ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ลินการ์ดยิงแล้ว, ลูกกรอกคะนอง ! เจาะ 5 ข้อ แมนยูดาวรุ่งแพ้ อัสตานา

ลินการ์ดยิงแล้ว, ลูกกรอกคะนอง ! เจาะ 5 ข้อ แมนยูดาวรุ่งแพ้ อัสตานา

Posted 29/11/2019 by siamsport

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่หน้าทารก แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการให้โอกาสบรรดาดาวรุ่งได้ลงสนามมากขึ้น โดยเฉพาะในเกมระดับยุโรปแมตช์เยือน อัสตานา ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก กลุ่ม แอล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แม้บทสรุป "ปีศาจแดง" จะแพ้ 1-2 แต่ทีมก็ได้ประสบการณ์มากมาย

แน่นอนว่าการใช้ดาวรุ่งเกือบยกชุด มีข้อเสียในเรื่องการขาดประสบการณ์ แต่กระนั้น โซลชา ก็ได้เห็นพัฒนาการของนักเตะเหล่านี้ เพราะพวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในอนาคต ที่สำคัญนี่คือการสั่งสมประสบการณ์เพื่อโอกาสในการลงเล่นทีมชุดใหญ่

นอกจากจะได้เห็นดาวรุ่งทำผลงานโดดเด่นหลายคนแล้ว สาวก "เร้ด อาร์มี่" ยังได้เห็น เจสซี่ ลินการ์ด สวมปลอกแขนกัปตันทีม พร้อมกับยิงประตูให้ต้นสังกัดเป็นลูกแรกในรอบ 10 เดือน ซึ่งนั่นถือเป็นสัญญาณที่ดีในการเห็น ปีกทีมชาติอังกฤษ กลับมาเรียกฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง

1. ให้โอกาสดาวรุ่งเต็มทีม

ความตั้งใจของ โซลชา ตั้งแต่ก่อนลงเล่นเกมนี้ก็คือการให้โอกาสนักเตะที่ไม่เคยได้ลงสนาม และพวกดาวรุ่งได้ลงสนามในแมตช์นี้ เพราะต้องการให้ผู้เล่นเหล่านี้ได้รับประสบการณ์สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าถือเป็นเรื่องเสี่ยงพอสมควร แต่กระนั้น "น้าลูกอม" ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะพวกเขาตีตั๋วเข้ารอบ 32 ทีมไปแล้ว

ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ และสภาพสนามที่ค่อนข้างแข็ง แต่ "ผีแดง" ก็พยายามทำผลงานให้ดีที่สุด โดยเฉพาะ เจมส์ การ์เนอร์ กับ ดีแลน เลวิทท์ สองมิดฟิลด์ตัวเก่งที่เล่นได้อย่างโดดเด่นในจังหวะการผ่านบอล ขณะที่  อังเคล โกเมส กับ เมสัน กรีนวู้ด ก็โชว์ให้เห็นถึงพัฒนาการที่โดดเด่น

อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือนักเตะเหล่านี้ขาดความเฉียบคมเมื่อมีโอกาสที่จะบวกสกอร์เพิ่ม แน่นอนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมได้มากถึง 66 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ อัสตานา ทำได้เพียง 34 เปอร์เซ็นต์ แถม "ผีแดง" มีโอกาสยิงประตู 20 ครั้ง แต่มีเพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้นที่ตรงกรอบ

ประเด็นที่น่าผิดหวังที่สุดเกี่ยวกับการยิงประตูก็คือจังหวะของ ทาฮิธ ชอง ที่ยืนโล่งๆ หน้าประตูแต่กับเตะบอลข้ามคานหน้าตาเฉย ซึ่งพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือยิงเข้าง่ายกว่ายิงออก ! ขณะที่โอกาสของ กรีนวู้ด กับ โกเมส (ฟรีคิก) โดนปฏิเสธจากปลายมือของ เนนัด เอริช โกล์เจ้าบ้าน

