ผู้สื่อข่าวอาวุโสของเว็บไซต์วิดิโอเกมชื่อดังเชื่อว่า ผู้ผลิตเกมยักษ์ใหญ่ยังสามารถสร้างเกมฟุตบอลที่ดีและขายได้ โดยไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปพัวพันกับความอื้อฉาว

โอเวน เอส กูด ผู้สื่อข่าวอาวุโสของ Polygon เว็บไซต์วิดิโอเกมชื่อดังของสหรัฐอเมริกา เห็นว่า EA Sports ผู้ผลิตเกมยักษ์ใหญ่ ควรพิจารณาเลิกใช้ชื่อ FIFA มาเรียกชื่อแฟรนไชส์เกมฟุตบอลของตัวเองได้แล้ว

EA Sports จ่ายค่าลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ให้กับองค์กรลูกหนังโลกเพื่อใช้ชื่อ FIFA เป็นชื่อเกม รวมถึงการใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ของทัวร์นาเมนต์ที่จัดโดยฟีฟ่าอย่างฟุตบอลโลกแต่เพียงผู้เดียว เพื่อใช้เป็นจุดแข็งเหนือคู่แข่ง โดยความสัมพันธ์นี้ยาวนานมาตั้งแต่ปี 1993

แต่หลังจากเหตุอื้อฉาวชุดใหญ่ภายในวันเดียว ตั้งแต่การบุกจับกุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากโรงแรมหรูในซูริค, อัยการสวิสประกาศสืบสวนกรณีทุจริตฟอกเงินในฟีฟ่า ส่งเจ้าหน้าที่เข้ายึดเอกสารที่สำนักงานใหญ่ ตามด้วยแถลงการณ์จากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาว่าต้องการตัวเจ้าหน้าที่ระดับสูง 14 คนที่ข้องเกี่ยวกับกรณีคอร์รัปชันอันดำเนินมายาวนานถึง 24 ปี และยืนยันว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น กูดจึงคิดว่า อาจถึงเวลาที่เกมฟุตบอลดังคับโลกของ EA Sports ควรมีชื่อใหม่เสียที

"คิดดูมันก็ตลกดี FIFA ไม่ใช่ลีกหรืออะไร ถึงมันจะเป็นชื่อของวิดิโอเกมเหมือน NFL, NBA หรือ NHL ก็เถอะ จริง ๆ มันเป็นองค์กรคร่ำครึที่จัดทัวร์นาเมนต์ให้ทีมชาติทุกสี่ปี ไม่ใช่ทีมสโมสรอาชีพ นอกจากปีฟุตบอลโลกแล้ว การมีตัวตนของฟีฟ่าแทบไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวิดิโอเกมฟุตบอลของ EA Sports เลย" กูดระบุในบทวิเคราะห์ของเขา

กูดยังพูดถึง Pro Evolution Soccer (PES) หรือ Winning Eleven เกมคู่แข่งจาก Konami ว่าสามารถแข่งขันได้อย่างสูสีโดยไม่ได้มีลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์มากมายอย่างที่ FIFA มี

"(PES) ก็ทำได้ดีโดยไม่มีไลเซนส์ของ FIFA เวอร์ชันปีนี้ก็ทำระบบการเล่นออกมาดีกว่า FIFA 15 และ PES ก็เป็นเกมฟุตบอลที่ครองความนิยมเบ็ดเสร็จในยุค Playstation 2 เครื่องเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล EA Sports เอาชนะ PES ได้เพราะพวกเขาเกิดคิดอยากเอาชนะ PES อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพราะอยู่ ๆ ไปได้ความน่าเชื่อถืออะไรจาก FIFA มา FIFA เป็น Exclusive partner ของ EA มาตั้งแต่ปี 1993 แล้ว"

"ตอนนี้ EA มีสิทธิ์จะมองความสัมพันธ์นี้ว่าสร้างความเสียหายให้สินค้าของพวกเขา และยิ่งดูมันก็ยิ่งจะแย่ลง"

นอกจากธุรกิจวิดิโอเกม ปัจจุบัน EA Sports ยังเป็นผู้ดำเนินการเก็บสถิติอย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยอาศัยเทคโนโลยีและการนำเสนอที่พัฒนาต่อยอดจากการสร้างวิดิโอเกมมาใช้