เมื่อช่วงเช้าวันนี้( 9 ก.พ. 2558) ที่สน.ทองหล่อ น.ส.สตาช่า หรือ "แอ๊ป" ด่านสิทธิเตโชดม อดีตนักร้อง-นางแบบชื่อดัง เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ศิริพงษ์ กิตติภิวัฒน์ ร้อยเวร สน.ทองหล่อ หลังถูกแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ และหญิงสาวคนหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ส่งข้อความทำลายชื่อเสียง ผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค หรือเฟซบุ๊ก เนื่องจากชายหนุ่มคนดังกล่าวถูก น.ส.สตาช่า บอกเลิก หลังจับได้ว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดย น.ส. สตาช่า เปิดเผยว่า ตนประกอบธุรกิจรับจัดอีเว้นท์ประมาน 3 ปีแล้ว รู้จักกับแฟนหนุ่มรายนี้ก่อนที่จะคบหาดูใจกัน ต่อมาประมาณกลางปี 2556 เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เวลาทะเลาะมีปากเสียง..แฟนหนุ่มมักใช้กำลังทำร้ายร่างกายตนอย่างรุนแรงถึง 6 ครั้ง ตนจึงหาสาเหตุถึงที่มาที่ไป กระทั่งมาทราบว่าแฟนหนุ่มแอบไปคบค้าสมาคมกับกลุ่มเพื่อนที่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดจึงเป็นที่มาของการเลิกรา “แอ๊ป” กล่าวต่อ ว่า สองเดือนต่อมาหลังจากเลิกรากัน แฟนหนุ่มชาวต่างชาติได้ติดต่อกลับมาหา บอกว่าขอโทษกับการกระทำที่ผ่านมา อยากกลับมาประเทศไทยด้วยความรักที่ยังมีให้กันอยู่ จึงกลับมาคบหากันอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นพฤติกรรมยังคงเหมือนเดิม สุดท้ายตนทนไม่ไหวจึงเลิกรากันอย่างชัดเจน หลังจากเลิกกันแล้ว แฟนหนุ่มกลับไม่จบ ตามส่งข้อความขู่ทำร้ายผ่านทางเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาว่า "ไม่จบในคุก ก็จบในโรงพยาบาล คุณจะเลือกอะไร" โดยส่งข้อความอาฆาตข่มขู่ตลอดมา นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวชาวไทยอีกคนที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของแฟนหนุ่มใช้ข้อความหมิ่นประมาท ข่มขู่ตน และครอบครัว พร้อมโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายทางธุรกิจให้กับตนอีกด้วย เบื้องต้นตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแนะนำให้ น.ส.สตาช่า เดินทางไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ให้เอาผิดคู่กรณีตามความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อไป

สำหรับวีรกรรมแฟนหนุ่มรายนี้ที่สร้างไว้กับอดีตนักร้องสาวโดยเคยถูกแจ้งความไว้ที่ สน.พระโขนงแล้วครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับคดีทำร้าย โดย แอ๊ป-สตาช่า หอบร่างกายที่บอบช้ำอย่างหนัก เข้าแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 57 ซึ่งวันนั้นเจ้าตัวถึงกับเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชนว่าถูกแฟนหนุ่มทำร้ายด้วยดัมเบล แถมยังถึงขั้นเอายานอนหลับ 40 เม็ดกรอกปาก ส่วนสาเหตุที่มาเลิกลากันอย่างเด็ดขาด ก็เพราะว่าฝ่ายชาย พยายามจะจับอดีตนักร้องสาวโยนลงจากระเบียงห้องตึกสูง โชคดีที่รปภ.มาช่วยไว้ทัน กระทั่งมาโดนราวีด้วยการส่งข้อความผ่านสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่องอีก.