ยังไม่หมดแค่นั้น "เร้ด เดวิลส์" ชุดนี้ยังขาดการเล่นที่สร้างสรรค์ ทั้ง ชอง, โกเมส และ ลุค ชอว์ บ่อยครั้งที่สับสนในการวิ่งเติมเกมรุก และลงมาเล่นเกมรรับ ฉะนั้นดาวรุ่เหล่านี้คงได้ประสบการณ์ไปเยอะในเกมนี้ และบางทีน่าจะทำให้พวกเขาได้พัฒนาตัวเองในอนาคต
 
2. ลินการ์ด คืนชีพ

สาวก "เร้ด อาร์มี่" จำได้ไหมว่า เจสซี่ ลินการ์ด มีชื่อบนสกอร์บอร์ดให้กับทัพ "ปีศาจแดง" ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ? แน่นอนว่าต่อให้เป็นแฟนพันธุ์แพ้ "ผีแดง" ก็คงยากจะตอบคำถามนี้ เฉลยให้ก็ได้ ก็ประมาณ 10 เดือน ที่เจ้าตัวไม่ได้ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

อย่างไรก็ตามแมตช์นี้ ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ซึ่งได้รับโอกาสสำคัญจาก โซลชา ให้สวมปลอกแขนกัปตันทีมไม่ได้ให้เจ้านายผิดหวัง เพราะเจ้าตัวโชว์ให้เห็นถึงความสุดยอดและเฉียบคมในจังหวะการตะบันลูกหนังนอกกรอบเขตโทษ ส่งบอลไปเข้าประตูไปอย่างงดงาม

สำหรับประตูดังกล่าวทำให้ ลินการ์ด ยุติสถิติสุดย่ำแย่ของตัวเองซะที  หลังจากที่ครั้งสุดท้ายที่เจ้าตัวมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดต้องย้อนกลับไปในแมตช์ชนะ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 3-2 ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อวันที่ 25 มกราคมซึ่งนับนิ้วแล้วก็ประมาณ 10 เดือนเลยทีเดียว

จากนี้ไป ลินการ์ด น่าจะมีสมาธิกับการเล่นฟุตบอลมากขึ้นเพราะสามารถใช้ฝีเท้าในการตอบโต้เสียงวิจารณ์ในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี แต่หากเจ้าตัวยังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ทั้งการให้ความสำคัญกับสื่อสังคมออนไลน์ และธุรกิจส่วนตัวมาเกินไป สุดท้ายวัฎจักรเดิมๆ ก็อาจจะกลับมาอีกครั้ง ก็..เป็น....ได้

3. จังหวะ ชอง จุดเปลี่ยนสำคัญ

หลังจากที่เกมผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ลินการ์ด ยิงไกลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0 แน่นอนว่าสถานการณ์แบบนี้ผู้มาเยือนถือความได้เปรียบเต็มสองกระเป๋า เพราะพวกเขาสามารถเล่นเกมสวนกลับได้ทันที และด้วยตัวผู้เล่นดาวรุ่งที่คึกคะนองกันสุดๆ แฟนบอล "ผีแดง" น่าจะได้เห็นของดีของเด็ดมากยิ่งกว่านี้

แน่นอนว่าเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ พวกเขาก็ครองเกมได้เหนือกว่าเจ้าบ้านแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และมีโอกาสที่จะใส่ตัวเลขบนสกอร์บอร์ดเพิ่มขึ้นจากหนึ่งเป็นสองประตูได้หลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายสถานการณ์ความได้เปรียบยังคงเป็นตัวเลข 1-0 เหมือนเดิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในในนาทีที่ 54 "ผีแดง" ควรจะได้ประตูขึ้นนำ 2-0 ลุค ชอว์ เปิดบอลถวานพานให้ ทาฮิธ ชอง ที่ยืนแต่งตัวหล่ออยู่โล่งๆ แต่เจ้าตัวแปบอลเหินข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น แน่นอนว่าหากลูกนั้น ดาวเตะหัวฟูสัญชาติดัตช์ ยิงเข้าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปทันที

