แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะ 4 เกมรวดภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดยถือเป็นการเริ่มต้นงานผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาทำงานแทน โชเซ่ มูรินโญ่ ที่โดนเฉดหัวออกไปช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

"ปีศาจแดง" เปิดเกมบุกตามสไตล์ดั่งเดิมที่เหล่าแฟนบอลของพวกเขาอยากเห็น แต่ก็ต้องเจอกับการเล่นที่มีระเบียบวินัยของเจ้าบ้าน อย่างไรก็ตาม ความอดทน และการแก้เกมที่ยอดเยี่ยมของ โซลชา ทำให้ทีมได้สองประตูสำคัญจาก โรเมลู ลูกากู กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ส่งผลให้ทีมเก็บ 12 คะแนนรวด

สำหรับเกมรับยังคงมีข้อผิดพลาดเหมือนเดิม โดยเฉพาะในครึ่งแรกจังหวะที่ ฟิล โจนส์ โดนแย่งบอลแต่เดชะบุญที่เจ้าตัวสามารถวิ่งไปสกัดบอลได้ทัน อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่เหลือแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ต้องทำงานหนักมากนัก และทำให้พวกเขาเก็บคลีนชีตได้เกมแรกนับตั้งแต่ โซลชา คุมทีม

1. มาร์คัส ระเบิดฟอร์ม

ในยามที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเจอช่วงเวลายากลำบากในการควานหาประตู มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งได้ลงเล่นกองหน้า 4 เกมติดต่อกันนับตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุมบังเหียน พร้อมที่จะฉกฉวยโอกาสเพื่อทำให้ "ปีศาจแดง" ได้พบกับทางสว่างได้เสมอ

หัวหอกวัย 21 ปี สร้างปัญหาให้กับ นิวคาสเซิ่ล เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้บอลครองอยู่ที่เท้า เพราะความเร็ว และความคล่องของนักเตะสามารถขู่เกมรับ "สาลิกาดง" ได้สบายๆ นอกจากนี้ฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงสร้างประโยชน์ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ และไม่แปลกใจเลยทำไมเจ้าตัวถึงได้ลงเล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง
ด้วยฟอร์มขนาดนี้ส่งผลให้ โรเมลู ลูกากู กับ อเล็กซิส ซานเชซ ต้องทำใจเป็นตัวสำรองอดทน และมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตพวกเขาอาจจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ไปอีกนาน ที่ แรชฟอร์ด ยังจัดการซัดประตูปิดท้ายให้กับทีมด้วย ทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นนักเตะสำคัญของ "ผีแดง" ไปเรียบร้อยแล้ว

2. โซลชา สร้างสถิติเทียบเซอร์แม็ตต์ บัสบี้

มีผู้จัดการทีมที่ชนะ 4 เกมแรกที่นั่งเก้าอี้กุมบังเหียนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ เซอร์แม็ตต์ บัสบี้ ตำนานกุนซือผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของ "ปีศาจแดง" แต่ดูเหมือนว่า โซลชา ได้สร้างชื่อของเขาขึ้นมาเทียบเคียงบรมครูแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้แล้ว

อดีตหัวหอกซูเปอร์ซับ แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างผลงานดีมีคุณภาพนับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามารับงานคุม "เร้ด เดวิลส์" เพราะตอนนี้เขาสามารถเก็บชัยชนะเรียบวุธ 4 เกมแรกที่ทำงานเป็นเฮดโค้ชทีมรัก ที่สำคัญ แมนฯ ยู กลายเป็นทีมที่เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือภายใต้การคุมทัพของ นายใหญ่ชาวนอร์เวย์
สไตล์การเล่นของทีมในเวลานี้กลับคืนสู่ปรัชญาสโมสรที่แจกความสดใสอีกครั้ง เพราะพวกเขาเน้นการเล่นเกมบุกสนุกกระฉับกระเฉง และเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในยุคที่ มูรินโญ่ คุมทัพซึ่งเน้นผลการแข่งขันจนหน้าอึดอัด

ทั้งนี้ โซลชา มีสัญญาอยู่เพียงแค่จบฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องแบบนี้ ทำให้ตอนนี้มีกระแสเสียงจากสาวก "เร้ด อาร์มี่" ที่เรียกร้องให้แต่งตั้ง อดีตหัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ ทำหน้าที่คุมทีมถาวร เพราะพวกเขามีคนเก่งอยู่ในมือแล้ว จะไปสรรหาคนอื่นทำไม

