กลายเป็นเรื่องที่ทำลายความน่าเชื่อถือของสโมสรที่ได้ชื่อว่าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ รายล่าสุด เมื่อตอนนี้หลายฝ่ายต่างได้รู้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลอกลวงทุกคนเรื่องสัญญา แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ นิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี

จอมทัพวัย 36 ปีเคยยอมรับว่าเขาไม่เคยคิดจะลงเล่นให้สโมสรอื่นใดในศึกพรีเมียร์ลีก นอกเหนือจาก เชลซี แต่ตอนนี้เขาเองมีสถานะเป็นนักเตะ "เรือใบสีฟ้า" และกำลังอยู่ตรงกลางระหว่างต้นสังกัดปัจจุบัน, สโมสรที่เคยสังกัด รวมถึงสโมสรที่ครั้งหนึ่งทุกคนเชื่อว่าเขาเคยย้ายไปสังกัด

ตอนนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ถูกบีบให้ออกมาชี้แจงว่าความจริงทั้งหมดคืออะไร และใครที่ควรต้องรับผิดชอบ หลังพรีเมียร์ลีกยืนยันว่า แลมพาร์ด เป็นนักเตะภายใต้สัญญาของ แมนฯ ซิตี้ ตั้งแต่ออกจากทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" ไม่เคยย้ายไปอยู่ นิวยอร์ก ซิตี้ ในเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ สหรัฐอเมริกา (เอ็มแอลเอส) ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ "เรือใบสีฟ้า" ด้วยสัญญา 2 ปี เหมือนอย่างที่ทุกคนเข้าใจตลอดมา ไม่มีการยืมตัวกลับมาเล่นในอังกฤษชั่วคราว เพราะกว่า นิวยอร์ก ซิตี้ จะได้เริ่มประเดิมซีซั่นแรก ก็ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม

ปัญหาคือทำไมไม่มีใครพูดความจริงตั้งแต่ต้น เหตุผลในการเลือกปิดมาถึงครึ่งปีคืออะไร มันน่าเจ็บใจที่ตอนแรก แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายออกแถลงเองเลยว่ายืมตัว แลมพาร์ด มาเล่นจนกระทั่งจบปี 2014 (6 สิงหาคม) ก่อนล่าสุดจะมาตอกย้ำได้ต่อสัญญายืมตัวไปอีก 6 เดือน หรืออยู่ร่วมงานกันต่อจนจบฤดูกาล 2014-15 มีใครรู้เห็นบ้าง ตอนนี้ แฟนบอล เชลซี จะรู้สึกอย่างไรกับ แลมพาร์ด และใครจะรับผิดชอบกับการที่ นิวยอร์ก ซิตี้ ใช้เขาเป็นเป้าโฆษณาขายเสื้อ ขายตั๋วไปแล้ว เพราะกองเชียร์เชื่อว่าซูเปอร์สตาร์ชาวอังกฤษ จะย้ายมาอยู่จริง

ล่าสุด แลมพาร์ด ซึ่งซัดไปแล้ว 5 ประตู ใน 15 นัด ช่วยให้ "เรือใบสีฟ้า" มีลุ้นป้องกันแชมป์ลีกอีกหนึ่งสมัย แถมรายการอื่นก็ลงเล่นครบ ทั้ง เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ รวมถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้สัมภาษณ์กับสื่อในประเทศว่า "ตอนแรกผมคุยกับ เฟร์ราน (โซเรียโน่, ประธานผู้บริหารของทั้ง แมนฯ ซิตี้ กับ นิวยอร์ก ซิตี้) ทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับ นิวยอร์ก ไม่มีใครพูดถึง แมนฯ ซิตี้ พูดจากใจจริง 5-6 เดือนก่อน ผมคิดว่าหลังกรำศึกมานาน มันคงจะดีถ้าได้หยุดพักบ้าง คิดด้วยว่าถ้าอยากให้ร่างกายฟิต ก็อาจไปฝึกซ้อมกับ เชลซี"

