งานผู้จัดการทีมหรือเทรนเนอร์หรือโค้ช จะเรียกยังไงก็ได้ในวงการฟุตบอล โดยหน้าที่สำคัญก็คือการวางแท็กติค กลยุทธ์ ในการนำสโมสรลงสนามเพื่อบรรลุเป้าที่วางเอาไว้ รวมทั้งยังเป็นงานที่ต้องใช้สมองในการปรับปรุงแก้ไขปรับหาภายในทีม ซึ่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำได้ดีมากๆ นับตั้งแต่เข้ามากุมบังเหียนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
    โชเซ่ มูรินโญ่ ได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีกึ๋นระดับอ๋องในการคุมหลายๆ สโมสรจนประสบความสำเร็จไล่ตั้งแต่ เอฟซี ปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน และ เรอัล มาดริด สโมสรเหล่านี้คว้าแชมป์ในระดับประเทศ และบางสโมสรได้แชมป์ในระดับยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

    ในส่วนการทำงานให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ฤดูกาลเดียว "เฮียมู" เสกแชมป์ให้พวกเขาถึง 2 รายการได้แก่ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก และ ลีก คัพ ซึ่งการได้แชมป์ถ้วยใบเล็กยุโรป ทำให้ "ปีศาจแดง" กลายเป็นสโมสรที่สองในอังกฤษที่ได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรปครบทุกรายการ (แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก และ คัพ วินเนอร์ส คัพ)

    อย่างไรก็ตามการทำงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่สอง เขาไม่สามารถนำความสำเร็จสู่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นอกจากการได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก และในซีซั่นที่ 3 ซึ่งเป็นฤดูกาลชะตาขาดของเขา มูรินโญ่ นอกจากจะทำผลงานไม่ได้เรื่องแล้ว ยังไม่สามารถแก้ปัญหาส่วนตัวกับลูกทีมได้เลย

    ปอล ป็อกบา กลายเป็นส่วนเกินในการสร้างทีมของ "เดอะ สเปเชียล วัน" เพราะเขาไม่ค่อยได้ลงเล่นตัวจริงในฤดูกาลนี้ แถมสองเกมสุดท้ายในการทำหน้าที่ของ กุนซือชาวโปรตุกีส ยังโดนดองด้วย ขณะที่ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ดูเหมือนพร้อมจะเดินออกจาก "โรงละครแห่งความฝัน" เมื่อถึงเวลาที่สัญญาหมด

    อย่างไรก็ตามเมื่อ โซลชา ได้เข้ามากุมบังเหียน เมฆดำที่แสนมืดครึ้มบนฟากฟ้าของเธียเตอร์ ออฟ ดรีม ค่อยๆ จางหายไป โดย นายใหญ่ซูเปอร์ซับ เริ่มดำเนินการขจัดปัญหาของทีมไปทีละประเด็น โดยเปลี่ยนทีมที่มีสไตล์การเล่นน่าเบื่อ ให้กลับมาเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมแสนดุดันและฆ่าไม่ตายอีกครั้ง

    ปัญหาต่อมาคือการเรียกฟอร์มเก่งของผู้เล่นแกนหลัก เริ่มด้วย ป็อกบา ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ และยิงประตูร่วมทั้งทำแอสซิสต์ ได้เป็นว่าเล่นในช่วงหลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการที่ โซลชา แสดงความเชื่อมั่นในตัวนักเตะ และให้อิสระในการเล่นเกมรุกเต็มที่

    ตามมาด้วยการเปิดใจกับ มาร์กซิยาล เกี่ยวกับอนาคตของเขากับ แมนฯ ยูฯ และนั่นทำให้เจ้าตัวมั่นใจว่าสามารถฝากอนาคตเอาไว้กับทีมได้จึงสลัดน้ำหมึกขยายสัญญาออกไปอีก 5 ปี โดยตอนนี้ หัวหอกชาวฝรั่งเศส กลับมาคืนฟอร์มเก่งได้แล้วด้วย

    สำหรับปัญหาเรื่องเกมรับในยุคมูรินโญ่ ที่เสียประตูเป็นว่าเล่น นายใหญ่ซูเปอร์ซับ เข้ามาปรับเปลี่ยนจนทำให้ทีมเสียไม่กี่ประตูซึ่งมากกว่าทีมอื่นๆ ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี หากนับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามากุมบังเหียนเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมปีที่ผ่านมา

    ต้องยอมรับว่าเกมรับในยุคโซลชามีการแก้ไขปรับปรุงได้ดีมากๆ ทั้งๆ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เซ็นสัญญากับเซนเตอร์แบ็กคนใหม่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อย่างที่ มูรินโญ่ พยายามสะกิดบอร์ดบริหารให้ทุ่มเงินเพื่อซื้อกองหลังโดยหวังจะขันน็อกเกมรับของที่ให้แน่นยิ่งขึ้น   

     หนึ่งในนักเตะที่พัฒนาฝีเท้าจนช่วยเล่นเกมรับให้ทีมได้ดียิ่งขึ้นนั่นก็คือ อันเดร์ เอร์เรร่า แม้ว่านักเตะจะถนัดการเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ก็ตาม ยกตัวอย่างในเกมที่เฉือนเลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 อดีตดาวเตะแอธเลติก บิลเบา เขาสกัดได้อย่างเด็ดขาด และตัดบอลได้ดีเยี่ยม ไม่ใช่แค่นั้นเพราะ เอร์เรร่า ยังมีค่าเฉลี่ยในการตัดบอลต่อเกมในลีกผู้ดี เหนือกว่านักเตะคนอื่นในตำแหน่งกองกลางสำหรับฤดูกาลนี้ ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมทำให้นักเตะไม่เคยโดนดร็อปออกจากนี้ 

    อีกปัญหาที่ มูรินโญ่ สร้างเอาไว้นั่นก็คือการซื้อ เฟร็ด มาร่วมทีมในราคาสูงถึง 52 ล้านปอนด์ (ราว 2,132 ล้านบาท) แต่นักเตะดันไม่สามารถปรับตัวได้ และไม่ค่อยได้ลงสนาม แต่ตอนนี้ โซลชา ต้องเจอปัญหาเดียวกับ "เฮียมู" แต่กระนั้นเขาสามารถซื้อใจ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ด้วยการยืนยันว่านักเตะมีอนาคตกับสโมสร และอยู่ในแผนการสร้างทีม

    ทั้งหมดนี้คือความสามารถของ โซลชา ที่ก้าวเข้ามาเพื่อทำการแก้ปัญหาที่ มูรินโญ่ ไม่สามารถแก้ได้ และนี่คือคุณสมบัติที่ครบถ้วนสำหรับคนที่จะเป็นผู้จัดการทีม เพราะไม่ใช่แค่วางแท็กติคเท่านั้น แต่การซื้อใจลูกทีมเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน