นนทพร สุทธิพิบูลย์ ผู้สื่อข่าวสยามดารา ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษกับโค้ชทีมชาติไทย ขณะที่อดีตหัวหอกทีมชาติไทย พาครอบครัวทั้งภรรยา และลูกสาว ถวายความอาลัยที่พระบรมมหาราชวัง....

 
มาทุกวันเลยหรือเปล่า?
ซิโก้ : "มาส่งเสด็จทุกๆ วันเลยครับ วันนี้ก็พาครอบครัวมาด้วย เพราะว่าพวกเราทำงานถวายพระองค์ท่านตลอด แล้วภารกิจเราก็ยังไม่เสร็จพระองค์ท่าก็จากไปซะก่อน วันนี้พระองค์ท่านทรงมองดูพวกเราอยู่ ท่านคงมีความสุขที่เห็นพวกเรารักกัน ทำความดี แล้วผมก็อยากให้กำลังใจทุกคนด้วย ต่อไปถ้าพวกเรานำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ จริงๆแล้วเราไม่ต้องใช้คนอื่นมาช่วยเราหรอก ขอให้เรามั่นใจในความดี ถ้าเรามั่นใจในความดีที่พระองค์ท่านทรงทำมาป็นแบบอย่าง พวกเราก็อยู่รอดอยู่แล้ว อยู่พอเพียงต้องประมาณตนเอง เหมือนกับนักฟุตบอล ฟุตบอลเราเป็นเสืออาเซียนมาแล้ว เราต้องพยายามยอมรับความจริง เราต้องประมาณตน รู้จักตน ก็ต้องค่อยๆพัฒนา ตนไหนที่ทำหน้าที่ใดก็ต้องรู้จักประมาณตนเอง ถ้าทุกคนเชื่อมั่นในความดีของคนเอง ไม่ใช่รอ ไม่มีพระองค์ท่านแล้วประเทศชาติเราจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าเราเชื่อมั่นว่าเป็นคนดี ถ้าทุกคนเริ่มทำความดีด้วยกันประเทศชาติเราก็รอดอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาพวกเรารอให้พระองค์ท่านช่วยอย่างเดียว ฉะนั้นวันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราจะนำคำสั่งสอนของท่านมาใช้  อย่างเรื่องความเพียรเรื่องความมุมานะ"

จะมาอีกกี่วัน?
ซิโก้ : "จริงๆ แล้วพยายามจะมาทุกวัน พอนักบอลเข้าค่ายเก็บตัว ก็อาจจะต้องพามา จริงๆ พวกนักบอลก็สลับกันมาทุกวันอยู่แล้ว แม็ตช์ต่อไปที่กำลังจะแข่งคือวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้กับ ออสเตรเลีย พอทุกคนรู้ ก็มุ่งมั่นว่าจะเล่นเพื่อพ่อหลวงอย่างเดียว จะเล่นถวายพระองค์ท่าน"

ความรู้สึกวันที่ทราบข่าว?
ซิโก้ : "วันที่ทราบข่าว จริงๆ แล้วก็ไม่เชื่อ ทุกคนร้องไห้หมดไม่ว่าจะเป็นลูกหรือภรรยา เพราะลูกก็เรียนที่สวนจิตรลดา ก็รับส่งลูกๆ ทุกวัน เห็นพระองค์ท่านเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย พระองค์ท่านเป็นเกษตรกร ในบ้านท่านมีทุกอย่างเกษตรกรมี ก็เห็นมาตลอด  เสียใจอย่างที่สุดเหมือนกับทุกๆ คนอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกไป อยากให้ทุกคนทำความดีต่อไป วันนี้ถือว่าเป็นวันดี เด็กๆ วัยรุ่นปลายๆ คนอยากทำความดี ก็อยากให้ทำตั้งแต่วันนี้และต่อไป"

เคยรับใช้ท่านยังไงบ้าง?
ซิโก้ : "ก็มีโอกาสรับใช้พระองค์ท่านในฐานะนักกีฬา ตอนที่แข่งขัน เอเชี่ยน เกมส์ ตอนนั้นพระองค์ท่านยังแข็งแรง เราก็เข้าแถวแต่พยายามสอดหน้าไปมองพระองค์ท่าน ท่านเหมือนกับแสงสว่าง ไม่กล้ามองเพราะพระองค์ท่านเปล่งปลั่งเลย แล้วก็มีอีกครั้งนึง ตอนรอรับเสด็จ เพราะเป็นอาจารย์สอนฟุตบอลพิเศษอยู่ในโรงเรียนจิตรลดา ตอนนี้ทำภารกิจทีมชาติอยู่ก็จะเอาทีมสต๊าฟฟ์ไปช่วยสอนด้วย"

