ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้เจอกับบทบทสอบครั้งสำคัญในการรับมือ บาร์เซโลน่า ที่สนามเวมบลีย์ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา และพวกเขาต้องเจอกับความพ่ายแพ้อย่างน่าเจ็บปวดด้วยสกอร์ 2-4

แน่นอนว่าด้วยขุมกำลังของ "ไก่เดือยทอง" เมื่อเทียบกับนักเตะระดับโลกที่มีอยู่เต็มทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" เป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะต่อกรได้ แถมแมตช์นี้ ลิโอเนล เมสซี่ กลับมาระเบิดฟอร์มเทพอีกครั้ง ทำให้ยิ่งยากเป็นสองเท่าในการรับมือพวกเขา

สำหรับความพ่ายแพ้ในแมตช์นี้ทำให้ สเปอร์ส ต้องกลับมาทบทวนถึงสิ่งที่พวกเขาต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือการเสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคมนี้ เพราะหากขุมกำลังในเชิงลึกของพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ สถานการณ์ของทีมในการพบกับสโมสรยักษ์ใหญ่ น่าจะมีความสูสียิ่งขึ้น

1. สเปอร์ส ต้องคิดทบทวนเรื่องการไม่เสริมทัพช่วงซัมเมอร์ 

การที่จะเอาชนะ บาร์เซโลน่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการมีทีมที่เต็มไปด้วยคุณภาพ โชคร้ายเหลือเกินที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไม่มีแบบนั้น เพราะนักเตะของพวกเขาไม่ได้มีนักเตะระดับคุณภาพอยู่ในทีมเนื่องจาก เดเล่ อัลลี่, คริสเตียน อีริคส์เซ่น และ แยน แฟร์ตองเก้น มีปัญหาบาดเจ็บ

แน่นอนว่าทั้ง 3 คนเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของ "ไก่เดือยทอง" และการไม่มีผู้เล่นแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการจัดทีมโดยเฉพาะการต้องสู้กับ บาร์ซ่า ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับโลกอยู่เต็มที่ ฉะนั้นเมื่อ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ มองดูขุมกำลังในเชิงลึกได้แต่ทำใจเพราะยากจะให้แข้งที่มีระดับฝีเท้าทดแทน 3 ทหารเสือได้

เสียงโห่ที่ดังระงมในสนามเวมบลีย์ ช่วงพักครึ่งอาจะไม่ได้จ้องโจมตีนักเตะสเปอร์สช่วงระหว่างเดินออกจากสนาม แต่น่าจะพุ่งเป้าไปที่บอร์ดบริหาร "ไก่เดือยทอง" ที่ขาดแรงกระตุ้นและความมุ่งมั่นในการซื้อนักเตะมาเสริมแกร่งช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

2.  เคน ยังไว้ใจได้

แม้จะแพ้แต่ แฮร์รี่ เคน ยิงประตูได้ ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ค่าตัวของเขาเพิ่มขึ้นจากเดิม (ที่เยอะอยู่แล้ว) ยิ่งเยอะมากขึ้นไปอีก แน่นอน หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ยังคงส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้แม้ว่าจะไม่ได้เล่นดีนัก และเขายังคงมีช่วงเวลาที่มีคุณภาพยามที่เจอกับคู่แข่งระดับคุณภาพ

ใช่เลย ลิโอเนล เมสซี่ ยังคงเล่นได้ในระดับมาตรฐานของตัวเอง เพราะเขายังสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง และยังฝากความหวังเอาไว้ได้เสมอ ขณะที่ เคน ซึ่งเคยมีข่าวย้ายไปเล่นให้ บาร์เซโลน่า เช่นกัน และด้วยความเฉียบคมของเขาแน่นอนว่านี่คือหนึ่งในหน้าเป้าที่เก่งที่สุดในโลก

3.  เมสซี่ ยังคงเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่เสมอ

หากมองตามมาตรฐานของ เมสซี่ แน่นอนว่าในปีนี้เขาอาจจะดูฟอร์มเงียบๆ ไปบ้าง เขาหลุดโผเข้าชิงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า ในช่วงต้นปีนี้ และต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเหงาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทั้งในและนอกสนาม

อย่างไรก็ตาม เมสซี่ ไม่จำเป็นต้องตกเป็นข่าว หรือความสนใจจากสื่อไหนทั้งนั้น เพราะเขายังคงเป็นสุดยอดนักเตะที่เต็มไปด้วยความอันตรายเสมอ ที่สนามเวมบลีย์ หัวหอกชาวอาร์เจนไตน์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นนักเตะที่บาร์ซ่า ขาดไม่ได้

เจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัย โชว์ฟอร์มโหดเกินห้ามใจเมื่อซัดชนเสา 2 ครั้ง และตะบันได้ 2 ประตู ทำให้ตอนนี้ เมสซี่ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายคู่แข่งไปแล้ว 5 ประตูจาก 2 เกมในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล

4. อูโก้ โยริส ฟอร์มหลุด 

หลังจากที่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน อูโก้ โยริส มีโอกาสได้กลับมาทำหน้าที่หลักในการเฝ้าเสาให้กับต้นสังกัดครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์

นายทวารแชมป์โลก มีปัญหาส่วนตัวหลังจากยอมรับว่าเมาแล้วขับในช่วงระหว่างที่รักษาอาการบาดเจ็บต้นขา และการลงสนามในเกมสำคัญ เขาแสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่ยังไม่นิ่งเมื่อตัดสินใจผิดพลาดวิ่งออกมาเพื่อหวังบล็อก จอร์ดี้ อัลบา ซึ่งเขาส่งบอลให้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ได้ซัดโล่งๆ สบายอุรา

นอกจากนี้ยังมีชอตที่ตัดสินใจพลาดบริเวณหน้าประตูเมื่อพยายามจะเตะบอลทิ้งแต่โดน เมสซี่ ฉกไปได้ เดชะบุญที่ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ช่วยชีวิตไว้ได้ทัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็โดน หัวหอกเลือดอาร์เจนไตน์ สำเร็จโทษในช่วงนาทีสุดท้ายทำให้แพ้ไป 2-4

สถิติน่าสนใจหลังเกม สเปอร์ส แพ้ยับ บาร์เซโลน่า

3 - @FCBarcelona  ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก สนามเวมบลีย์ ดูเหมือนจะถูกโฉลกกันจริงๆ เมื่อพวกเขาลงเล่นที่สนามแห่งนี้และประสบความสำเร็จ 3 เกมสำคัญได้แก่การคว่ำ ซามพ์โดเรีย นัดชิง 1992, ชนะ อาร์เซน่อล เกมรอบแบ่งกลุ่ม 1999-2000 และทุบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอบชิงชนะเลิศ ปี 2011 

27 - ลิโอเนล เมสซี่ ยิงไปแล้ว 12 ประตู และ 6 แอสซิสต์ ในการพบกับสโมสรจากอังกฤษ ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าการพบกับสโมสรจากประเทศอื่น

92 - ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ทำประตูได้หลังเล่นไปเพียง 92 นาที ทำให้ บาร์ซ่า ขึ้นนำซึ่งถือเป็นประตูที่เร็วที่สุดของ "เจ้าบุญทุ่ม" ในแชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่ที่ มาร์ค ฟาน บอมเมล ทำได้ในเกมพบ พานาธิไนกอส (36 วินาที) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2005

8000 - เอริค ลาเมล่า ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายเป็นประตูที่ 8,000 ในหน้าประวัติศาสตร์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก