คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้องพบกับช่วงเวลายากลำบากในตอนแรกๆ ที่ย้ายมาลองลิ้มชิมรสชาติมะกะโรนีในเกมกัลโช่ เซเรีย อา จากการโยกจาก เรอัล มาดริด มาเล่นให้ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวมหาศาล พร้อมกับเสียงวิจารณ์ถึงข้อสงสัยในการตัดสินใจของ "ม้าลาย" ที่ทุ่มเงินเพื่อดึง สตาร์ลูกหนังชาวโปรตุกีส ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเล่นให้ "ราชันชุดขาว" ตลอดช่วง 9 ซีซั่นที่ผ่านมา

ในช่วง 3 เกมแรกของการแข่งขันอย่างเป็นทางการ โรนัลโด้ สะกดคำว่ายิงประตูไม่ได้เลย และกลายเป็นประเด็นพาดหัวของสื่อในอิตาลี อย่างไรก็ตาม กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ไม่เคยสงสัยในความสามารถของตัวเอง และทั้งเทรนเนอร์ (มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี) กับแฟนบอลพันธุ์แท้ของเขา ก็เช่นกัน

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของเวลาว่าประตูจะมาเมื่อไหร่เท่านั้น และตอนนี้ทุกอย่างก็ปลดล็อกเรียบร้อย แถมไม่ใช่แค่การยิงประตูแรกเท่านั้น เพราะ โรนัลโด้ ระเบิดฟอร์มสุดยอดในการซัดสองประตูนำ ยูเว่ สอย  ซาสซูโอโล่ 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ตอนนี้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ซัดประตูอย่างเป็นทางการในเกมลีกภายใต้สีเสื้อ ยูเวนตุส ได้แล้วโดยประตูแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 50 ซึ่งมีดวงนิดๆ เมื่อ จาน มาร์โก แฟร์รารี่ กองหลังซาสซูโอโล่ โขกสกัดไม่ดี บอลไปชนเสา และ "เฮียโด้" ก็ตามซ้ำจ่อๆ สบายอุรา หลังจากนั้น 15 นาทีก็มาบวกอีกประตูทำให้ตอนนี้เขาเป็นนักเตะหนึ่งในห้าคนในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังที่ยิงประตูในเกมลีกระดับสโมสรถึง 400 ลูก

3 คะแนนในเกมนี้ทำให้ ยูเวนตุส มีสถิติสวยหรูเมื่อเก็บชัยเรียบวุธ 4 แมตช์แรกในเกมลีกฤดูกาลนี้ และยังทำให้พวกเขารั้งจ่าฝูงต่อไป โดยมีแต้มนำห่าง นาโปลี อันดับ 2 อยู่ 3 คะแนน โดยในช่วงทศวรรษนี้ ยูเว่ ครองความยิ่งใหญ่ในลีกพาสต้าอย่างแท้จริงเมื่อพวกเขาสอย สคูเด็ตโต้ ไปเบาะๆ 7 สมัยติดต่อกัน ทั้งๆ ที่ไม่มี โรนัลโด้ อยู่ในทีมด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ในเกมระดับทวีปมันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ยูเว่ ไม่เคยได้สัมผัสหูกางๆ ของโทฟี่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกเลยนับตั้งแต่ที่ทำได้ในปี 1997 โดยพวกเขาผ่านการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 4 ครั้งในช่วงเวลานั้น และแพ้เรียบวุธทุกครั้ง รวมไปถึงในเกมที่ โรนัลโด้ ช่วย เรอัล มาดริด ปี 2017 ซึ่งเขาซัดไปสองประตูจากชัยชนะเหลือ "ม้าลาย" 4-1

โรนัลโด้ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นสง่าในการแข่งขันระดับเกมลีกตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา (ซัดไปแล้ว 400 ประตูจากการเล่นเกมลีก และคว้ารางวัลดาวซัลโวยุโรป 4 ครั้ง) ขณะที่เกมฟุตบอลถ้วยยุโรป เขาก็ทำผลงานได้อย่างสุดยอดเป็นทวีคูณ โดยสามารถคว้าดาวซัลโว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 6 ปีติดต่อกัน และนำ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป 3 สมัยหลังสุด (อีกสมัยในซีซั่น 2013–14)

หัวหอกซูเปอร์สตาร์ ยังเป็นเจ้าของสถิติดาวซัลโวสูงสุดในทัวร์นาเมนต์นี้โดยซัดไปถึง 120 ประตูเหนือกว่านักเตะคนอื่นๆ โดยจำนวนประตูดดังกล่าวยังเหลือกว่าจำนวนประตูที่สโมสรใหญ่ๆ หลายทีมทำได้ในหน้าประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย

นอกจากนี้ ดาวเตะคุณพ่อลูกสี่ เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยิงได้ 15 ประตู หรือมากกว่านั้น ในการเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลเดียว (เขาทำได้ 3 ครั้ง) และยังถือครองสถิติสุดยอดในการยิงประตูในทัวร์นาเมนต์ถ้วยใบโตยุโรปจำนวน 11 นัดติดต่อกันด้วย

สำหรับฟอร์มการเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ของ โรนัลโด้ แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ ยูเวนตุส ปรารถนาอย่างมากในการที่จะเห็นเขาช่วยปลดแอก 21 ปีแห่งการรอคอยของ "ม้าลาย" ในการได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของถ้วยสีเงินหูกางใหญ่โตใบนี้อีกครั้ง

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จะกลับมาระเบิดเพลงบรรเลงแข้งกันในสัปดาห์นี้แล้ว แน่นอนว่า อดีตสตาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด กำลังมองไปที่เป้าหมายต่อไปของเขา นั่นก็คือการเป็นแรงบันดาลใจให้กับ "เบียงโคเนรี่" ก้าวขึ้นสู่โพเดียมแชมป์ในเดือนพฤษภาคมปีหน้า