เคยมีรับสั่งกับซิโก้ไหม?
ซิโก้ : "คือตอน เอเชี่ยน เกมส์ ที่ได้เข้าเฝ้า พระองค์ท่านก็รับสั่งให้มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และเป็นมิตรกับนานาชาติ ไม่ได้เน้นผลการแข่งขัน จริงๆ แล้ว กีฬาเป็นส่วนนึง แต่มิตรภาพสำคัญที่สุด แต่วันนั้นที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ยิ่งกว่าได้เหรียญทองคือเหมือนชนะไปแล้ว"

หลังที่มาคุมทีมชาติไทย พระองค์ทรงตรัสอะไรบ้าง?
ซิโก้ : "เล่นทีมชาติมา 15 ปีแล้วมาป็นโค้ช รวมแล้ว 20 กว่าปี ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพระองค์ท่านจะทอดพระเนตรใกล้ชิดทุกแม็ตช์ จนเมื่อครั้งรายการ ซูซุกิ คัพ ล่าสุด พระองค์ท่านทอดพระเนตรแล้วตอนที่เราโดนนำอยู่ 2-0 พระองค์ก็ให้ราชเลขาส่งข้อความมา ซึ่งตอนนั้น ผมอยู่ในห้องพักนักกีฬา และเราโดนนำอยู่ ตรงนี้ทำให้น้องๆ นักฟุตบอลปลาบปลื้มมาก สุดท้ายเราแพ้ 3-2 แต่สกอร์รวมกลับมาชนะได้ นั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ซาบซึ้งว่าพ่อรักเรามาก ข้อความ 'เราดูอยู่นะ' ณ ตอนนั้นเรารู้สึกขนลุกเลย วันนี้ก็เลยอยากมาบอกพ่อว่า ภารกิจที่พวกเราทำให้พ่อยังไม่เสร็จ อยากให้พ่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยอีก 5 เกมที่เหลือ"

ทีมชาติจะมีพระบรมฉายาลักษณ์อยู่ด้วยตลอด?
ซิโก้ : "ใช่ครับ ก็ทำมาเป็นวัฒนธรรมอยู่แล้ว จะนำน้องๆ ร้องเพลงสดุดีมหาราชาก่อนอกรบเหมือนปลุกขวัญ ปลุกกำลังใจ และเอาพระบรมฉายาลักษณ์ไปด้วย และมีธงประจำพระองค์และธงไตรรงค์เหมือนว่าพระองค์ท่านเดินทางไปกับพวกเรา ด้วย เหมือนกับพระองค์ท่านไปแข่งกับพวกเราด้วย ทำให้มีกำลังใจ"

เหมือนเป็นศูนย์รวมจิตใจ?
ซิโก้ : "ศูนย์รวมจิตใจ ก็คือเป็นขวัญกำลังใจ"

วันนี้ปลุกกำลังใจลูกทีมยังไง?
ซิโก้ : "พ่อแม่พี่โก้เป็นราชการ เราเองก็เคยรับราชการตำตรวจ แต่วันนั้นเราต้องลาออกจากตำตรวจมาเป็นนักฟุตบอล เราก็เลยถวายตัวว่า ถึงเราเป็นนักฟุตบอลเราก็จะทำคุณให้แผ่นดิน แล้วก็จะบอกน้องๆ ว่า เราทำได้ ขอให้เราเป็นคนดี ขอให้เรารู้จักตัวเอง ขอให้เราทำอะไรก็ได้ที่เกิดประโยชน์กับสังคม ไม่เบียดเบียนสังคม ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน วันนี้ก็เห็นหลายคนที่จะกลับมามองตัวเองมากขึ้น พยายามบอกน้องๆ ว่า คุณเป็นนักฟุตบอล พยายามมทดแทนคุณแผ่นดิน ทดแทนคุณพ่อหลวงของพวกเรา"

เป้าหมายที่ตั้งไว้ ณ จุดนี้?
ซิโก้ : "พี่ตั้งใจที่จะนำทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกให้ได้  แต่ก่อนอื่นเราต้องไปฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลกรุ่นอย่าง 17-20 ปี ให้ได้ก่อน  แล้วค่อยชุดใหญ่ เราต้องก้าวไปทีละสเต็ป"

แม็ตช์ล่าสุดที่บอบช้ำกลับมา มีการให้กำลังใจลูกทีมอย่างไรบ้าง?
ซิโก้ : "เดี๋ยวเราจะไปเข้าแค้มป์เก็บตัวกัน ตอนที่โทรไปแจ้งน้องๆ พี่โก้ถามว่าพร้อมจะมาไหม ทุกคนบอกมาครับ พี่ถามว่ามาทำอะไร น้องๆ บอกว่ามาเอา 3 แต้มให้พ่อหลวง แค่ต้องการคำนี้แหละ น้องๆ บอกแพ้ชนะไม่รู้ แต่จะวิ่งสู้เพื่อแฟนบอลชาวไทย เพื่อในหลวง ถึงแม้วันนี้พ่อหลวงจะไม่อยู่แล้ว แต่พวกเรายังต้องการทำให้คนไทยมีความสุข และเมื่อคนไทยมีความสุข พ่อหลวงบนสวรรค์ก็ต้องมีความสุขด้วย"