มาร์ลอน แบรนโด นับว่าเป็นคู่เชยชู้และเป็นลูกผู้ชาย เพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เพราะเขาไม่เคย กินในที่ลับ ไขในที่แจ้ง เหมือนคนอื่น ที่ให้นักข่าวสัมภาษณ์เอาเธอมาประจานอย่างสนุกปาก เขาไม่เคยพูดถึงเธอในแง่ไม่ดี ตราบชั่วชีวิตของเขา

เมื่อมาริลีน อายุ 35 เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ขวนขวายหาความรัก เธอชื่นชอบดารายอดนิยมฝรั่งเศสแสนคลาสสิกคือ อีฟ มองตานด์ เมื่อได้แสดงคู่กันในหนังเรื่อง Let’s Make Love เธอเสนอ เขาก็สนองให้เธอชิมไส้กรอกฝรั่งเศส แล้วก็บอกเธอว่า เขายังรักภรรยาของเขาคือ ซิโมน ซิกนอเรท์ กับเธอเพียงแค่เล่นสนุกประสาคนทำงานบันเทิงร่วมกันเท่านั้น

แกรี่ แกรนท์ เล่นคู่กับเธอในหนังเรื่อง Monkey Bussiness มีโอกาสพาเธอขึ้นเตียง เมื่อได้ชิมรสกามของเธอแล้ว เขายังกลับมาพูดว่า "มันดีที่ทำให้ผมรู้ว่า ชีวิตแต่งงานกับเมียที่บ้านก็โอเคน่ะ" ซึ่งราวกับบ่งบอกว่า มาริลิน หมดเสน่ห์ในความหมายของราชินีกามารมณ์แห่งฮอลลีวู้ดแล้ว ทั้งเรือนร่างที่ถูกใช้มาอย่างโชกโชนและอายที่มากขึ้น มาริลีน มอนโร ถูกไล่ออกกลางคันเพราะเธอหมดสภาพ ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของเธอ Something’s Got To Give

ในคืนวันเสาร์หนึ่ง เธอกลืนยานอนหลับ ยากล่อมประสาททั้งขวด แล้วหลับโดยไม่ตื่นมาอีกเลย ปิดฉากชีวิต ทิ้งโลกมายาที่เธอแสดงทั้งชีวิตจริงและภาพยนตร์ในดินแดนฮอลลีวู้ด ที่เธอกล่าวไว้ว่า....เหมือนโรงกะหรี่ที่มีผู้คนยั้วเยี้ยไปหมด ในบางกระแสข่าวก็ว่า เธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย  แต่มีคนอื่นทำให้ตายแบบนั้น เพราะเธอออกอาการสติแตก พร้อมแฉความลับสัมพันธ์สวาทกับบุคคลที่ทรงอำนาจสูงสุดของสหรัฐอเมริกา จึงต้องถูกปิดปาก

วลีสุดท้าย ที่เธอฝากไว้ที่หัวเตียงก่อนตายคือ... "ฉันไม่อาจจะเติมเต็มในสิ่งที่คนอื่นต้องการเลยสักนิด"  หรือเธอพยายาม "ให้" ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ ตักตวงเอาจากเธอ แล้วโยนเธอผ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจในสิ่งที่เธอต้องการเลยสักนิด ภาพแห่งหญิงร่านสวาท คบชายไม่เลือก ขึ้นเตียงไม่เกี่ยงของเธอ บางที เธอเป็นหญิงที่ต้องการได้รับความรักตอบบ้างเท่านั้น

นี่คือปริศนาและมุมมองอันแตกต่าง กับภาพของ มาริลีน มอนโร