ปรีวิวฟุตบอล ยูโรปา ลีก

(รอบชิงชนะเลิศ)
วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2559
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) - เซบีย่า (สเปน)
ถ่ายทอดสด : ทรูโฟร์ยู, บีอิน สปอร์ตส์ (เวลา 01.45 น.)

สนาม : เซนต์ ยาค็อบ พาร์ค (บาเซิ่ล , สวิตเซอร์แลนด์)

        ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เจ้าของแชมป์ ยูฟ่า คัพ 3 สมัย ทะยานมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาจาก ยูฟ่า คัพ

        ทีมหงส์แดงฝ่าด่าน บียาร์เรอัล มาในรอบรองชนะเลิศ ก่อนหน้านั้นก็ปราบทีมแกร่งทั้ง ดอร์ทมุนด์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้

        เกมพรีเมียร์ลีก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมหงส์แดงขนสำรองลงเล่นแบบยกแผงออกไปเสมอ เวสต์บรอมวิช 1-1

        ความพร้อมล่าสุด ดิว็อค โอริกี้ ลุ้นคืนสนามหลังร่วมเดินทางไปที่ บาเซิ่ล ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ลุ้นคืนตัวจริงเช่นกันหลังลงสำรองเคาะสนิมไปแล้วในเกมกับ เดอะ แบ็กกี้ส์

        รายของ มามาดู ซาโก้ ยังโดนแบนอยู่จากคดีใช้สารต้องห้าม ขณะที่ จอน ฟลานาแกน กับ แดนนี่ อิงส์ ไม่มีชื่อลงเล่นในรายการนี้

        สำหรับการจัดทีม คล็อปป์ จะขนเอาแข้งหลักที่พักไว้ในเกมลีกกลับมาคืนตัวจริงทั้งหมด

        ซิมง มิโญเล่ต์ รับหน้าที่ผู้รักษาประตู หลังบ้านวางใจ เดยัน ลอฟเรน ผนึกกำลังตรงกลางกับ โคโล ตูเร่ ขนาบข้างด้วย เนธาเนี่ยล ไคลน์ กับ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ที่จะดวลกับอดีตต้นสังกัดซึ่งเจ้าตัวเคยร่วมคว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2014

        แดนกลางส่ง เจมส์ มิลเนอร์ และ เอ็มเร่ ชาน ลงคุมเกมร่วมกัน แนวรุกจัด อดัม ลัลลาน่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ร่วมกันปั้นเกมรุกสนับสนุนหอกเป้า แดเนียล สเตอร์ริดจ์

        อูไน เอเมรี่ กุนซือเซบีย่า แชมป์เก่า ยูโรปา ลีก 2 สมัยซ้อน แล้วก็เป็นแชมป์รายการนี้มากที่สุดที่จำนวน 4 สมัย

        เซบีย่าพิชิตชัคตาร์ โดเนตส์ค มาในรอบที่แล้ว ก่อนหน้านั้นขย่ม บิลเบา ทีมแกร่งร่วมลีก มาเช่นกัน

        สภาพทีมล่าสุด เอเมรี่ เลือก 25 ผู้เล่นสำหรับการไปที่ บาเซิ่ล โดยไร้เงา ไมเคิ่ล โครห์น เดห์ลี ที่เจ็บสะบ้าหัวเข่ามาตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

        โดย เบโต้ กับ หลุยส์มี่ มีชื่อเดินทางไปด้วยแต่จะไม่ได้ลงเล่นเนื่องจากไม่มีชื่อในรายการนี้ ขณะที่ เบอนัวต์ เตรมูลินาส จะตามไปเป็นกำลังใจหลังผ่าตัดข้อเข่าใน บอร์กโดซ์ เช่นเดียว มาร์โก อันเดรโอลลี่ ที่เจ็บเอ็นร้อยหวายในเวลานี้

        ขณะที่ โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส กัปตันทีม เดินทางไปด้วยแม้สภาพร่างกายอาจยังไม่ฟิตเต็มถังหลังอยู่ในช่วงพักฟื้นจาก การผ่าตัดไส้ติ่ง โดยเจ้าตัวลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์นี้ 4 สมัยหลังเคยได้สมัยแรกกับ แอตเลติโก มาดริด เมื่อปี 2010

        ในส่วนของการจัดทีมจะเรียกเอาเสาหลักที่ได้พักในเกมลีกสุดสัปดาห์ กลับมาคืนตัวจริงกันยกก๊วน

        ดาบิด โซเรีย ที่เฝ้าประตูในรายการนี้มาตลอด ปักหลักตัวจริงต่อไป แนวรับจากขวาไปซ้ายเป็น มาเรียโน่ แฟร์เรยร่า, อาดิล รามี, ดาเนียล การ์รีโซ่ และ เซร์คิโอ เอสกูเดโร่

        เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค กับ สตีเว่น เอ็นซอนซี่ บัญชาเกมกลางสนาม แผงรุกวาง ฆอร์เค่ อันดูฆาร์ "โกเก้", เอเวร์ บาเนก้า และ บิคตอร์ มาชิน "บีโตโล่" สร้างสรรค์เกมรุกป้อน เควิน กาไมโร่ ที่กดไป 7 ประตูในรายการนี้

