด้วยขวาจ่อๆ ตุงตาข่ายช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง 3-1 และเป็นประตูที่สองของ เดมิเคลิส ในลีกซีซั่นนี้
 
         ก่อนหมดครึ่งแรกสองนาที ทีมเยือนน่าได้ประตูที่สองเมื่อ บิลลี่ โจนส์ เปิดบอลจากขวาเข้าเขตโทษให้ แซสเซอญง ยิงเต็มข้อแต่ติดบล็อค ก็องปานี บอลข้ามคานออกไป ครบ 45 นาทีแรก แมนฯซิตี้ นำก่อน 3-1
 
         มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 6 นาที เรือใบสีฟ้า บุกเข้าใส่ แฟร์นานดินโญ่ โหม่งตั้งให้กับ ซาบาเลต้า ยิงด้วยซ้ายโดน เคร็ก ดอว์สัน กองหลังเวสต์ บรอมวิช บล็อคออกหลังไป
 
         เกมของเจ้าบ้านเหนือกว่ามีโอกาสอีก ดาบิด ซิลบา จ่ายหักข้อออกมาทางด้านขวาให้กับ ซาบาเลต้า ตบเข้ากลาง ซามีร์ นาสรี่ พุ่งเข้ามายิงจากระยะแค่ 6 หลา ทว่า เคร็ก ดอว์สัน เหยียดขามาขวางบอลออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิดในนาทีที่ 58
 
         นาทีต่อมาทีมเยือนเปลี่ยนเอา วิคเตอร์ อนิเชบี้ ลงมาเล่นในแดนหน้าแทน มาเตจ์ วีดร้า ส่วนเจ้าบ้านให้ สเตฟาน โยเวติช ลงเล่นแทน อเกวโร่ "กุน" ที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ในนาที 64
 
         จากนั้นเรือใบสีฟ้า จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา ดาบิด ซิลบา กองกลางตัวเก่งทีมชาติสเปน ที่มีอาการบาดเจ็บจากจังหวะล็อคหนีการเสียบของ อมาลฟิตาโน่ จนมีอาการบาดเจ็บข้อเท้าขวา ต้องหามลงเปลออกจากสนามมา แล้วให้ เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาเล่นแทนในนาทีที่ 69
 
         ท้ายเกมนาทีที่ 73 เจ้าบ้านได้โอกาส สเตฟาน โยเวติช ที่ลงมาเป็นสำรองซัดเรียดบอลหลุดกรอบไป เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก ครบ 90 นาที แมนฯซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 3-1 เก็บสามแต้มสำคัญรั้งที่ 3 ของตาราง ทำแต้มขึ้นมาเหลือไล่หลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงอยู่ 6 คะแนน แต่ทัพเรือใบสีฟ้า แข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด 
 
         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
         แมนฯ ซิตี้: โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี (กัปตันทีม), มาร์ติน เดมิเคลิส, กาแอล กลิชี่ - แฟร์นันดินโญ่, ฆาบี การ์เซีย - ซามีร์ นาสรี่, ดาบิด ซิลบา (เจมส์ มิลเนอร์ น.69) - เอดิน เชโก้, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" (สเตฟาน โยเวติช น.64)
         สำรอง: คอสเตล ปานติลิม่อน (ผู้รักษาประตู) - ไมก้าห์ ริชาร์ดส์, โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, อัลบาโร่ เนเกรโด้
 
         เวสต์บรอมวิช: เบน ฟอสเตอร์ - บิลลี่ โจนส์, เคร็ก ดอว์สัน, โยนาส โอลส์สัน, เลียม ริดจ์เวลล์ - ยุสซุฟ มูลุมบู, คริส บรันท์ - มอร์กก็อง อมาลฟิตาโน่, สเตฟาน แซสเซอญง (ไซโด้ เบราฮิโน่ น.76), เกรแฮม ดอร์แรนส์ - มาเตจ์ วีดรา (วิคเตอร์ อนิเชบี้ น.59) 
         สำรอง: โบซ มายฮิลล์ (ผู้รักษาประตู) - ดีเอโก้ ลูกาโน่, สตีเว่น รีด, เคลาดิโอ ยาค็อบ, เจมส์ มอร์ริสัน
 
         ผู้ตัดสิน: ฟิล ดาวด์