ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก คืออะไร เปลี่ยนทำไม อธิบายแบบคลิกเดียวเคลียร์

ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก คืออะไร เปลี่ยนทำไม อธิบายแบบคลิกเดียวเคลียร์

Posted 25/01/2018 by siamsport

ในวันนี้ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ สร้างระบบอุ่นเครื่องใหม่ขึ้นมา คือ ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก

ในวันนี้ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ สร้างระบบอุ่นเครื่องใหม่ขึ้นมา คือ ยูโร เนชั่นส์ลีก

ระบบนี้สร้างขึ้นเพื่ออะไร และมีประโยชน์ตรงไหน ที่สำคัญ มันสร้างความเปลี่ยนแปลงใด กับระบบฟุตบอลทีมชาติบ้าง เราจะไปอธิบายกันอย่างละเอียด ให้เข้าใจกันอย่างชัดเจน

1) มีขึ้นเพื่ออะไร

ยูฟ่า ต้องการทดลองระบบใหม่ จะนำเอาช่วงโปรแกรมทีมชาติ ที่เคยไม่มีความหมาย ปรับมาทำให้สนุกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น โดยมีระบบการคิดคะแนน และสิทธิเข้ารอบ ยูโร 2020 แบบอัตโนมัติ เอามาล่อใจ

2) แบ่งกลุ่มอย่างไร 1

ชาติสมาชิกยูฟ่าทั้ง 55 ชาติ จะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ โดยวัดจากค่าสัมประสิทธิ์ นั่นเท่ากับว่า ทุกชาติจะเจอกับทีมในเกรดเดียวกัน

 ลีก A (ทีมสัมประสิทธิ์ดีสุดของยุโรป)  มี 12 ทีม
 ลีก B (สัมประสิทธิ์รองลงมา) มี 12 ทีม
 ลีก C มี 15 ทีม
 ลีก D มี 16 ทีม

3) แบ่งกลุ่มอย่างไร 2

จากนั้น เมื่อแต่ละชาติรู้แล้วว่า ตัวเองอยู่ในลีกไหน ทางยูฟ่า จะนำเอาแต่ละชาติมาจับสลาก แบ่งออกเป็น ลีกละ 4 กลุ่ม ได้แก่กลุ่ม 1 2 3 4
 ตัวอย่างเช่น ในลีก A

 กลุ่ม 1 ได้แก่ เยอรมัน ,ฝรั่งเศส,ฮอลแลนด์
 กลุ่ม 2 ได้แก่ เบลเยี่ยม,สวิตเซอร์แลนด์,ไอซ์แลนด์
 กลุ่ม 3 ได้แก่ โปรตุเกส,อิตาลี,โปแลนด์
 กลุ่ม 4 ได้แก่ สเปน,อังกฤษ, โครเอเชีย

 ลีก A จะมี 4 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม
 ลีก B จะมี 4 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม
 ลีก C จะมี 4 กลุ่ม 1 กลุ่ม 3 ทีม อีก 3 กลุ่ม 4 ทีม
 ลีก D จะมี 4 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม

4) แข่งตอนไหน

เมื่อรู้แล้วว่า ทีมตัวเองอยู่กลุ่มไหน และลีกไหน ทางยูฟ่า ได้กำหนดการแข่งขัน ให้เป็นแบบเหย้าเยือน ดังนี้
 
 แมตช์เดย์ 1  - แข่งระหว่าง 6-8 ก.ย.
 แมตช์เดย์ 2 - แข่งระหว่าง 9-11 ก.ย.
 แมตช์เดย์ 3 - แข่งระหว่าง 11-13 ต.ค.
 แมตช์เดย์ 4 - แข่งระหว่าง 14-16 ต.ค.
 แมตช์เดย์ 5 - แข่งระหว่าง 15-17 พ.ย.
 แมตช์เดย์ 6 - แข่งระหว่าง 18-20 พ.ย.

สำหรับกลุ่มที่มี 3 ทีม ก็จะใช้แค่แมตช์เดย์ 1-4 (วันแข่งแมตช์เดย์ 5-6 ก็ไปอุ่นเครื่องกับทีมอื่นได้)
ส่วนกลุ่มที่มี 4 ทีม ก็จะใช้แมตช์เดย์ 1-6 ครบ

5) แข่งแบ่งกลุ่มจบแล้วไงต่อ?

หากแต่ละกลุ่มแข่งครบโปรแกรมเหย้าเยือนแล้ว ก็จะเอาคะแนนที่ได้ (ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 0) เอามารวมกัน โดยแชมป์แต่ละกลุ่ม จะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ต่อไป ทีมที่เหลือตกรอบ

ในแต่ละลีก A B C D จะมีแชมป์ลีกละ 4 กลุ่ม

จากนั้น เอากลุ่ม A B C D มาเรียงกันว่า ทีมไหน มีคะแนนมากที่สุด

ในรอบรองชนะเลิศ ของแต่ละลีก จะมี 2 คู่  โดยทีมที่คะแนนมากสุดอันดับ 1 เจอกับ คะแนนอันดับ 4

ส่วนอีกคู่ ทีมที่มีคะแนนอันดับ 2 เจอกับทีมที่มีคะแนนอันดับ 3

โดย การแข่งจะเล่นแค่นัดเดียว ในบ้านของทีมที่มีคะแนนเหนือกว่า (แข่ง 5 หรือ 6 มิถุนายน 2019)

จากนั้น เอาทั้ง 2 ทีมที่ชนะ มาแข่งกันรอบชิงชนะเลิศของลีกนั้น (9 มิ.ย.) ส่วนทีมที่แพ้มาชิงที่ 3 ในวันเดียวกัน

6) แชมป์แต่ละลีกได้อะไร

แชมป์ลีก A B C D ทั้งหมด 4 ชาติ จะได้สิทธิเข้ารอบยูโร 2020 แบบอัตโนมัติทันที โดยไม่ต้องสนใจผลของการแข่งในรอบคัดเลือกปกติ 
 แต่ถ้าหาก 4 ชาติที่ได้แชมป์ ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก แล้วดันเข้ารอบยูโร 2020 อยู่แล้ว จากการคัดเลือกปกติ ก็จะเอาอันดับ 2 ในยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เข้ารอบยูโร 2020 ต่อไป ( ถ้าอันดับ 2 เข้าอยู่แล้ว ก็มาอันดับ 3 ต่อด้วยอันดับ 4 ตามลำดับ)

7) บทสรุป

สรุปคือ ยูฟ่า ต้องการให้เกมอุ่นเครื่องมีความหมายยิ่งขึ้น มากไปกว่าการเล่นให้ครบฟีฟ่าเดย์ตามโปรแกรม โดยจะใส่เอารางวัลคือยูโร 2020 รอบสุดท้ายเป็นเครื่องล่อใจ 

นั่นเท่ากับว่า ชาติเล็กในลีก  D อย่างมอลโดว่า , คาซัคสถาน หรือ เบลารุส ก็มีสิทธิไปเล่นยูโร 2020 ได้เช่นกัน ถ้าได้แชมป์ในลีกของตัวเอง

สำหรับสาเหตุที่ยูฟ่า ทำแบบนี้ได้ เพราะในช่วงสองปีต่อจากนี้ ไม่มีฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนยุโรป ดังนั้นจึงสามารถเอาช่วงฟีฟ่าเดย์ มาลองสร้างไอเดียการแข่งขันใหม่ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมาได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »