สัปดาห์ที่สองของพรีเมียร์ลีกยังมีบิ๊กแมตช์กันอย่างต่อเนื่องโดยวันนี้จะเป็นการพบกันของสองคู่ปรับในเมืองลอนดอน ระหว่าง เชลซี กับ อาร์เซน่อล เป็นเกมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะตัวกุนซือทั้งสองทีมจะลงคุมทีมในลอนดอนดาร์บี้เป็นครั้งแรก! ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นเวลา 23.30 น. เรามาดูประเด็นร้อนเรียกน้ำย่อยกันก่อน
1.เอเมรี่ หวังแก้ตัว

    อูไน เอเมรี่ รับศึกหนักเป็นเกมที่สองติดต่อกันหลังจากเกมแรกเขาต้องพ่ายให้กับแชมป์เก่าเรือใบสีฟ้า สำหรับลอนดอนดาร์บี้ในวันนี้เชื่อว่าแฟนปืนใหญ่คงอยากจะเห็นทีมเก็บแต้มแรกให้ได้ในซีซั่นนี้ไม่ว่าจะเป็นชนะหรือเสมอก็ตาม ซึ่งไม่ใช่เกมที่ง่ายแน่นอนกับการมาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทว่าเมื่อดูจากนัดที่แล้วถึงจะพ่ายให้กับแมนซิตี้แต่พวกเขายังมีสัญญาณไปในทางที่ดีแค่ต้องรอปรับจูนกันอีกสักหน่อย มาดูันว่าเกมนี้ เอเมรี่ จะทำให้สาวกกูนเนอร์ยิ้มกันได้หรือไม่

2.แท็คติกที่เริ่มลงตัวของซาร์รี่

    เมาริซิโอ ซาร์รี่ เปลี่ยนเชลซีให้แตกต่างไปจากยุคอันโตนิโอ คอนเต้ แบบสิ้นเชิง แผนการเล่นของซาร์รี่มักจะเป็นการเดินเกมขึ้นหน้าด้วยความรวดเร็วพร้อมกับบีบพื้นที่สูงในขณะที่แท็คติกของคอนเต้มักจะเกี่ยวกับเกมรับเป็นส่วนใหญ่ หัวใจหลักของแผนซาร์รี่คือผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์อย่าง จอร์จินโญ่ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ความสามารถของทั้งสองคนทำให้ผู้เล่นเกมรุกอย่าง รอส บาร์คลีย์, เอแด็น อาซาร์ หรือ วิลเลี่ยน เล่นง่ายขึ้นอย่างมาก การมีผู้เล่นแดนกลางที่ลงตัวแบบนี้จะเป็นจุดแข็งที่เชลซีเหนือกว่าปืนใหญ่ในตอนนี้

3.เกปา และ โมราต้า บททดสอบของจริง

    เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นายด่านค่าตัวแพงที่สุดในโลก ลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกได้อย่างสวยงามด้วยการเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ แต่ทว่าในเกมกับฮัดเดอร์สฟิลด์เขายังไม่เจอบททดสอบมากนัก ดังนั้นเกมลอนดอนดาร์บี้วันนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของเขาบนเวทีพรีเมียร์ลีกแห่งนี้ ด้วยวัยเพียง 23 ปีเขาจะสามารถรับแรงกดดันจากเกมที่เคี่ยวแบบนี้ได้หรือไม่ต้องรอดูกัน

    เช่นเดียวกับ อัลบาโร่ โมราต้า ถ้าใครยังจำเกมลอนดอนดาร์บี้  ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อฤดูกาลก่อนได้ เป็นเกมที่ โมราต้า ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากเขามีโอกาสมากมายที่จะพาเชลซีควัก 3 แต้มออกมาจากถิ่นปืนใหญ่แต่ปรากฎว่าเขาพลาดโอกาสทองเหล่านั้นทั้งหมด ซึ่งจนถึงบัดนี้เขายังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งได้เหมือนช่วงปีที่แล้วเลย อย่างไรก็ตามดูเหมือน ซาร์รี่ จะเชื่อใจ โมราต้า เป็นอย่างมากพร้อมจะให้โอกาสอย่างสม่ำเสมอ มาดูกันว่าเขาจะสามารถลบคำวิจารณ์เหล่านั้นได้หรือไม่
 

4.ถึงเวลาลากาแซตต์

   แม้นัดเปิดสนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปืนใหญ่ พ่ายคารังให้กับแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างไรก็ตามรูปเกมปืนใหญ่เป็นฝ่ายบุกมากกว่าด้วยซ้ำแต่พวกเขาพลาดโอกาสทองหลายต่อหลายครั้ง แต่มีจุดสังเกตให้เห็นว่าเมื่อ ลากาแซตต์ ลงสนามช่วงครึ่งหลัง จะเห็นว่าเกมบุกของปืนใหญ่มีชีวิตชีวามากขึ้นและไหลลื่นเป็นอย่างมาก เหลือแค่พวกเขาต้องปรับปรุงจังหวะจบสกอร์เท่านั้น เชื่อว่าถ้า ลากาแซตต์ ได้ลงเล่นพร้อมกับ โอบาเมย็อง มันจะสร้างปัญหาให้กับแนวรับเชลซีได้แน่

5.สแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างแกร่ง

    เชลซี เล่นในบ้านไว้ใจได้เสมอ ช่วงหลังพวกเขามีสถิติข่มทีมปืนใหญ่ด้วยการชนะ 5 นัดจาก 6 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกเมื่อลงเล่นที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ แถม 4 จาก 5 นัดที่นี่อาร์เซน่อลไม่สามารถส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายของฝั่งเชลซีได้ อย่างไรก็ตามปืนใหญ่มีสถิติที่พวกเขาพอยิ้มได้บ้าง เมื่อ 6 นัดหลังสุดที่เจอกับสิงห์บลูส์ในทุกรายการ พวกเขาไม่แพ้เลยและชนะได้ถึง 3 ครั้ง ทั้งนี้แล้วทั้งสองเพิ่งเจอกันเมื่อปรีซีซั่นช่วงต้นเดือนสิงหาคมในฟุตบอล ไอซีซี คัพ ซึ่งเมื่อจบ 90 นาทีทั้งสองเสมอกัน 1-1 และสุดท้ายเป็นปืนใหญ่เอาชนะไปได้ด้วยการยิงจุดโทษ