ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ หนังสือพิมพ์ในประเทศอังกฤษ เผยบทวิเคราะห์เหตุผลว่าทำไม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จากที่ฟอร์มร้อนแรงช่วงต้นซีซั่น กลับมาฟอร์มแกว่งอย่างน่าใจหาย และล่าสุดได้ตกรอบ ถ้วยลีกคัพไปเรียบร้อยแล้ว เมื่องกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

นี่คือเหตุผลที่ ลิเวอร์พูลเอ็คโค่วิเคราะห์ออกมา จะตรงใจแฟนหงส์แดงหรือไม่ไปดูกัน

1 สไตล์หงส์แดงคือใช้พลังสูง และตอนนี้นักเตะเริ่มหมด

สไตล์การเล่นของเจอร์เก้น คล็อปป์ คือการเพรสซิ่งเต็มรูปแบบ รวมถึงใช้แผนเกเก้นเพรสซิ่ง นั่นทำให้ต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล ในแต่ละแมตช์

เราจะเห็นได้ว่า ลิเวอร์พูลมีปริมาณการวิ่งของผู้เล่นมากกว่าทีมอื่นเสมอ ซึ่งสไตล์การเล่นแบบนี้ ดูสนุก และมีประสิทธิภาพมาก แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ การใช้พลังงานของนักเตะในแต่ละแมตช์

นี่คือซีซั่นแรก คือผู้เล่นลิเวอร์พูลสัมผัสกับสไตล์ของคล็อปป์เต็มรูปแบบ นักเตะบางคน มีความฟิตแค่ไหนระดับหนึ่งเท่านั้น จึงยืนระยะได้แค่ช่วงต้นฤดูกาล พอเข้าครึ่งหลังของซีซั่นก็เริ่มหมด และเล่นไม่เหมือนเดิม

2 คีย์แมนบาดเจ็บ ไม่ค่อยมีช่วงที่ฟิตพร้อมกันทั้งทีม

เฟลิเป้ คูตินโญ่ เจ็บ 2 เดือนกว่าจะหายกลับมาได้ ซึ่งระหว่างนั้นลิเวอร์พูลก็เสียแต้มสำคัญไปมากมาย , โจเอล มาติป เป็นแกนหลักของทีมช่วงออกสตาร์ต แต่ก็มาเจ็บ จนคล็อปป์ต้องส่งรักนาร์ คลาวานลงเล่นแทน และก็ได้เห็นว่าแทนกันไม่ได้

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม มีช่วงที่เจ็บและต้องพ้กไปหลายเกม นั่นให้คล็อปป์ต้องใช้ จินี่ ไวจ์นัลดุม กับ เอ็มเร่ ชานยืนด้วยกัน แต่ก็ชัดเจนว่า สองคนนี้ประสานงานกันในแดนกลางไม่เวิร์ก

ล่าสุด นาธาเนียล ไคลน์ ฟูลแบ็กตัวหลักเจ็บไปอีก และต้องใช้ดาวรุ่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งก็มีอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น

หากเทียบกับทีมอื่นๆ ตัวหลักไม่ค่อยเจ็บกันมากนักในซีซั่นนี้ แมนฯยูไนเต็ด ใช้งานอิบราฮิโมวิช และป็อกบาได้ตลอด เช่นเดียวกับเชลซี ที่คอสต้า กับ อาซาร์ สมบูรณ์พร้อมแทบทุกเกม

3 ซาดิโอ มาเน่ ไม่อยู่

นักเตะคนเดียวจะทำให้ทีมดร็อปลงได้ขนาดนั้นจริงๆหรือ ?

คำตอบคือ ใช่ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะเกมรุกของลิเวอร์พูล ใช้ความเร็วในการโจมตี ซึ่งซาดิโอ มาเน่ เป็นคีย์แมนที่เข้ากับแผน เขามีความเร็ว ยิงเองได้ดี จ่ายบอลได้แม่น และที่สำคัญคือเล่นไม่ฝืน

พอมาเน่อยู่ ทำให้ดันโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ไปเล่นกองหน้าตัวเป้าได้ ซึ่งก็ชัดเจนว่า ฟีร์มีโน่ ยิงประตูได้ต่อเนื่อง ในช่วงที่มาเน่ ลงสนาม แต่พอมาเน่ไม่อยู่ หงส์แดต้องถอยฟีร์มีโน่ลงมา และใช้กองหน้าคนอื่นอย่างดิว็อค โอริกี้ หรือแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ยืนเป็นตัวจริงแทน แต่สองคนหลัง ก็ทำผลงานได้ไม่เวิร์ก

มาเน่ จะกลับมาได้ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งกว่าเขาจะกลับมา ลิเวอร์พูลอาจตกรอบหมดทุกถ้วย และอาจหลุดจากท็อปโฟร์ไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ ใครจะรู้

4 ตัวสำรองอ่อนชั้นเกินไป

ในขณะที่ม้านั่งสำรองของเชลซี มีนักเตะระดับวิลเลี่ยน สตาร์ทีมชาตบราซิล , เชส ฟาเบรกาส กองกลางสเปน และ แบทชัวยี่ หัวหอกดาวรุ่งทีมชาติเบลเยี่ยม รอคอยโอกาสอยู่ กลุ่มตัวสำรองของลิเวอร์พูลกลับมีแต่ดาวรุ่ง และนักเตะที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเกมได้

เบน วู้ดเบิร์น ดาวเตะวัย 17 อาจมีอนาคตกับหงส์แดงในอีก 3-4 ปีข้างหน้า แต่ในตอนนี้ เขาก็แค่ดาวรุ่ง ที่ยังไม่สามารถแบกรับอะไรได้ , ลูคัส เลย์ว่า ก็เป็นสำรองอดทน พลิกเกมอะไรไม่ได้ ดาวรุ่งอย่าง โอเวีย โอจาเรีย ก็มีแวว แต่กับเกมของทีมชุดใหญ่มันเป็นอีกเลเวลเลย

11 ตัวจริงของลิเวอร์พูล อาจแข็งแกร่งมาก และสู้กับใครก็ได้ แต่พอมาวัดตัวสำรอง พวกเขาด้อยกว่าทันที และสำรองที่ลงสนาม ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนให้คู่แข่งเจาะได้เมื่อนั้น

5 ดวงแตก

แม้จะเป็นเหมือนเรื่องโชคลาง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หงส์แดงไม่ค่อยมีดวงนักในซีซั่นนี้ หลายๆจังหวะไม่ค่อยเป็นใจให้พวกเขา และเสียประโยชน์จากการตัดสินหลายครั้ง

ตัวอย่างเช่น ประตูตีเสมอที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ของแมนฯยูไนเต็ด จุดเริ่มต้นมันล้ำหน้าก่อนแล้ว แต่ไลน์แมนก็ไม่ได้ยกธง ส่งผลให้เสียประตู รวมถึงเกมกับซันเดอร์แลนด์ที่มาเสียจุดโทษ  2  ลูกซ้อนๆ แถมไม่ได้จุดโทษอีกต่างหาก  และล่าสุดในเกมกับเซาธ์แฮมป์ตัน จังหวะที่โอริกี้โดนเสียบก็น่าจะเป็นจุดโทษ แต่พอไม่ได้ จังหวะต่อมาก็โดนทีมนักบุญสวนกลับและยิงประตูได้ทันที

บางทีถ้าหงส์แดงมีโชคมากกว่านี้สักเล็กน้อย คะแนนในตาราง อาจจะไม่อยู่แค่อันดับ 4 เหมือนในปัจจุบันก็ได้