ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เรือส่อพักกุน!ใช้ซาเน่ลงลุ้นกระซวกซ้ำถิ่นโมนาโก

เรือส่อพักกุน!ใช้ซาเน่ลงลุ้นกระซวกซ้ำถิ่นโมนาโก

Posted 15/03/2017 by siamsport

 
"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจพัก เซร์คิโอ อเกวโร่ โดยเตรียมส่ง ลีรอย ซาเน่ ลุ้นปิดสกอร์ย้ำชัย เกมบุกถิ่น โมนาโก ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่2) คืนวันพุธที่ 15 มี.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ตส์ 1(เวลา 02.45 น.)

ปรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2)

วันพุธที่ 15 มีนาคม 2560

โมนาโก (ฝรั่งเศส) - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)

(ผลนัดแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 5-3)

ถ่ายทอดสด
: บีอิน สปอร์ตส์ 1 (เวลา 02.45 น.)


สนาม : สต๊าด หลุยส์ II (โมนาโก, ฝรั่งเศส)

        อาแอส โมนาโก จ่าฝูงลีก เอิง ฝรั่งเศส จะเปิด สต๊าด หลุยส์ II ทางตอนใต้ รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 หลังจากนัดแรก เรือใบสีฟ้า เปิดซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม ชนะ 5-3 เมื่อคืนวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์

        เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสวัย 42 ปีของโมนาโก นำทีมไม่แพ้ 4 เกมติดต่อกัน โดยไม่แพ้ในลีก เอิง 11 เกมติดต่อกัน  (ชนะ 9 เสมอ 2) อีกทั้งทีมยิงไปแล้ว 123 ประตู จากการลงสนาม 46 นัด ทุกรายการในฤดูกาลนี้

        ส่วน ชาร์ดิม คุมทีมไปแล้ว 105 นัดในลีก เอิง หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นเทรนเนอร์ โมนาโก เมื่อเดือนมิถุนายน 2014 และ เขาคุมทีมโมนาโก 152 นัดในทุกรายการ

        ผลงานล่าสุด โมนาโก เปิดบ้านสยบ บอร์กโดซ์ 2-1 ในลีก เอิง นัดที่ 29 เมื่อวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม

        เวลานี้ โมนาโก รั้งจ่าฝูงลีก เอิง มี 68 คะแนน จากการลงสนาม 29 นัด มีแต้มมากกว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์เก่า และ รองจ่าฝูง 3 คะแนน และ มากกว่า นีซ ทีมอันดับ 3 ถึง 5 คะแนน

        สำหรับนัดนี้ทีมได้ เชแมร์ซอน เซนเตอร์แบ็กบราซิลวัย 24 ปี พ้นโทษแบน 1 นัด พร้อมกับที่ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ มิดฟิลด์ตัวรับที่ได้พักด้วยการเป็นตัวสำรองนัดล่าสุด จะกลับมาลงตัวจริง

        ราดาเมล ฟัลเกา กองหน้าโคลอมเบีย กัปตันทีม หายเจ็บสะโพกขวา ที่เกิดขึ้นระหว่างลงเล่นเป็นตัวสำรองเกมชนะ บอร์กโดซ์ กลับมาลงตัวจริง ซึ่งเขายิงไปแล้ว 15 ประตู ในการเล่น 17 นัดหลังสุดในทุกรายการ กับสโมสร    

        แต่ในรายของ คามิล กลิค เซนเตอร์แบ็กโปแลนด์ติดโทษแบน 1 นัด โดยอัตโนมัติ หลังจากสะสมใบเหลืองครบตามโควตา

        ทีมขาด กีโด้ คาร์รีโญ่ กองหน้าอาร์เจนติน่า บาดเจ็บโคนขาหนีบ เข้ารับการผ่าตัดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาจะพักนาน 5 - 6 สัปดาห์, กาเบรียล บอสชิเลีย ปีกซ้ายบราซิลวัย 20 ปี บาดเจ็บหนักที่เอ็นหัวเข่าขวา พักแข้งนาน 6 เดือน, ปิแอร์ เอ็นแก็งด้า กองหลังวัย 20 ปี บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา

        "จอร์จ" แบ็กซ้ายทีมชาติบราซิลวัย 20 ปี ที่ย้ายมาจาก ฟลาเมงโก้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในราคาค่าตัว 8.5 ล้านยูโร มีชื่ออยู่ในกลุ่ม

        นัดนี้ เขาจะใช้แผนการเล่นระบบ 4-4-2 อันเดรีย ร้าจจี้ จะเล่นเซนเตอร์แบ็กแทน กลิค ที่ติดโทษแบน และกองหน้านำโดย ฟัลเกา กับ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ หัวหอกวัย 18 ปีที่กำลังท็อปฟอร์ม  

 

        แมนฯ ซิตี้ ของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า บุกชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ 2-0 มุ่งหน้าสู่รอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ส่วนในลีกทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอ สโต๊ค ซิตี้ 0-0 เลยอยู่อันดับ 3 มี 56 คะแนนเท่า สเปอร์ส แต่ลูกได้-เสียเป็นรอง

        สภาพทีมล่าสุด ไม่มีปัญหานักเตะเดี้ยงเพิ่มเติมนอกจาก กาเบรียล เชซุส กองหน้าบราซิล (เท้า) กับ อิลคาย กุนโดกัน (เท้า) ที่บาดเจ็บพักรักษาตัวไปยาวๆ

        ด้าน แว็งซ็องต์ ก็องปานี สลัดเดี้ยงร่วมเดินทางไปในเกมกับ โบโร่ ด้วยแต่ถูกหั่นจากโผ 18 รายชื่อสุดท้าย เตรียมเป็นตัวเลือกกลางสัปดาห์นี้แน่นอนหลังลงซ้อมเรียกฟิตต่อเนื่อง

