ศิวกร ภูอุดม ผู้ตัดสินฟีฟ่า ยื่นอุทธรณ์โทษแบน 1 ปีต่อสมาคมฟุตบอลฯแล้วยันทำหน้าที่สุจริตตลอดมา หวัง วรวีร์ มะกูดี เห็นใจ เชื่อหากกลับมาได้จะสร้างชื่อให้เชิ้ตดำของไทยในเวทีเอเชีย

ศิวกร ภูอุดม ผู้ตัดสินฟุตบอลฟีฟ่า อีลิท 2014 ยื่นหนังสืออุทธรณ์ถึง วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เรียบร้อยแล้วกรณีถูกคณะกรรมการผู้ตัดสินฯ ลงโทษห้ามทำหน้าที่เป็นเวลา 1 ฤดูกาล จากเกมที่ลงทำหน้าที่ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ซึ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-0 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

สำหรับหนังสืออุทธรณ์ของ "เปาโค้ช" ระบุว่า "ตลอด ระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่กระผมสอบเข้ามาเป็นผู้ตัดสินชั้น 3 ของสมาคมฯจนกระทั่งได้รับคัดเลือกเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าในปี 2013 และสอบผ่านการเป็นผู้ตัดสินฟีฟ่าอีลิท ปี 2014 ผมปฏิบัติหน้าที่ตัดสินฟุตบอลที่ได้รับมอบหมาย จากสมาคมฯด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรมตลอดมา ไม่มีนัยยะใดๆแอบแฝงทั้งสิ้น"

“ความผิดพลาดของการ ตัดสินหรือมุมมองในสนามแข่งขันอาจจะมีความเห็นไม่ตรงกันบ้างระหว่างผู้ฝึก สอนกับผู้ตัดสิน ผู้เล่นกับผู้ตัดสินหรือกองเชียร์กับผู้ตัดสิน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในกีฬาฟุตบอล ในส่วนตัวของกระผมใคร่ขอเรียนชี้แจงว่าการปฏิบัติหน้าที่ของกระผมนั้นเป็นไป ด้วยความสุจริต บริสุทธิ์ ยุติธรรมและมุมมองที่วินิจฉัยเกมส์เป็นไปตามกฏ กติกา ที่ได้รับการฝึกอบรมมา กระผมมีความรักและศรัทธาในอาชีพผู้ตัดสิน จังตัดสินใจเลือกการตัดสินฟุตบอลเป็นการดำรงชีพของตนเองและครอบครัว"


“ใน ช่วงเวลาที่กระผมถูกลงโทษนั้น กระผมรักษาสมรรถภาพร่างกายให้พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา การที่คณะกรรมการฯพิจารณาระงับหารปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลา 1 ฤดกาล รวมทั้งรายการที่ได้แต่งตั้งจากสมาพันธ์ฟุตบอลบอลแห่งเอเชีย AFC ทั้งหมดทุกรายการ จนถึงปัจจุบันกระผมถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลา 4 เดือนแล้ว ซึ่งบทลงโทษดังกล่าวทำให้กระผมรู้สึกว่าจะเป็นบทกำหนดโทษที่ค่อนข้างรุนแรง มากสำหรับตัวกระผม และอาจมีผลต่อเนื่องไปสู่การปฏิบัติหน้าที่ในอนาคตด้วย"

“กระผม จึงใคร่ขอเรียนอุทธรณ์มาเพื่อขอความอนุเคราะห์จากท่านนายกฯ ได้โปรดพิจารณาทบทวน คำสั่งระงับการปฏิบัติหน่าที่เพื่อให้กระผมได้กลับมาทำหน้าที่ตัดสินฟุตบอล ที่ผมรักและศรัทธาในอาชีพนี้ตามที่จะเห็นสมควรต่อไป"

นอก จากนี้ ผู้ตัดสินศิวกร ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับโกล ประเทศไทย ว่าหนังสืออุทธรณ์ดังกล่าวตนเองได้ยื่นให้กับสมาคมฟุตบอลไปแล้วเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมาโดยรอ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ พิจารณา

“ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาแม้ไม่ได้ลงตัดสินแต่ผมก็รักษาสภาพร่างกายให้พร้อมอยู่ตลอด ควบคู่กับการประกอบอาชีพเล็กๆอย่างขายเสื้อผ้าหรือสอนกอล์ฟบ้าง แต่ผมอายุเพียง 27 และทำอาชีพผู้ตัดสินเป็นอาชีพหลักตลอดมา ผมหวังว่าจะได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง สิ่งที่ผมต้องการทำให้ได้คือการไปตัดสินฟุตบอลในรายการเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก"

“ผมเชื่อมั่นว่าหากผมกลับมาได้ผมจะมีส่วน ช่วยสร้างชื่อเสียงให้วงการผู้ตัดสินของไทย เพราะไทยไม่มีผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกมา 5 ปีแล้ว ขณะที่ศรีลังกาที่ไม่มีลีกในประเทศเหมือนบ้านเรา เขามีผู้ตัดสินที่ได้ทำหน้าที่ในรายการนี้ และเมื่อต้นปีผมก็มีโอกาส ผมจึงอยากได้โอกาสนั้นอีกครั้ง"

ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้ตัดสินฯ ตั้งข้อสงสัย ศิวกร ภูอุดม หลังปฏิเสธการให้จุดโทษกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเกมฟุตบอลถ้วยก. ก่อนจะแพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไป 1-0 ในจังหวะที่ เจย์ โบธรอยด์ ถูก สุรีย์ สุขะ ขวางล้มในกรอบ 18 หลา