        สำหรับผู้ชนะนอกจากได้แชมป์ ยูโรปา ลีก แล้ว ยังจะได้สิทธิ์เข้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มทันทีในฤดูกาลหน้าด้วย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมงต์ มิโญเล่ต์ - เนธาเนียล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, โคโล่ ตูเร่, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - เจมส์ มิลเนอร์, เอ็มเร่ ชาน - อดัม ลัลลาน่า, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ - แดเนียล สเตอร์ริดจ์

        เซบีย่า (4-2-3-1) : ดาบิด โซเรีย - มาเรียโน่ แฟร์เรยร่า, อาดิล รามี, ดาเนียล การ์รีโซ่, เซร์คิโอ เอสกูเดโร่ - เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค, สตีเว่น เอ็นซอนซี่ - ฆอร์เค่ อันดูฆาร์ "โกเก้", เอเวร์ บาเนก้า, บิคตอร์ มาชิน "บีโตโล่" - เควิน กาไมโร่

        ผู้ตัดสิน : โยนาส อีริคส์สัน(สวีเดน)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกระหว่างสองทีมนี้
- เซบีย่าและลิเวอร์พูลต่างเป็นฝ่ายชนะใน ยูโรปา ลีก/ยูฟ่า คัพ ทุกครั้ง ที่เข้าชิง (4 และ 3 ครั้งตามลำดับ)
- ไม่มีทีมไหนที่คว้าแชมป์รายการนี้บ่อยเท่าทีมจากแคว้นอันดาลูเซีย
- นี่เป็นนัดชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปครั้งแรกของลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งพวกเขาเจอเอซี มิลาน ในถ้วยชปล. ก่อนพ่าย 1-2
- นั่เป็นการชิงชนะเลิศถ้วยยุโรป ครั้งที่ 12 ของลิเวอร์พูล หลังจากเข้าชิงชปล./ยูโรเปี้ยน คัพ 7 ครั้ง, ยูโรปา ลีก/ยูฟ่า คัพ 3 ครั้งและคัพ วินเนอร์ส คัพ อีก 1ครั้ง โดยคว้าแชมป์ทั้งหมด 8 ครั้งจากโอกาสดังกล่าว (73%)
- ลิเวอร์พูลชนะรวด 2 ครั้งที่เข้าชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปกับทีมจากสเปน โดยชนะ เรอัล มาดริด ในยูโรเปี้ยน คัพ 1981 และอลาเบส ในยูฟ่า คัพ 2001
- ลิเวอร์พูลแพ้แค่ครั้งเดียวจาก 14 เกมในยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ (ชนะ 6 เสมอ 7) โดยมาจากเกมกับบียาร์เรอัล ในรอบตัดเชือก นัดแรก (0-1)
- ลิเวอร์พูลไม่เคยยิงประตูเกิน 1 ลูก ในการเล่นนอกสนามแอนฟิลด์ ศึกยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้
- ลิเวอร์พูล ได้ประตูจากผู้เล่น 11 คนในยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ มากกว่าทุกทีม
- มีเพียงครั้งเดียวจาก 10 ครั้งหลัวสุด นัดชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก ที่ทีมซึ่งได้ประตูก่อนไม่ได้แชมป์ (ดนิโปร พบเซบีย่า ในปี 2015)
- เซบีย่าคว้าแชมป์ 4 จาก 10 ครั้งหลังสุดของยูโรปา ลีก และมีสิทธิ์เป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ 3 ปีซ้อน
- เซบีย่า เป็นทีมแรกที่ทำได้ที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก 3 ครั้งติดต่อกัน
- นอกจากนั้น สโมสรจากสเปนคว้าแชมป์รายการนี้ 7 จาก 12 ครั้งหลังสุด (เซบีย่า 4, แอต.มาดริด 2, บาเลนเซีย 1)
- เซบีย่าชนะ 3 จาก 8 เกมยุโรปที่พบทีมจากอังกฤษ (เสมอ 2 แพ้ 3) รวมถึงชัยชนะ 4-0 เหนือมิดเดิ้ลสโบรช์ ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ 2006
- เซบีย่าชนะ 13 จาก 18 เกมหลังสุดในยูโรปา ลีก (เสมอ 3 แพ้ 2)
- เซบีย่า เคยเล่นที่เซนต์ จาค็อบ มาแล้วเมื่อต้นฤดูกาลนี้ ในศึกยูโรปา ลีก ก่อนเสมอบาเซิ่ล 0-0 เดือนมีนาคม
- เควิน กาไมโร่ มีส่วนร่วมถึง 9 จาก 14 ประตูหลังสุดของเซบีย่า (ยิง 7 จ่าย 2) ในยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ รวมถึง 8 จาก 5 เกมหลังด้วย (6 ประตู 2 แอสซิสต์)
- เอ็มเร่ ชาน พยายาม (41) และทำสำเร็จ (34) ในการเข้าปะทะมากกว่าผู้เล่นรายอื่นในยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้
- เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลแพ้รวด 4 ครั้งหลังสุดในนัดชิงชนะเลิศ ทั้งจากการคุมดอร์ทมุนด์ (ชปล.2013 พบบาเยิร์น, เดเอฟเบ โพคาล 2014 พบบาเยิร์น, เดเอฟเบ โพคาล 2015 พบโวลฟ์สบวร์ก) และลิเวอร์พูล (ลีก คัพ 2016 พบแมนฯ ซิตี้)