ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2559

บอร์นมัธ 4-3 ลิเวอร์พูล

สนาม : ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม

          รองจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ต้องการชัยชนะเพื่อกลับไปตามผู้นำ เชลซี ให้เหลือคะแนนเดียวอีกครั้ง

          บอร์นมัธ ปรับจุดเดียวส่ง แจ็ค วิลเชียร์ กลับมาคุมแดนกลาง แล้วขยับ อดัม สมิธ ลงยืนแบ็กซ้ายจำเป็น ถอด แบร๊ด สมิธ ออกไปนั่งสำรอง

          ฝั่ง ลิเวอร์พูล ได้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ฟิตลงยืนแนวรุกร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ และ ดีว็อค โอรีกี ส่วนแนวรับขาด โจเอล มาติป ต้องส่ง ลูคัส เลว่า ยืนเซนเตอร์แทน

          ผ่านไป 11 นาที หงส์แดง น่าได้ประตูนำสุดๆ ไคลน์ ลุยขึ้นมาทางขวา ผ่านเรียดไปหน้าประตู โอรีกี แหย่เท้าขวาจะจิ้มบอลจากระยะ 3 หลา แต่ไม่โดน

          ถึงนาที 20 ทีมเยือนก็ออกนำ 1-0 จนได้ ชาน ตักโด่งขึ้นหน้าให้ มาเน่ สปีดแซง อาเก้ เข้าไปจิ้มด้วยขวานิดเดียวผ่านตัว โบรุก กลิ้งเข้าไปซุกก้นตาข่าย กลายเป็นประตูที่ 7 ของ มาเน่ ในลีกแล้ว

          2 นาทีถัดมา ลิเวอร์พูล หนีห่าง 2-0 มาเน่ ฉกบอลได้แล้ว เฮนเดอร์สัน ทิ่มขึ้นหน้า โอรีกี หลุดขึ้นไปทางขวาลากหนี โบรุก ที่ออกมานอกเขต ก่อนที่ โอรีกี ยิงด้วยขวามุมแคบจากริมกรอบโทษด้านขวาเข้าสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ อย่างแม่นยำ เป็นการยิง 3 นัดติดในทุกถ้วยของกองหน้าเบลเยียมแล้ว

          นาที 37 บอร์นมัธ น่าได้ประตูไล่ขึ้นมาบ้าง คิง หักจากขวาเข้ากลางจะให้ วิลสัน ชาร์จหน้าประตู แต่บอลไปติด คาริอุส แล้วโดนเพื่อนออกหลังหวุดหวิด จบครึ่งแรก หงส์แดง นำ 2-0

         ครึ่งหลังบอร์นมัธขยับเปลี่ยนตัวคนแรก โดยส่งจอร์ดอน ไอบ์ อดีตนักเตะลิเวอร์พูลลงมาเจอกับทีมเก่า โดยลงมาเล่นแทนโจชัว คิง

         เข้าสู่นาทีที่ 56 บอร์นมัธ ได้จุดโทษ จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ ไปเกี่ยวไรอัน เฟรเซอร์ ที่ลงมาเป็นสำรองล้มในเขตโทษ ก่อนเป็น คัลลั่ม วิลสัน  รับหน้าที่ยิงด้วยขวาเสียบมุมซ้ายมือเข้าไป ขณะที่คาริอุส พุ่งไปคนละทาง บอร์นมัธไล่มา 1-2

         แต่นาทีที่ 64 ลิเวอร์พูลหนีห่างอีกครั้ง 3-1 เมื่อซาดิโอ มาเน่ กระชากพาบอลมาทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนไหลมาหน้ากรอบเขตโทษ เอ็มเร่ ชาน วิ่งมากดด้วยขวาเต็มๆ บอลพุ่งโค้งเสียบเสาแรกอย่างงดงาม

         เกมกลับมาสนุกอีกครั้ง เมื่อบอร์นมัธไล่เป็น 2-3 ในนาทีที่ 76 ไรอัน เฟรเซอร์ เก็บบอลได้ในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงด้วยขวาบอลพุ่งต่ำ บอลพุ่งแหวกแนวรับหงส์แดง ก่อนผ่านมือคาริอุสตุงตาข่าย

         เท่านั้นยังไม่พอ 3นาทีต่อมา เจ้าถิ่นตีเสมอ 3-3 แบบสุดช็อก ไรอัน เฟรเซอร์ ครอสบอลจากขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษ สตีฟ คุ้ก เกี่ยวบอลลงก่อนกดด้วยขวาเสียบเสาสุดสวย

         ช่วงทดเจ็บบอร์นมัธสร้างปาฏิหาริย์แซงนำ 4-3 สตีฟ คุ้ก ยิงไกลแบบเต็มแรง ลอริส คาริอุส เซฟได้แต่บอลปลิ้นไปเข้าทาง นาธาน อาเก้  ตามมาซ้ำจังหวะแรกยังติด แต่ยังตามมาซ้ำอีกทีเข้าไป

         หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม บอร์นมัธ พลิกแซงชนะ ลิเวอร์พูล 4-3 เก็บสามคะแนนเต็มได้อย่างสุดยอด ส่วนลิเวอร์พูล หยุดสถิติไม่แพ้ใครในทุกรายการไว้เพียง 15 เกม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

บอร์นมัธ   :  อาร์เทอร์ โบรุก, ไซม่อน ฟรานซิส, สตีฟ คุ้ก นาธาน อาเก้, อดัม สมิธ, แดน กอสลิ่ง, แฮร์รี่ อาร์เทอร์,โจชัว คิง(จอร์ดอน ไอบ์ น.46), แจ็ค วิลเชียร์, จูเนียร์ สตานิสลาส, คัลลั่ม วิลสัน

สำรอง: อดัม เฟเดริชี่, ไทรอน มิงส์, ไรอัน เฟรเซอร์, แบรด สมิธ, มาร์ค พิวจ์, จอร์ดอน ไอบ์, เบนิก อโฟเบ้

ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส, เนธาเนียล ไคลน์, ลูคัส เลว่า, เดยัน ลอฟเรน, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน,ซาดิโอ มาเน่, ดิว็อค โอริกี้, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

สำรอง: ซิมง มิโญเล่ต์, เทรนท์ อาร์โนลด์, รักนาร์ คลาวาน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, โอเวีย เอจาเรีย, เบน วู้ดเบิร์น, อดัม ลัลลาน่า

ผู้ตัดสิน : โรเบิร์ต แม็ดลี่ย์