แต่คิดว่า แลมพาร์ด จะโง่ขนาดไม่รู้เลยหรือว่าสัญญาที่เขาเซ็นกับมือ และจะผูกพันไปด้วยอีกนาน ไม่ใช่ นิวยอร์ก ซิตี้ และถ้าต้องลงเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ ทำไมถึงไม่ออกมาโวยวายว่าถูกหลอกตั้งแต่ตอนนั้น เพราะการลงเตะพรีเมียร์ลีกกับสโมสรใหม่ ทำให้เขาต้องผิดคำพูดกับแฟนบอล เชลซี และมันก็ไม่ใช่การพักอย่างที่ต้องการ ที่แย่กว่าคือต่อมา แลมพาร์ด ยังยอมอยู่ต่อไปจนจบฤดูกาลด้วยซ้ำ ส่วน แมนฯ ซิตี้ หรือ โซเรียโน่ จนถึงตอนนี้ก็ไม่บอกว่าทำไมต้องหลอก แลมพาร์ด หรืออีกฝ่ายสมรู้ร่วมคิดกันแน่ และสนใจแฟนบอล นิวยอร์ก ซิตี้ ซึ่งเขาก็เป็นผู้บริหาร มากแค่ไหน

กองเชียร์ทีมที่ตั้งขึ้นใหม่อย่าง นิวยอร์ก ซิตี้ คงไม่ซื้อเสื้อ แลมพาร์ด เพื่อรอใส่เชียร์เขาเมื่อย้ายมาจริงๆ ซึ่งตอนนี้จะเกิดขึ้นหรือเปล่าไม่มีใครทราบ แย่กว่านั้นคือพวกที่ซื้อตั๋วไปแล้ว เพราะเขาอยากดูนักเตะรายนี้ในสนามของทีมตัวเอง ไม่ใช่ แมนฯ ซิตี้ น่าประหลาดใจด้วยว่าไม่มีการแต่งตั้งตัวแทนเพื่อเรียกค่าเสียหายจากผู้บริหาร หรือ แลมพาร์ด ตั้งแต่แรก ไม่มีใครยืนยันว่าสัญญา 2 ปีตอนนั้นหายไปไหนแล้ว และ นิวยอร์ก ซิตี้ จะมีมาตรการอย่างไร หรือคิดเรียกตัวนักเตะมาใช้งานจริงๆในช่วงที่เหลือ หรือฤดูกาลหน้าบ้างไหม เพราะมีสัญญากัน 2 ปีไม่ใช่เหรอ

         ถ้ากองเชียร์ นิวยอร์ก ซิตี้ หรือสปอนเซอร์ จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเรื่องนี้ แฟนบอลกับผู้บริหาร แมนฯ ซิตี้ จะรู้สึกอย่างไร มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือชาวชิลี กับเพื่อนร่วมทีม "เรือใบสีฟ้า" มีใครระแคะระคายเรื่องนี้ หรือมีส่วนรู้เห็นแล้วเงียบด้วยหรือเปล่า พรีเมียร์ลีก เองก็เสียหายจากการกระทำดังกล่าว เพราะมีผลต่อภาพลักษณ์ต่อองค์กรในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะชาวนิวยอร์ก ซึ่งอาจคิดว่าลีกเมืองผู้ดีสมรู้ร่วมคิดด้วย จึงทำเฉย หรือไม่มีการลงโทษ หากต้นสังกัดโดนลงโทษเพราะตัวเขา แลมพาร์ด จะรู้สึกอย่างไรบ้าง

         สำหรับแฟนบอล เชลซี บางส่วน คงทำใจยากกับการเห็นนักเตะที่อยู่กันมา 13 ฤดูกาล ช่วยให้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย เอฟเอ คัพ 4 สมัย รวมถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2011-12 และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2012-13 แถมยังเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล 211 ประตู ลงเล่นในลีกต่อเนื่อง 164 เกม กลายเป็นแบบนี้ ไม่นับว่าเขาคือคนยิงประตูช่วงท้ายเกมพรีเมียร์ลีก ทำให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ทำแต้มสำคัญหลุดมือไป 2 คะแนน เพราะเสมอกับทีมที่ลุ้นแชมป์ลีกด้วยกันอย่าง แมนฯ ซิตี้ 1-1 เมื่อเดือนกันยายน แม้ แลมพาร์ด จะไม่ทำท่าทางดีใจเมื่อยิงได้ก็ตาม