ฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ ตบเท้ายืนข้างโค้ช เช ยอง ซอก ทั้ง ''เล็ก'' ชนาธิป ซ้อนขำ เจ้าของเหรียญทองแดง ลอนดอน เกมส์ 2012 ชี้ โค้ชแดนโสม ลงโทษหนักเพราะรักเรา อยากให้นักกีฬาได้ดีประสบความสำเร็จ ส่วนตัวเชื่อว่าโค้ชเชไม่เคยทำร้ายนักกีฬาด้วยความเกลียดชังเลย ''นักกีฬาเจ็บตัว แต่ตัวโค้ชเจ็บใจ และเจ็บปวดเสมอ'' ส่วนของน้องก้อยอาจจะเพิ่งเข้าแคมป์ทีมชาติในรุ่นประชาชนเลย จึงไม่เคยชินกับการลงโทษต่างๆ ประกอบกับการแข่งขันในต่างประเทศไม่เหมือนกับในบ้านเรา การเตรียมตัวต้องพร้อมที่สุด ด้าน ''สอง'' บุตรี เผือดผ่อง ฮีโร่เหรียญเงิน ปักกิ่ง เกมส์ เผย เรื่องทำโทษมันมีอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวเคยโดนทำโทษหนักกว่านี้อีก เพราะโค้ชหวังดีทำให้มีความสำเร็จในวันนี้

จากกรณีข่าว "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ทำร้ายร่างกาย "ก้อย" รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโดทีมชาติระหว่างการแข่งขันโคเรีย โอเพ่น ที่ประเทศเกาหลีใต้ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด นายปรีชา ต่อตระกูล อุปนายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าว ที่ สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย โดย "บิ๊กชา" ได้กล่าวว่า สมาคมได้เชิญ "รองจ๊ะ" ดร.สมคิด ปิ่นทอง อดีตรองผู้ว่า กกท.มาเป็นประธานสอบสวนเรื่องนี้ พร้อมกันนี้จะมีการเรียกตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่าย คือ โค้ชเช และ รุ่งระวี มาสอบสวนในวันเสาร์ที่ 19 ก.ค. นี้ ที่ทำการสมาคมฯ เพื่อค้นหาความจริงทั้งหมด

ซึ่งเท่าที่พูดคุยกับโค้ชเชเสียกำลังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอสมควร ตอนนี้ขอให้เป็นขั้นตอนการสอบสวน แต่หากโค้ชเชทำเกินกว่าเหตุคงจะต้องมีบทลงโทษเช่นกันตามกฏการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ สหพันธ์เทควันโดโลก เช่นเดียวกับนักกีฬาหากมีความผิดไม่เชื่อฟังผู้ฝึกสอนก็ต้องมีมาตรการเช่นเดียวกัน ตนคงพูดว่าโค้ชเชไม่ใช่โค้ชที่เก่งที่สุดในโลก แต่เป็นโค้ชที่เข้าใจและใส่ใจนักกีฬาอย่างจริงใจ สามารถสอบถามนักกีฬาทุกรุ่นได้

ขณะที่ "น้องเล็ก" ชนาธิป ซ้อนขำ ฮีโร่เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 เผยกรณีนี้ว่า ตอนแรกได้ยินข่าวก็ตกใจ ข่าวมันออกมาแรงมาก ที่ผ่านมาอยู่กับ โค้ช เช  ถ้ามีการทำผิด โค้ชจะเป็นคนทำโทษอยู่แล้ว เพราะเขาเข้มงวดมากกับเรื่องระเบียบวินัย ซึ่งตัวเองก็เคยถูกโค้ชเชทำโทษหนักแบบนี้มาก่อน แต่ก็รู้ดีว่า หากเราไม่ผิดโค้ชคงไม่ทำโทษอะไรเรา ที่สำคัญหากโค้ชไม่สนใจหรือใส่ใจจะไปคอยดูแลอะไรให้ ทุกอย่างอยากให้นักกีฬาได้ดีและประสบความสำเร็จ เนื่องจากมันเป็นระบบที่ใช้กันมานานแล้ว สำหรับความผิดพลาดของนักกีฬาที่เขาได้ย้ำไว้หนักหนาทั้งเรื่องระเบียบวินัย การทุ่มเทเอาใจใส่กับกีฬาที่ตัวเองรัก ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจโค้ชเช ที่พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องมาถูกกล่าวหาในเรื่องแบบนี้ และอยากให้เรื่องนี้ยุติเร็วที่สุด 

"โดยปกติโค้ชเชจะทำโทษนักกีฬากับรุ่นประชาชนก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างให้รุ่นเยาวชน แต่ในส่วนของน้องก้อยอาจจะเพิ่งเข้าแคมป์ทีมชาติในรุ่นประชาชน จึงไม่เคยชินกับการลงโทษต่างๆ ประกอบกับการแข่งขันในต่างประเทศไม่เหมือนกับในบ้านเรา การเตรียมตัวต้องพร้อมที่สุด ส่วนตัวเชื่อว่าโค้ชเชไม่เคยทำร้ายนักกีฬาด้วยความเกลียดชังเลย เล็กเองโดนทำโทษและท้ายที่สุดโค้ชเชจะเข้ามาปลอบใจและอธิบายว่าทำไปเพราะอะไร เขาบอกกับนักกีฬาทุกคนเสมอ "นักกีฬาเจ็บตัว แต่ตัวโค้ชเจ็บใจ และเจ็บปวดเสมอ" โค้ชเชรักนักกีฬาทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนเก่งหรือไม่เก่ง" ชนาธิป กล่าว

ด้าน "สอง" บุตรี เผือดผ่อง ฮีโร่เหรียญเงินโอลิมปิก เกมส์ 2008 ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ตนได้ทราบข่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก และมีโอกาสได้คุยกับ "ไอร์" เป็นเอก การะเกตุ (แฟนหนุ่ม) ที่ไปแข่งขันที่เกาหลีใต้ เขาก็ไม่ได้บอกอะไรมากนัก บอกแต่ว่า มีปัญหากันไม่ได้เล่าอะไรเยอะ ซึ่งเรื่องทำโทษ มันมีอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่กรณีนี้หนักเบามันอยู่ที่แต่ละคนจะคิด แต่ก็ไม่เคยโกธรโค้ช เพราะโค้ชหวังดีต่อนักกีฬา ที่สอง ประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการฝึกซ้อมที่หนัก และการสร้างวินัยในการเป็นนักกีฬาที่ดี ของโค้ช เช ซึ่งใครที่รู้จักโค้ช จะรู้ดีว่าโค้ชเป็นคนดี เป็นโค้ชที่ทำให้เทควันโดไทยมีผลงานอย่างมาก พวกเรายังรักและเคารพโค้ช เช ตลอด ตนอยากให้เรื่องนี้จบด้วยดี คุยกันได้ เพียงแต่เรามองต่างมุม ตนเข้าใจทั้งโค้ชและก้อย

น้องมิ้น เตะโสมซิวทอง เทควันโด โคเรีย โอเพ่น

 
ส่วนการแข่งขันเทควันโด "โคเรียลโอเพ่น 2014" เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ที่เมืองชองจู ประเทศเกาหลีใต้ เป็นการเก็บคะแนนสะสมในระดับ "จีทู" เพื่อเฟ้นหานักกีฬาไปโอลิมปิก เกมส์ ผู้ชนะเลิศจะได้ 20 คะแนน โดยสมาคมได้ส่งนักกีฬาไปร่วมชิงชัยมากถึง 20 คน ผลปรากฏว่า ในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 46 กิโลกรัม

"น้องมิ้น" น.ส.นภาพร จรณวัตร เจ้าของเหรียญเงินเยาวชนชิงแชมป์โลกปี 2014 ก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จเช่นกัน โดยรอบแรก ชนะ กานนาดา ชาราอ้า จากมองโกเลีย 12-0 คะแนน พอมารอบสอง ชนะ ดอง เหงียน ห่าง จากเวียดนาม 1-0 รอบรองชนะเลิศ ชนะ อานา แมนโนโทว่า จากรัสเซีย 7-5 ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ชนะ คิม จู ยัง จากเกาหลีใต้ 1-0 คะแนน คว้าทองไปครอง ทำให้รวมผลงานนักกีฬาไทย คว้ามาแล้ว 2 เหรียญทอง จาก "น้องเพชร" รัชนีกร สูนประหัด รุ่น 44 ก.ก. หญิง และน้องมิ้น กับอีก 3 เหรียญทองแดงได้แก่ "น้องจูน" รังสิญา นิสัยสม รุ่น 57 ก.ก.หญิง, "น้องปั๊บ" วิลาสินี ขำศรี รุ่น 46 ก.ก.หญิง และ "เจ้าข้าว" สิรวิชญ์ ปิยะจินดา รุ่น 51 ก.ก.ชาย