แถมที่เจ็บปวดยิ่งกว่าก็คือเพียงแค่ 1 นาทีหลังจากนั้น อัสตาน่า เติมเกมสวนกลับเร็ว โดย โรมัน มูร์ตาซาเยฟ ลากจากฝั่งซ้ายเข้ามาจ่ายให้ ดมิทรี ชอมโก้ จับบอลแล้วพลิกตัวยิงด้วยซ้ายส่งบอลเสียบเสาไหลไม่เหลือ และอีก 7 นาทีต่อมาเจ้าบ้านพลิกแซงจากจังหวะที่ อันโตนิโอ รูคาวิน่า เติมเกมบุกขึ้นมาแล้วลากไปสุดเส้นหลังก่อนเปิดยัดเข้ากลางถูก ดิ ชอน เบอร์นาร์ด ล้มตัวสกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเอง และเป็นประตูชัยของ อัสตานา ซะด้วย

4. ลุค ชอว์ ยังขาดความสมบูรณ์

หากไม่นับหุ่นอวบอั๋นแล้ว ลุค ชอว์ ยังคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควรในการเรียบความสมบูรณ์ในการเล่นของตัวเองกลับคืนมา เห็นได้ชัดว่าในเกมนี้ ดาวเตะเลือดผู้ดี เล่นช้าอืดอาด และไม่มีความกระตือรือร้นกับการลงสนามเกมแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม

ในส่วนของความเร็ว ชอว์ คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ เนื่องจากปัญหาบาดเจ็บที่คอยรบกวนตลอดทำให้เขาพลาดโอกาสได้พัฒนาฝีเท้ามากนัก อย่างในจังหวะกลางครึ่งแรก อดีตแบ็กซ้ายเซาธ์แฮมป์ตัน เชื่องช้าสุดๆ ปล่อยให้ ดอริน โรตาริอู มีโอกาสยิงประตู

ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่สถานการณ์ลุ้นเป็นตัวจริงของ ชอว์ เริ่มสั่นคลอน เพราะตอนนี้คู่แข่งสำคัญในตำแหน่งเดียวกันก็คือ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงสุดๆ และน่าจะกลายเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งนี้ของ โซลชา ไปเรียบร้อยแล้ว

ที่สำคัญไปกว่านั้นจากฟอร์มการเล่นของ ชอว์ ในเกมนี้หากเจ้าตัวไม่รีบทำการแก้ไขปรับปรุงเป็นการด่วน งานนี้บอกได้เลย วิลเลี่ยมส์ คงนั่งยิ้มนอนยิ้มสบายอุรา เพราะไม่มีอะไรต้องกังวลกับการแย่งตำแหน่งกับ ชอว์ แม้แต่นิดเดียว

 5. แผงมิดฟิลด์ยอดเยี่ยม

หากมองจากรายชื่อ 11 ตัวจริงในการเยือนคาซัคสถาน แผงมิดฟิลด์ของ "ผีแดง" ค่อนข้างกดดันพอสมควร แต่ ลินการ์ด, การ์เนอร์ และ เลวิทท์ เล่นได้ดีเหลือเกิน บ่อยครั้งที่ทีมพลิกสถานการณ์เปิดเกมรุก ทั้งสามคนช่วยกันสร้างโอกาสให้ทีมได้อย่างดีเยี่ยม

การได้เห็นแผงกองกลางทำผลงานได้โดดเด่นทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงยินดีปรีดาหลังจากที่เบื่อหน่ายกับการเห็น เฟร็ด และ อันเดรียส เปเรยร่า ยืนเป็นสองตัวหลักคุมแผงมิดฟิลด์ ซึ่งบอกได้เลยว่าฟอร์มคู่หูบราซิเลียน เล่นได้ย่ำแย่เหลือเกิน

สามประสานในเกมนี้ช่วงสร้างความแตกต่างในแดนกลางได้พอสมควร ฉะนั้นมีความเป็นไปได้ที่ โซลชา จะให้โอกาส 2 ดาวรุ่งอย่าง การ์เนอร์ และ เลวิทท์ ได้สัมผัสเกมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะมีลุ้นเล่นทีมชุดใหญ่เพราะทีมขาด ปอล ป็อกบา และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »