ในช่วงเบรคทีมชาติ ข่าวสารสโมสรก็จะค่อนข้างเงียบ จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้กลับไปวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงต้นฤดูกาล 2018/19
   หลายสโมสร ที่ทุ่มเงินคว้านักเตะฝีเท้าดี ซึ่งผลงานของผู้เล่นเหล่านั้นก็สามารถตอบแทนเม็ดเงินที่ทีมลงทุนไป ไม่ว่าจะเป็น อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่สร้างความแตกต่างในแนวรับของลิเวอร์พูลได้ หรือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวเข้ากับยูเวนตุส และเริ่มทำผลงานได้ดี

    อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่สามารถตอบแทนกับเงินที่สโมสรได้จ่ายเพื่อเป็นค่าตัวพวกเขาได้ ไม่เว้นแต่นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเมื่อปีก่อนแต่กลับทำผลงานได้ตกลงในต้นฤดูกาลนี้ ในสกู๊ปนี้เราจะมาพูดถึงพวกเขาเหล่านี้กัน จะมีใครบ้างไปดูกันได้เลย

    5. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

    หากเทียบผลงานเมื่อปีที่แล้วกับต้นฤดูกาลของซาลาห์ มันช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขากลายเป็นจุดอ่อนที่สุดในแนวรุกของลิเวอร์พูลตอนนี้

    ทุกครั้งเวลาอยู่บนผืนหญ้า ซาลาห์ ดูเหมือนมีความลังเลในการจบสกอร์, จังหวะจะโคนดูช้าลง และบาดแผลที่เซร์คิโอ รามอส ทิ้งไว้ในเกมนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยังคงทำให้ โม ดูหวาดระแวงบริเวณหัวไหล่จนฟอร์มการเล่นผิดเพี้ยนไปจากปีก่อน อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงไม่กังวลกับแข้งตัวเก่งคนนี้ กุนซือเยอรมัน ยังเชื่อว่าในศักยภาพของซาลาห์ ว่าจะกลับคืนสู่จุดที่เขาเคยทำได้

    ถึงตอนนี้ เจ้าของรางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2017/18 เพิ่งจะยิงไปเพิ่งยิงไป 3 ประตูเท่านั้น ซึ่งหากหงส์แดง หวังจะคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ซาลาห์ จำเป็นต้องเรียกฟอร์มกลับคืนมาให้ไวที่สุด

    4. มัลคอล์ม (บาร์เซโลน่า)

    ยอดดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองในโลกลูกหนัง การย้ายสู่ถิ่นคัมป์ นู เป็นที่ถกเถียงกันในช่วงซัมเมอร์ จากตอนแรกเขากำลังจะเป็นผู้เล่นของโรม่าอยู่แล้ว แต่กลับเป็นทีมดังจากสเปน ที่จัดการไฮแจ็ค ชิงตัวเข้าสู่อ้อมอก ชนิดที่มอนชี่ผอ.หมาป่าแห่งกรุงโรม เดือดดาลเป็นอย่างมาก

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โรม่า คงได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นสถานการณ์ของปีกบราซิเลี่ยนรายนี้

    ผ่านไปประมาณ 2 เดือนเศษ ของซีซั่นใหม่ มัลคอม กลับได้รับโอกาสไม่มากนัก เขาไม่สามารถขึ้นมาเบียดพื้นที่ตัวจริงของ ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ หรือแม้กระทั่ง อุสมาน เดมเบเล่ ได้เลย

    มัลคอล์ม จำเป็นต้องแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาให้ได้มากกว่านี้ เพื่อโอกาสสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริงในทีมของเอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ แต่หากยังเป็นต่อไปแบบนี้ เสียดายฝีเท้าและทักษะของเขา ที่ต้องถูกปิดผนึกไว้ที่ม้านั่งข้างสนาม

    3. แจ็ค วิลเชียร์ (เวสต์แฮม)

    ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นตัวความหวังของวงการลูกหนังอังกฤษ แต่อาการบาดเจ็บก็พรากพรสวรรค์ที่มีจนไม่สามารถก้าวไปถึงจุดที่ทุกคนวาดฝันได้

    อย่างไรก็ตาม หลังพักฟื้นตัวไปนาน วิลเชียร์ ก็เริ่มกลับมาทำผลงานได้ดี เมื่อครั้งถูกบอร์นมัธ ยืมตัวไปใช้งานเมื่อฤดูกาล 2016/17 จนเมื่อเจ้าตัวหมดสัญญากับอาร์เซน่อล เขาก็เลือกเซ็นสัญญากับเวสต์แฮม ในยุคของมานูเอล เปเยกรินี่และเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เขากลับมาโดดเด่นอีกครั้งบนลีกลูกหนังเมืองผู้ดี

    โอกาสการลงสนามของวิลเชียร์ เป็นไปตามที่เขาหวังไว้ เมื่อได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตลอด 4 เกมแรกของฤดูกาล แต่ทว่าการเริ่มต้นในสีเสื้อเลือดหมู-น้ำเงิน กลับเป็นฝันร้าย เมื่อ 4 เกมนั้น ขุนค้อนลงเอยด้วยความพ่ายแพ้แบบเรียบวุธ จนจมอยู่ท้ายตาราง

    ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออดีตกุนซือแมนฯซิตี้ ปรับแท็กติคใหม่เพื่อหาจุดเปลี่ยน โดยการเลือกดร็อปวิลเชียร์ออกจากชุดตัวจริง ผลที่ออกมาคือเวสต์แฮม ทำผลงานได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 ในสามเกม ก่อนจะบุกไปพ่ายต่อไบรท์ตัน 0-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด
   
    2. ฟาบินโญ่ (ลิเวอร์พูล)

    ฟาบินโญ่ แจ้งเกิด ได้ในฤดูกาล 2016/17 เมื่อพาอาแอส โมนาโก คว้าแชมป์ลีกเอิง รวมถึงทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จนได้รับความสนใจจากแมนฯยูไนเต็ด อย่างมากในขณะนั้น
   
    แต่สุดท้าย เป็นลิเวอร์พูล ที่เรียกเสียงฮือฮาจัดการคว้าแข้งตัวรับแซมบ้ารายนี้เข้าร่วมทีม ด้วยค่าตัวกว่า 40 ล้านปอนด์ และยังเป็นแข้งหน้าใหม่รายแรกในซัมเมอร์นี้ของหงส์แดงอีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ เดอะ ค็อป ยังไม่ได้ยลฟอร์มการเล่นของเขาเท่าไหร่นัก ซึ่งมาจากการที่เขายังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับระบบทีมได้ และจากการคำพูดว่าของเจอร์เก้น คล็อปป์ ที่กล่าวว่า ฟาบินโญ่ยังต้องใช้เวลาสักพักเพื่อเรียนรู้กับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษให้ได้ดีกว่านี้

    โดยเคสนี้ คล้ายกับกรณีของแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ต้องใช้เวลาการปรับตัวเข้ากับทีมสักระยะหนึ่ง จนในตอนนี้แบ็กเลือดสก็อตช์กลายเป็นหนึ่งในแข้งขวัญใจของแฟนบอลหงส์แดงไปแล้ว

    1.  อาร์ตูโร่ วิดัล (บาร์เซโลน่า)

    ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ไม่มีใครปฏิเสธว่า อาร์ตูเร่ วิดัล คือหนึ่งในกองกลางชั้นนำของโลก ทั้งการนำยูเวนตุสคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา สองสมัยติดต่อกัน รวมถึงเข้าชิงฟุตบอลยุโรป โดยในตอนนั้นพาร์ทเนอร์แดนกลางของเขาคืออันเดรีย ปีร์โล่ และต่อมากับบาเยิร์น มิวนิค เขาก็ประสานงานกับ ชาบี อลอนโซ่ กวาดความสำเร็จนับไม่ถ้วนในถิ่นเมืองเบียร์

    จนเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา วิดัล ก็ข้ามฟากมาค้าแข้งในลาลีกา กับบาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ หรือราว 1,200 ล้านบาท แต่การย้ายสู่ทีมใหม่ครั้งนี้ของเขากลับกลายเป็นฝันร้ายเมื่อต้องตกเป็นตัวสำรอง เพราะพื้นที่ตัวจริงเขาไม่สามารถเบียดอีวาน ราคิติช เจ้าของสัมปทานเดิมได้ และมันทำให้เขาไม่พอใจมากทั้งๆที่ตัวเองก็พร้อมจะลงสนาม

    จุดเดือดของวิดัล มาระเบิดเมื่อเขาไม่พอใจสำหรับการเป็นตัวสำรองในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่บาร์ซ่า บุกชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 อีกทั้งในเกมกับบาเลนเซีย นัดล่าสุด เขาก็ไม่มีชื่อเป็นตัวจริงอีกด้วย "ผมจะมีความสุขได้ยังไงในเมื่อผมไม่ได้ลงเล่น ผมคือคนที่สู้มาตลอด เคยอยู่ในทีมสุดยอดของโลกมาแล้ว คว้าแชมป์มาทุกรายการ และต้องการคว้าแชมป์ต่อไปที่ บาร์เซโลน่า ผมแข็งแรงดีและมีความสุข ในช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมาผมหงุดหงิดนิดหน่อย แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเราจะสู้ต่อไป มันมีเกมสำคัญมากมายรออยู่และเราจะได้รู้กัน"