3. ริมเส้นแมนฯยูไนเต็ดยังขาดความสมดุล

แม้ว่าจะมีอะไรหลายๆ อย่างออกมาในเชิงบวกมากมายก็ตาม แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้อยู่ในขั้นฟอร์มการเล่นที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการเล่นทางริมเส้น เพราะหากมองทางฝั่งซ้ายจะเห็นได้ว่า อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล กับ ลุค ชอว์ สามารถขู่แนวรับของ นิวคาสเซิ่ล ได้ตลอด

ขณะที่ทางฝั่งขวา ฆวน มาต้า ยังคงมีความสำคัญและโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นโดยเฉพาะการลากเลี้ยงตัดเข้าใน รวมไปถึงการเปิดบอลที่เฉียบคมใส่แนวรับของเจ้าบ้าน อย่างไรก็ตาม อันโตนิโอ วาเลนเซีย ดูเหมือนจะยังมีปัญหาในการเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมา ฉะนั้นประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ กุนซือเจ้าของฉายา "เพชฌฆาตหน้าทารก" ต้องพยายามหาทางแก้ไขให้ได้
   
4. ซูเปอร์ซับยุค โซลชา

สามเกมแรก โซลชา คุมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไล่ยำคู่แข่งเป็นว่าเล่น แต่ในเกมเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทุกอย่างไม่ได้เป็นเหมือนเดิม เพราะ "สาลิกาดง" ไม่ใช่ทีมที่จะเจาะแนวรับได้ง่ายๆ และ "ปีศาจแดง" ก็ได้เห็นไปแล้วเพราะพวกเขาไม่สามารถเจาะตาข่ายได้เลยในครึ่งแรก

อย่างไรก็ตาม เกมนี้ถือเป็นการพิสูจน์กึ๋นของ โซลชา เช่นกันเมื่อเขาต้องตกอยู่ในสภาวะกดดันที่จะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในเกมนี้ ด้วยการเปลี่ยนตัวนักเตะเพื่อเปลี่ยนเกม โดยส่ง ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ ในช่วงที่ทีมอยู่ในสถานการณ์อึดอัดเมื่อไม่สามารถเปิดสกอร์เจ้าบ้านได้
แค่ไม่กี่นาทีที่ ลูกากู ลงสนาม ก็มีส่วนช่วยให้ แมนฯ ยูฯ ได้ประตูขึ้นนำทันที แต่งานนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับ แรชฟอร์ด และความผิดพลาดของ มาร์ติน ดูบราฟก้า ที่ดันทำหมูหกรับบอลกระฉอก ส่งผลให้ นิวคาสเซิ่ล ตกเป็นรอง ก่อนจะโดนอีกประตูช่วง 10 นาทีสุดท้าย

ทั้งนี้้ต้องยอมรับว่า โซลชา มีมันสมองไม่ธรรมดาในการแก้เกม และผลงานแบบนี้แสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะทำหน้าที่กุมบังเหียนเก้าอี้ร้อนตัวนี้แล้ว

5. คลีนชีต 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค โซลชา ทำให้แฟนบอล "ผีแดง" ทั่วโลกมีความสุขกับการเห็นทีมรักตะบันตาข่ายคู่แข่งไปถึง 14 ประตู ถือว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่เหล่ากองทัพแดง (เร้ด อาร์มี่) เฝ้ารอมานาน หลังจากต้องทนทุกข์ทรมานกับการดูเกมที่แสนน่าเบื่อสมัย "เฮียมู" คุมทัพ

อย่างไรก็ตาม 3 เกมก่อนหน้านี้ แมนฯ ยูฯ ไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้เลย โดยเสียเกมละ 1 ประตู แต่สำหรับแมตช์ล่าสุด โซลชา ที่จำเป็นต้องส่ง ฟิล โจนส์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง ร่วมกับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เนื่องจาก เอริค ไบยี่ ปราการหลังคนสำคัญโดนลงโทษแบน
ตอนแรกดูเหมือนเกมรับของทีมไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะในช่วงต้นเกมที่เกือบเสียประตู 2-3 ครั้ง แต่สุดท้ายพวกเขาค่อยๆ ปรับเกมรับจนในที่สุดแนวรุกของ นิวคาสเซิ่ล ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และสุดท้ายทีมก็สามารถเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ  แต่ดูท่าทาง โซลชา น่าจะสร้างชื่อด้วยสไตล์การเล่นเกมรุก มากกว่าการเล่นเกมรับแหงๆ