        การจัดทัพ วิลลี่ กาบาเยโร่ เตรียมกลับมาเฝ้าประตูเป็นตัวจริง แนวรับเลือก จอห์น สโตนส์ จับคู่กับ อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ แบ็กขวา-ซ้ายเป็น บาการี่ ซาญ่า กับ กาแอล กลิชี่

        แดนกลางส่ง แฟร์นันดินโญ่ ที่ได้พักเต็มๆ เมื่อสุดสัปดาห์ เตรียมกลับมาเป็นตัวจริง ขนาบด้วย ยาย่า ตูเร่ กับ ดาบิด ซิลบา

        แดนหน้าอาจพัก เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่เป็นตัวจริงตลอด 6 เกมหลังสุด เนื่องจาก กวาร์ดิโอล่า หมุนเวียนผู้เล่นตัวหลักตลอดหลายสัปดาห์หลัง โดยน่าจะเก็บไว้รอเล่นเกมกับ ลิเวอร์พูล ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

        ถ้าเป็นเช่นนั้น เควิน เดอ บรอยน์ จะถูกดันขึ้นไปยืนหน้าเป้า ตัวรุกริมเส้นเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง กับ ลีรอย ซาเน่

 

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        โมนาโก : ดานิเยล ซูบาซิช - ฌิบริล ซิดิเบ้, อันเดรีย ร้าจจี้, เชแมร์ซอน, เบนฌาแม็ง เมนดี้ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฟาบินโญ่, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้,โตมาส์ เลอมาร์ - คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, ราดาเมล ฟัลเกา (กัปตันทีม)

        แมนฯ ซิตี้ : วิ ลลี่ กาบาเยโร่ - บาการี่ ซาญ่า, จอห์น สโตนส์, อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ, กาแอล กลิชี่ - ยาย่า ตูเร่, แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา - ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์ (เซร์คิโอ อเกวโร่), ลีรอย ซาเน่

        ผู้ตัดสิน : จานลูก้า ร็อคคี่ (อิตาลี)


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- แมนฯ ซิตี้ ชนะ 5-3 ในเลกแรกที่เจอกัน และเป็นเกมแรกที่คู่นี้เจอกันในเกมอย่างเป็นทางการด้วย
- 11 จาก 13 ครั้งก่อนหน้านี้ที่ทีมที่ยิงอย่างน้อย 4 ประตูในบ้าน เลกแรก ชปล. รอบน็อกเอาต์ เป็นฝ่ายเข้ารอบ อย่างไรก็ตาม 1 ใน 2 ครั้งของทีมที่ตกรอบจากเงื่อนไขดังกล่าวคือ เรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2003-04 ที่พบโมนาโก ในรอบก่อนรองชนะเลิศ
- อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ มี 20 ครั้งที่มีทีมยิงได้อย่างน้อย 3 ประตู ในเลกแรก นอกบ้าน ชปล. รอบน็อกเอาต์ และทั้งหมดผ่านเข้ารอบ
- แมนฯ ซิตี้ ไม่เคยแพ้ต่อคู่แข่งจากฝรั่งเศสในถ้วยยุโรป (ชนะ 2 เสมอ 2)
- ขณะเดียวกัน โมนาโก เป็นฝ่ายเข้ารอบตลอด 3 ครั้งที่พบสโมสรอังกฤษในรอบน็อกเอาต์ ชปล. (พบแมนฯ ยูไนเต็ด 1997-98, เชลซี 2003-04, อาร์เซน่อล 2014-15)
- โมนาโกคว้าแชมป์กลุ่มตลอด 4 ครั้งที่เล่นชปล. นับตั้งแต่ปรับรูปแบบใหม่ (2003-04, 2004-05, 2014-15, 2016-17)
- โมนาโกแพ้ 6 จาก 8 เกมหลังสุด รอบน็อกเอาต์ ชปล. (ชนะ 1 เสมอ 1) โดยชัยชนะนัดเดียวในช่วงดังกล่าว เกิดขึ้นที่ลอนดอน เกมกับอาร์เซน่อล (3-1 เมื่อกุมภาพันธ์ 2015)
- มี 10 ใบเหลืองจากเกมแรกที่คู่นี้เจอกันที่เอติฮัด สเตเดี้ยม มากที่สุดในเกมชปล. ฤดูกาลนี้
- แมนฯ ซิตี้และโมนาโกต่างทำคลีนชีตได้แค่ครั้งเดียว ในชปล. ฤดูกาลนี้ มีเพียง เรอัล มาดริด ที่ทำได้น้อยกว่า (0) ในบรรดาสโมสรที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย (นาโปลี 1 ครั้งเช่นกัน)
- แมนฯ ซิตี้ ป้องกันจุดโทษได้ตลอด 5 ครั้งหลังสุดในชปล. (2 ครั้งจากกาบาเยโร่, 3 ครั้งจาก โจ ฮาร์ท)
- มีเพียง 3 ราย (เมสซี่ 10, คาวานี่ 7 และเลวานดอฟสกี้ 6) ที่ยิงประตูในชปล.ฤดูกาลมากกว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" (5) โดยกองหน้าแมนฯ ซิตี้มีค่าเฉลี่ยยิงประตูทุก 90 นาที
- ราฮีม สเตอร์ลิง มีส่วนร่วม 10 ประตูจาก 9 เกมชปล.หลังสุดที่เป็นตัวจริง (5 ประตู, 5 แอสซิสต์)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »