แม้บ๊อกซิ่ง เดย์ หรือวันแกะกล่องของขวัญ ที่จะมาถึงนี้ หลายคนบ่นว่าเป็นโปรแกรมสุดโหด เพราะต้องเตะหลายนัดภายในเวลาไม่กี่วัน แต่ดูเหมือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขามีผลงานช่วงเวลาพิเศษนี้โดดเด่นเหนือกว่าทีมอื่นหลายเท่า

จากสถิติพบว่า "ปีศาจแดง" เคยแพ้ในบ๊อกซิ่ง เดย์ เพียงหนเดียวเท่านั้นจาก 22 แมตช์ หรือตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีกขึ้นมาเมื่อปี 1992 โดยเป็นการพ่าย มิดเดิ้ลส์โบรช์ 1-3 เมื่อปี 2002 แต่มีสถิติคว้าชัย 86.4 เปอร์เซนต์ ฤดูกาลก่อนสามารถพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง 0-2 ใน 12 นาทีแรก จนกลับมาชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 3-2 การผ่านด่านโหดในช่วงนี้ได้อยู่เสมอ จึงทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด  คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากถึง 13 ครั้ง แบบไม่ต้องสงสัย

ขณะ อาร์เซน่อล มีผลงานช่วงบ๊อกซิ่ง เดย์ ดีเป็นอันดับ 2 เพราะชนะ 15 เสมอ 6 จาก 22 นัด คิดเป็น 68.2 เปอร์เซนต์ ถัดมาคือ ลิเวอร์พูล แต่พวกเขายังไม่เคยชนะในบ๊อกซิ่ง เดย์ อีกเลย นับตั้งแต่พ้นยุคกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ เมื่อปี 2010 สถานการณ์ของสโมสรช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะดี

ส่วน เอฟเวอร์ตัน ลงเตะมา 22 ปีกลับชนะได้แค่ 6 เสมออีก 7 นัดเท่านั้น ทางด้าน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มีสถิติคว้าชัยเพียงแค่ 20 เปอร์เซนต์ แต่ยังดีกว่า แอสตัน วิลล่า ซึ่งมีสถิติชนะ 13.6 เปอร์เซนต์ จากการลงสนาม 19 ครั้ง ซึ่งกลายเป็นทีมทำผลงานช่วงบ๊อกซิ่ง เดย์ ห่วยสุด ถึงแม้ เบิร์นลี่ย์, ฮัลล์ กับ สวอนซี ซิตี้ จะแพ้ทุกครั้งเมื่อลงเตะเกมพรีเมียร์ลีกในบ๊อกซิ่ง เดย์ แต่พวกเขามีจำนวนนัดที่ลงเตะน้อยกว่าเยอะ

สำหรับสถิติด้านนักเตะ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตหัวหอก ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือผู้ทำสกอร์ช่วงบ๊อกซิ่ง เดย์ มากที่สุด 8 ประตู ช่วงปี 1994-2004 เธียร์รี่ อองรี ตำนาน อาร์เซน่อล กับ ร็อบบี้ คีน กองหน้าชาวไอริช ยิงได้ 7 ประตู มากสุดอันดับ 2 เท่ากัน แต่หากเป็นยุคปัจจุบัน ที่ยิงเยอะสุด ต้องยกให้ ธีโอ วัลค็อตต์ กองหน้า อาร์เซน่อล ทำได้ 6 ประตู ฤดูกาลก่อนเหมา 2 ตุง ช่วยให้ "ปืนใหญ่" พลิกจากโดนนำ 0-1 กลับมาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 รองลงมาคือ แกเร็ธ แบร์รี่ มิดฟิลด์ เอฟเวอร์ตัน ซึ่ง 4 ใน 50 ประตูที่ยิงได้ตลอดชีวิต มาจากช่วงบ๊อกซิ่ง เดย์